“เจ้านาย..ในถ้ำนี้หนาวจริงๆ พวกเราทนไม่ไหวแล้ว..”
หลังจากเข้าไปในถ้ำที่หนาวเหน็บได้ไม่เท่าไหร่เจสเตอร์ก็เป็นฝ่ายร้องตะโกนออกมาออกมา แม้มันจะเป็นถึงแกรนด์ดยุค แต่ก็ถึงกับหนาวสั่นจนฟันกระทบกัน พร้อมกับยืนกอดอกตัวสั่น..
ส่วนเอ็ดเวิร์ดที่รู้สึกหนาวไม่แพ้กันนั้นในเมื่อไม่มีที่ให้หลบไอเย็น มันจึงได้สยายปีกกว้างใหญ่ออกห่อหุ้มร่างกายไว้ทันที
ปกติแวมไพร์จะกลัวทั้งความร้อนและความเย็นต่อให้เป็นถึงแกรนด์ดยุคก็ตาม ก็ยากที่จะทนได้ แต่ที่แวมไพร์ทั้งสองยังทนอยู่ได้นั้น เพราะมันได้ฟื้นคืนชีพแล้ว หัวใจของมันเต้น ภายในร่างกายเริ่มมีเลือดเพียงพอ และมีอุณหภูมิสูงดังเช่นมนุษย์ทั่วไป
เวลานี้แวมไพร์ทั้งห้าของหลิงหยุนนั้นเรียกได้ว่าแปลกประหลาดยิ่งนักจะเป็นแวมไพร์ก็ไม่ใช่ จะเป็นมนุษย์ก็ไม่เชิง เรียกได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดยิ่งนัก!
นั่นเพราะหากจะบอกว่าเป็นแวมไพร์พวกมันกลับมีหัวใจที่เต้นได้เหมือนมนุษย์ ร่างกายมีอุณหภูมิเช่นเดียวกับมนุษย์ทั่วไป อีกทั้งยังสามารถเดินอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ได้..
แต่หากจะบอกว่าเป็นมนุษย์พวกมันก็มีพลังในแบบที่แวมไพร์มี สามารถใช้เวทย์มนต์ต่างๆได้ อีกทั้งยังเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่ามนุษย์หลายเท่า มิหนำซ้ำยังกลายร่างได้!
หากจะเรียกให้ถูกต้องก็คงต้องเรียกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการที่รวดเร็วยิ่งเป็นแวมไพร์ที่มีชีวิตในแบบที่แวมไพร์หลายพันปีหรือหลายหมื่นปีต่างก็ใฝ่ฝัน นับว่าหลิงหยุนสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตในรูปแบบใหม่ที่น่าทึ่ง และน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งขึ้นมาได้
“ฮ่าๆๆๆๆ”
หลิงหยุนหันไปเห็นเอ็ดเวิร์ดกับเจสเตอร์ที่กำลังยืนสั่นเป็นลูกนกด้วยความเหน็บหนาวก็ถึงกับหัวเราะเสียงดังออกมา จากนั้นจึงพูดออกไปว่า
“พวกเจ้าสองคนไม่ต้องอยู่ข้างในนี้ก็ได้กลับไปรอข้าอยู่ที่เดิม!”
เวลานี้อุณหภูมิภายในถ้ำเริ่มลดลงกว่าเดิมมากและดูเหมือนน่าจะติดลบห้าสิบองศาแล้ว และหากเข้าไปในบริเวณดวงตาค่ายกลหยิน ก็ไม่รู้ว่าอุณหภูมิจะลดลงมากกว่านี้อีกเท่าใด หลิงหยุนไม่ต้องการให้แวมไพร์ทั้งสองตนต้องแข็งตาย จึงรีบสั่งให้พวกมันกลับออกไปทันที
เอ็ดเวิร์ดกับเจสเตอร์รีบรับคำสั่งทันทีเช่นกันจากนั้นจึงเร่งออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว และไปซุกอยู่ในถ้ำดังเดิม
“ซิงเฉินเจ้าสามารถทนได้หรือไม่”
หลิงหยุนทำการดูดซับเอาพลังหยินที่หนาแน่นและบริสุทธิ์เข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็เอ่ยถามเย่ซิงเฉินด้วยความเป็นห่วง
“ข้าอยู่ได้เจ้าไม่ต้องห่วงแค่รู้สึกเย็นบ้างเล็กน้อยเท่านั้น..”
