บทที่ 1371 เข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ที่หลิงหยุนจำเป็นต้องใคร่ครวญอยู่นานว่าจะตัดสินใจเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่หรือไม่นั้นแน่นอนว่าย่อมเกี่ยวพันกับเรื่องการรับทัณฑ์สวรรค์
  นั่นเพราะหากเขาเข้าสู่ขั้นซื่อเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-4) เมื่อใด ย่อมเท่ากับว่าได้ก้าวเข้าสู่ด่านกลางของขั้นพลังชี่แล้ว และนั่นหมายความว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!
  เวลานี้วิชาดาราคุ้มกายของหลิงหยุนก้าวหน้าไปมากแล้วเขาจึงมิได้รู้สึกเกรงกลัวต่อทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วแต่อย่างใด แต่สิ่งที่เขากังวลกลับเป็นทัณฑ์สวรรค์เทียนเจี๋ยเสียมากกว่า..
  เพราะหากทัณฑ์สวรรค์เทียนเจี๋ยปรากฏขึ้นเมื่อใดแน่นอนว่าย่อมต้องเกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ไม่ว่าจะเป็นจุดท่องเที่ยวทั้งสี่จุดของทะเลสาบจิงฉู บริเวณรอบๆทะเลสาบและในตัวเมืองแถวเขตหมู่บ้านจิงฉี
  ที่หลิงหยุนต้องคิดหนักก็เพราะเช่นนี้..
  หากเป็นผู้อื่นรับทัณฑ์สวรรค์อยู่ใต้หลุมยักษ์เช่นนี้ก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลใจดังเช่นหลิงหยุน นั่นเพราะรอบๆเขามังกรแห่งนี้มีภูเขาล้อมรอบ อีกทั้งยังอยู่ลึกลงไปใต้ดินหลายร้อยเมตรเช่นนี้ ย่อมไม่มีทางที่ทัณฑ์สวรรค์เทียนเจี๋ยจะปรากฏขึ้นกับคนผู้นั้นได้แน่
  แต่หลิงหยุนรู้ดีว่าตนเองนั้นแตกต่างจากผู้อื่นและทัณฑ์สวรรค์เทียนเจี๋ยสำหรับเขานั้น เป็นเรื่องที่มิอาจคาดเดาได้ แต่เขาคาดเดาว่า หากตนไม่ออกไปจากใต้หลุมยักษ์ ทัณฑ์สวรรค์เทียเจี๋ยก็อาจจะไม่ปรากฏก็เป็นได้..
  แต่หากจะเกิดเขาก็ไม่สามารถคาดการได้ว่าทัณฑ์สวรรค์เทียนเจี๋ยจะเกิดขึ้นกับตนในขั้นใด และเมื่อใด และนี่คือปัญหาใหญ่สำหรับหลิงหยุน..
  ยกตัวอย่างเช่น..เมื่อครั้งที่เขาเข้าสู่ขั้นปรับกายา-7 บนเกาะเตียวหยูนั้น เขายังต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์เมฆา และเป็นทัณฑ์เมฆาเก้าสีที่รุนแรงและน่ากลัวที่สุดอีกด้วย!
  อีกหนึ่งตัวอย่างคือเมื่อครั้งที่เขาเข้าสู่ขั้นพลังชี่ภายในบ้านเลขที่-1เขากลับถูกทัณฑ์สวรรค์เทียนเจี๋ยกระหน่ำฟาดเข้าใส่ร่างอย่างรุนแรง!
  สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่หลิงหยุนไม่อาจคาดเดาได้และเขาก็ไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สาม..
  เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิงหยุนจึงได้แต่เงยหน้าขึ้นมองไปยังเพดานถ้ำที่อยู่เหนือศรีษะ แววตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับ และดูเหมือนว่าสายตาของเขาเวลานี้ กำลังมองทะลุเพดานถ้ำขึ้นไปยังท้องนภาเบื้องบน..
  แต่แล้วริมฝีปากของหลิงหยุนก็แย้มยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจพร้อมกับพึมพำเบาๆ “หึ.. ข้าจะเดิมพันกับเหล่าเทพอีกสักครั้ง”
  จากนั้นหลิงหยุนก็กระโดดออกไปจากตำแหน่งที่นั่งขัดสมาธิอยู่ทันทีเวลานี้เขาไปอยู่ภายในบริเวณดวงตาค่ายกลหยางพร้อมกับสำรวจดูอย่างละเอียด ก่อนจะหันหน้ามองไปทางอารามหินเล็กๆที่อยู่ภายในถ้ำด้วยแววตาเป็นประกาย
  คฑาใหญ่ที่เขาไม่สามารถนำกลับไปด้วยในครั้งนั้นได้ยังคงวางอยู่ที่เดิม แม้แต่อาสนะที่ทำจากศิลาก็ยังคงอยู่ที่เดิม
  เพียงแต่ไม่มีร่างของหลวงจีนกายเพชรนั่งอยู่อีกแล้ว..