เย่ซิงเฉินยังคงอยู่ในอาการสงบนิ่งเวลานี้นางได้โคจรดาราคุ้มกายปกป้องร่างกายไว้ ทั้งหลิงหยุนและเย่ซิงเฉินต่างก็เข้าสู่ดาราคุ้มกายด่านสามแล้ว ความเย็นจึงเป็นเพียงแค่ความรู้สึก แต่ไม่สามารถทำอันตรายพวกเขาได้
“เอาล่ะถ้าเช่นนั้นพวกเราเข้าไปในดวงตาค่ายกลหยินกันดีกว่า..”
หลิงหยุนรู้ว่าความเยือกเย็นภายในถ้ำไม่อาจทำอันตรายเย่ซิงเฉินได้จึงไม่ต้องการที่จะเสียเวลาอีก และรีบเดินนำเย่ซิงเฉินเข้าไปด้านในทันที แต่ยิ่งเข้าไปลึกมาเท่าไหร่ ความเย็นก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณมากขึ้นเท่านั้น ทั้งคู่รู้สึกราวกับว่าตนกำลังตกลงไปในบ่อน้ำแข็งก็ไม่ปาน..
ที่นี่ยังอยู่ห่างจากตำแหน่งดวงตาค่ายกลหยินแต่กลับมีพลังหยินที่หนาแน่นและเยือกเย็นเช่นนี้ หลิงหยุนจ้องมองลงไปยังบ่อน้ำแข็งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า.. สถานที่ที่มีพลังหยินบริสุทธิ์เช่นนี้ย่อมต้องดึงดูดวิญญาณหยิน หรือหากพลังหยินบริสุทธิ์นี้เกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานพอสมควร ก็อาจส่งผลให้เกิดวิญญาณหยินขึ้นที่นี่ได้เช่นกัน!
ตอนนี้หลิงหยุนรู้แล้วว่าเมื่อครั้งที่เขามาสำรวจใต้หลุมยักษ์ครั้งแรกนั้น เหตุใดพลังหยินจึงไม่แพร่กระจายออกมาถึงบริเวณนี้ นั่นเพราะในครั้งนั้นค่ายกลมังกรหยิน–หยางยังไม่ถูกทำลายลง พลังหยินจึงถูกกักเก็บไว้เฉพาะภายในตำแหน่งรอบดวงตาค่ายกลหยินเท่านั้น และไม่รั่วไหลออกไปที่อื่นเหมือนเช่นเวลานี้
อีกหนึ่งเหตุผลก็คือวิญญาณหยินที่อยู่มานานนับพันปีที่นี่ อาจถูกหยินจิ่วโย่วนำไปหลอมเป็นโอสถหยินพิสุทธิ์และโอสถโลหิตภูติจนหมดก็เป็นได้..
อะไรคือโอสถหยินพิสุทธิ์เช่นนั้นหรือเหนือพลังหยิน คือพลังหยินพิสุทธิ์ และการใช้วิญญาณหยินหลอมเป็นโอสถหยินพิสุทธิ์เช่นนี้ ทำให้โอสนถชนิดนี้กลายเป็นโอสถล้ำค่ามากชนิดหนึ่ง!
สำหรับโอสถโลหิตภูตินั้นการหลอมมิได้ยากเย็นเท่ากับการหลอมโอสถหยินพิสุทธิ์ เพียงแค่ต้องการพลังหยินที่บริสุทธิ์ หลอมรวมกับโลหิตของปรมาจารย์ขั้นแก่นเต๋าทองคำขึ้นไปเท่านั้นก็สามารถหลอมได้สำเร็จแล้ว จึงมิได้นับเป็นการหลอมโอสถที่ยากเย็นแต่อย่างใด
ส่วนโอสถมังกรทองนั้นหลิงหยุนแทบไม่ต้องคิด มันจะต้องเกี่ยวข้องกับค่ายกลมังกรหยิน–หยางเป็นแน่!
หลิงหยุนเป็นผู้ช่ำชองเรื่องการหลอมโอสถผู้หนึ่งหลังจากที่ได้ยินชื่อโอสถทั้งสามของหยินจิ่วโย่ว เขาก็สามารถนึกย้อนไปถึงวัตถุดิบที่ใช้และขั้นตอนการหลอมได้ทันที!