  แต่เนื่องจากตอนนี้ร่างกายของหลิงหยุนใกล้จะเข้าสู่การพัฒนาขั้นได้ทุกเมื่อแล้วจึงไม่มีเวลาสนใจเรื่องที่ร่างของหลวงจีนกายเพชรหายไปมากนัก!
  และก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะร่างของหลวงจีนกายเพชรไม่อยู่ที่นี่แล้ว พลังพุทธะจึงได้มลายหายไป เวลานี้จึงเหลือเพียงแค่พลังหยางบริสุทธิ์เท่านั้น และหลิงหยุนก็ได้ดูดซับเข้าไปอย่างมากมายในระหว่างที่ฝึกฝนอยู่ตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนที่ผ่านมา
  เวลานี้หลิงหยุนพอที่เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดที่บ่อน้ำแข็งภายในดวงตาค่ายกลหยินจึงมีวิญญาณหยินปรากฏขึ้น นั่นเพราะว่าร่างของหลวงจีนกายเพชรได้หายไปแล้วนั่นเอง ในเมื่อไม่มีพลังพุทธะที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว วิญญาณหยินจึงได้ปรากฏขึ้น
  “ซิงเฉิน..เจ้ามาหาข้าที่นี่!”
  หลิงหยุนจ้องมองไปยังอาสนะศิลาอยู่ครู่ใหญ่จากนั้นจึงร้องตะโกนเรียกเย่ซิงเฉินซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันให้เข้ามาหาตน
  ตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนที่หลิงหยุนฝึกฝนวิชาอยู่ที่นี่เขาได้ดูดซับเอาพลังหยางบริสุทธิ์เข้าไปอย่างมากมาย ทำให้พลังหยางภายในดวงตาค่ายกลหยางนี้ลดลงไปอย่างมาก ความร้อนจึงอยู่ในระดับที่เย่ซิงเฉินจะสามารถทนอยู่ได้
  พรึบ..
  ร่างของเย่ซิงเฉินเหาะเข้ามาด้านในและพบว่าร่างของหลิงหยุนเวลานี้ดูเหมือนจะเข้าสู่จุดสูงสุดที่พร้อมจะพัฒนาขั้นพลังแล้ว จึงได้แต่ร้องตะโกนถามออกไปด้วยความตื่นเต้น  “หลิงหยุน..นี่เจ้า..”
  “พร้อมเข้าสู่ขั้นซื่อเฉิงชี่ได้ทุกเมื่อ..”
  หลิงหยุนร้องบอกเย่ซิงเฉินทันทีจากนั้นจึงยกมือขึ้นชี้ไปทางอาสนะศิลา “เจ้าดูนั่น! ก่อนหน้านี้ร่างของหลวงจีนกายเพชรนั่งอยู่บนอาสนะศิลานั่น แต่เวลานี้กลับหายไปแล้ว!”
  เย่ซิงเฉินร้องถามออกมาด้วยความประหลาดใจ“หรือจะถูกคนนำไปแล้ว”
  “เป็นไปไม่ได้!”
  หลิงหยุนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาจากนั้นหลิงหยุนจึงจ้องมองไปทางอารามหินด้วยแววตาสงบนิ่ง พร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “ข้ายังจดจำตำแหน่งสิ่งของต่างๆไม่ว่าจะเป็นคฑา หรือชามนั่นได้ ทุกอย่างยังอยู่ที่เดิมไม่มีการขยับเลยแม้แต่นิดเดียว ด้วยเหตุนี้ร่างของหลวงจีนกายเพชรจึงไม่น่าถูกคนนำออกไปได้..”
  เย่ซิงเฉินตกใจอย่างมากจึงร้องถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่าหายไปเฉยๆงั้นรึ”
  “น่าจะเป็นเช่นนั้น!”
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ปรมาจารย์ที่ฝึกจนถึงขั้นนี้ จู่ๆร่างที่นั่งนิ่งไม่อาจคาดเดาพลังได้หายไปเช่นนี้ ข้าว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หรือเป็นเรื่องที่ยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์จะไม่อาจทำได้..”
  เย่ซิงเฉินถามขึ้นว่า“แล้วเจ้าคิดจะทำเช่นใด”
  หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมตอบกลับโดยไม่ต้องคิด“ก่อนอื่นก็เก็บสมบัติพุทธะเหล่านี้เสียก่อน แล้วจึงค่อยเข้าสู่ขั้นต่อไป..”
  หลังจากพูดจบหลิงหยุนจึงได้จัดการเรียกคฑา อาสนะศิลา และสมบัติพุทธะอื่นๆเข้าไปไว้ในแหวนจักรวาลของตน จากนั้นจึงใช้กระบี่เหินเงาธนูตัดอารามหิน ก่อนจะเรียกหินทั้งหมดกลับเข้าไปไว้ในแหวนเช่นกัน จากนั้นจึงหันไปบอกกับเย่ซิงเฉินว่า  “ซิงเฉินเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะออกไปบอกบางสิ่งบางอย่างกับแวมไพร์ทั้งสองตนสักหน่อย แล้วจะรีบกลับมาโดยเร็ว!”
  จากนั้นหลิงหยุนจึงกระโดดขึ้นกระบี่เหินเงาธนู เหาะไปเส้นทางของแม่น้ำใต้หลุมยักษ์ทันที
  …..
  “เจ้านายที่เคารพ!”
  เอ็ดเวิร์ดกับเจสเตอร์ออกมาจากถ้ำที่ซ่อนตัวอยู่พร้อมกับรีบทักทายหลิงหยุนด้วยความเคารพ..
  “พวกเจ้าทั้งสองขึ้นจากหลุมยักษ์นี่ไปได้แล้วและไปบอกตี้เสี่ยวอู๋กับทุกคนถึงสถานการณ์ด้านล่างนี้ อย่าลืมบอกพวกเขาด้วยว่าข้าจะอยู่ใต้หลุมยักษ์อีกสองสามวันเพื่อพัฒนาขั้น ทุกคนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง..”
  ก่อนที่จะลงมาใต้หลุมยักษ์หลิงหยุนบอกกับทุกคนเพียงแค่ว่า จะมานำหินมังกรเขียวกลับไปเท่านั้น แต่นี่เขาลงมาหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนแล้ว จึงต้องให้แวมไพร์ทั้งสองขึ้นไปรายงานให้ทุกคนล่วงรู้ถึงสถานการณ์ด้านล่าง ทุกคนจะได้ไม่รู้สึกกระวนกระวายใจ..
  “ขอรับเจ้านายที่เคารพ..”เจสเตอร์รับคำสั่งทันที
  “และอย่าลืมบอกกับทุกคนด้วยว่าข้าพัฒนาขั้นในครั้งนี้ จะต้องมีทัณฑ์สวรรค์เกิดขึ้นแน่ แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นในตำแหน่งแห่งหนใด ขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้เลย..”
  “เอาล่ะพวกเจ้ารีบขึ้นไปได้แล้ว จะได้รีบนำคำพูดของข้าไปบอกกับทุกคน!”
  จากนั้นหลิงหยุนจึงเรียกแก้วจ้าวสมุทรออกมาและเดินลงไปในแม่น้ำที่มืดมิดสายเดิม ระหว่างทางที่เดินกลับนั้น หลิงหยุนก็ไม่ลืมที่จะสังเกตทิศทางการไหลของน้ำไปด้วย
  ไม่กี่นาทีต่อมาหลิงหยุนก็เดินไปได้ไกลราวเจ็ดหรือแปดกิโลเมตร และพบว่าทิศทางการไหลของน้ำเริ่มบิดเบี้ยว แต่กระแสน้ำก็ยังคงไหลไปทางทิศตะวันออกเช่นเดิม  “ดูเหมือนสิ่งที่ข้าคาดเดาจะถูกต้องแล้วแม่น้ำสายนี้ไหลตรงเข้าสู่ทะเลจีนตะวันออกแน่แล้ว!”
  หลิงหยุนยิ้มออกมาทันทีเขาไม่เดินตรงต่อไปข้างหน้า แต่ได้ย้อนกลับเส้นทางเดิม และมุ่งหน้าไปบริเวณดวงตาค่ายกลหยางเช่นเดิม..
  “เหตุใดเจ้าจึงไปนานนักเล่า”
  เย่ซิงเฉินเอ่ยถามทันทีเพราะหลิงหยุนหายตัวไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมง..
  หลิงหยุนจึงตอบไปตามความจริง“เนื่องจากข้าต้องพัฒนาขั้น ไม่ว่าอย่างไรคงไม่อาจหลีกเลี่ยงทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วได้ ถึงเวลานั้นไม่แน่ว่าพวกเราอาจไม่สามารถกลับออกไปทางปากทางหลุมยักษ์ได้ และคงต้องไปตามเส้นทางน้ำนี้แทน..”
  เย่ซิงเฉินถามขึ้นด้วยความงุนงง“เจ้าหมายความว่าหลังจากพัฒนาขั้นแล้ว พวกเราจะมุ่งหน้าสู่ทะเลจีนตะวันออกงั้นรึ”   “เจ้าช่างหลักแหลมนัก!”หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆพร้อมกับเอ่ยชม
  “เช่นนั้นเจ้าก็ลงมือได้เลยข้าจะคอยคุ้มกันให้เจ้าเอง!” เย่ซิงเฉินร้องบอกหลิงหยุนด้วยความตื่นเต้น..
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปทันที“เยี่ยม.. เช่นนั้นเจ้าไปเฝ้าตรงตำแหน่งจุดตัดระหว่างพลังหยินและหยาง หากไม่ศัตรูภายนอกบุกเข้ามา ไม่ว่าจะเกิดปรากฏการณ์ใดๆขึ้น เจ้าก็อย่าได้สนใจ..”
  “หากข้าพัฒนาขั้นสำเร็จแล้วอาจมีอสุนีบาตปรากฏขึ้นได้ เจ้าไม่ต้องสนใจ รีบหาที่หลบซ่อนตัวให้พันจากรัศมีของทัณฑ์สวรรค์โดยเร็ว..”
  เย่ซิงเฉินตั้งใจฟังและจดจำคำพูดของหลิงหยุนไว้ในใจ จากนั้นนางจึงออกจากบริเวณดวงตาค่ายกลหยาง และไปเฝ้าอยู่ตรงตำแหน่งที่เป็นจุดตัดระหว่างเขามังกรกับเขาหยกด้านใต้แทน
  หลิงหยุนกลับเข้าไปนั่งในตำแหน่งที่ใกล้กับดวงตาค่ายกลหยางเพื่อเตรียมพร้อมเดินวิชาพลังลับหยิน–หยาง
  ในเวลานั้นหลิงหยุนยังเหลือวิญญาณหยินอยู่ในร่างกายอีกหกดวง จึงไม่ต้องกังวลใจว่าจะขาดแคลนพลังหยินอย่างกะทันหัน
  เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วหลิงหยุนจึงเริ่มเดินวิชาพลังลับหยิน–หยาง และเปิดจุดฝังเข็มต่างๆทั่วร่างกาย และเริ่มดูดซับเอาพลังหยางบริสุทธิ์เข้าไปในร่างของตน ในขณะเดียวกันก็ทำการหลอมวิญญาณหยินส่วนหนึ่งในจุดตันเถียน เพื่อให้หยินและหยางที่อยู่ภายในจุดตันเถียนและตามเส้นลมปราณเกิดความสมดุลย์
  เวลานี้จุดตันเถียนมหัศจรรย์ของหลิงหยุนที่มีขนาดเกือบจะเท่ากับลูกฟุตบอลนั้นเริ่มหมุนด้วยความเร็วสูงสุด ดวงตาปลาหยินและปลาหยางปลดปล่อยพลังปราณออกมารวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากนั้นจึงเริ่มหลอมรวมหยินและหยางเป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณวิสามัญทั้งแปดเส้น แล้วจึงเคลื่อนเข้าสู่จุดซือไห่กลางหว่างคิ้วต่อไป!
  ภายใต้สถานการณ์นี้จุดซือไห่ของหลิงหยุนสามารถกลั่นเสินหยวนได้อย่างรวดเร็ว และได้ถึงเก้าหยดต่อนาที!
  บูม!
  ในระหว่างที่รู้สึกว่าใกล้จะเข้าสู่ขั้นต่อไปได้แล้วหลิงหยุนจึงรีบเผาเสินหยวนสามร้อยหกสิบหยดพร้อมกันทันที!
  หลังจากที่หลิงหยุนทำการเผาเสินหยวนกระบวนการกลั่นหยดเสินหยวนภายในจุดซือไห่ก็ยิ่งเพิ่มอัตราความเร็วมากขึ้น และในเวลานั้นเองหลิงหยุนก็ไม่รอช้าอีกต่อไป..
  รีบพัฒนาเข้าสู่ระดับเริ่มต้นขั้นซื่อเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-4) ในทันที!
  และในเวลานั้นเองจุดซือไห่ของหลิงหยุนก็ได้ขยายกว้างขึ้นจากเดิมถึงเก้าเท่า ทำให้เวลานี้เสินหยวดหกหมื่นหยดนั้น ไม่ได้เป็นดั่งทะเลสาบเช่นเคยอีกแล้ว แต่เป็นเพียงแค่ผืนน้ำเล็กๆในแดนเสินหยวนที่กว้างใหญ่แทน
  อีกทั้งกระบวนการกลั่นเสินหยวนก็มีอัตราความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมมาก..
  หลังจากที่เข้าสู่ขั้นซื่อเฉิงชี่ได้แล้วแน่นอนว่าหลิงหยุนย่อมไม่พอใจอยู่เพียงแค่นั้น เขาจัดการเผาเสินหยวนอีกหนึ่งพันแปดสิบหยดพร้อมกันทันที
  และในขั้นซื่อเฉิงชี่นี้การเผาเสินหยวนพันกว่าหยดพร้อมกัน เป็นสิ่งที่จุดซือไห่ในขั้นนี้สามารถรองรับได้!