หลิงหยุนและเย่ซิงเฉินรีบเดินเข้าไปในถ้ำและเข้าไปใกล้กับบ่อน้ำแข็งที่อยู่ภายในให้มากที่สุด
ฮัดชิ้ว!! ทันทีที่เข้าไปถึง..แม้แต่หลิงหยุนซึ่งมีร่างกายแข็งแกร่งอย่างที่สุด ยังถึงกับสั่นสะท้านด้วยความเหน็บหนาวจนแทบล้มไปกองกับพื้น เขารีบวิ่งออกมาทันที
“โอ้ภายในเหน็บหนาวยิ่งนัก ข้าทนไม่ไหวแล้ว”
ทางด้านเย่ซิงเฉินก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดังในขณะที่วิ่งหนีออกมาเช่นกันหลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบร้องบอกนางว่า
“ซิงเฉินเจ้ารีบเหาะไปทางด้านทิศเหนือของถ้ำ ยิ่งเข้าใกล้ทิศเหนือมากเท่าไหร่ เจ้าก็จะยิ่งอุ่นขึ้น เพราะบริเวณนั้นอยู่ติดกับดวงตาค่ายกลหยาง..”
ภายในถ้ำที่มืดมิดแห่งนี้ผนังถ้ำทั้งหมดรวมไปถึงเพดาน ล้วนแล้วแต่กลายเป็นสีขาวโพลน เพราะพลังหยินบริสุทธิ์ได้กระจายไปทั่ว และเวลานี้หมอกสีขาวที่มีไอเย็นระอุก็กระจายอยู่เต็มไปหมด
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจก็พบว่ามันไม่ใช่น้ำแข็ง แต่เป็นพลังหยินบริสุทธิ์ที่หลอมรวมตัวกันอย่างหนาแน่น..
และเวลานี้เขาก็ได้เข้ามาอยู่ในใจกลางของดวงตาค่ายกลหยางแล้ว..
บูม!
หลิงหยุนเริ่มเดินวิชาพลังลับหยิน–หยางขั้นสุดและดูดซับเอาพลังหยินบริสุทธิ์นี้เข้าไปอย่างรวดเร็ว
พลังหยินบริสุทธิ์จำนวนมากถูกดูดซับเข้าไปในร่างกายของหลิงหยุนและไหลเข้าสู่จุดตันเถียนของเขาอย่างต่อเนื่อง และเวลานี้พลังหยินในจุดตันเถียนของหลิงหยุนก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!
“หลิงหยุนเจ้าต้องระมัดระวังให้มาก ข้ารู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างอยู่ในบ่อน้ำแข็งแห่งนี้!”
เย่ซิงเฉินที่เพิ่งเหาะผ่านบ่อน้ำแข็งไปทางด้านทิศเหนือรีบร้องเตือนหลิงหยุนให้ระมัดระวังตัว เพราะนางเพิ่งจะใช้จิตหยั่งรู้สำรวจลงไปที่บ่อน้ำแข็งแห่งนี้ และพบว่ามีบางอย่างเรืองแสงอยู่ด้านล่าง..
“ซิงเฉินเจ้าอย่าได้กังวลใจไป สิ่งที่เจ้าเห็นเป็นเพียงแค่วิญญาณหยินสิบกว่าดวงที่เพิ่งก่อร่างขึ้นได้เท่านั้น!”
หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับอธิบายให้เย่ซิงเฉินฟังจากนั้นเขาจึงเรียกกระบี่โลหิตเทวะออกมาถือไว้ในมือ พร้อมกับจ้องมองลงไปยังบ่อน้ำแข็งด้านหน้าด้วยแววตาแน่วแน่..
แต่ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะได้เอ่ยวาจาอันใดออกมากองทัพเรืองแสงสิบแปดดวงก็ค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากบ่อน้ำแข็ง แต่ละดวงล้วนมีขนาดเท่ากับศรีษะเด็ก และภายในปรากฏดวงตาของมนุษย์ให้เห็นจางๆ และนี่คือวิญญาณหยิน!
นี่ไม่ใช่ผี..แต่มันคือวิญญาณหยิน และสองสิ่งนี้ก็แตกต่างกันยิ่งนัก!
วิญญาณหยินเหล่านี้จะมีสัมผัสไวต่อพลังหยางอย่างหยางมากและพวกมันหล่อเลี้ยงตนเองด้วยโลหิตของสิ่งมีชีวิต และวิญญาณหยินทั้งสิบแปดดวงนี้นับว่ามีประโยชน์ต่อหลิงหยุนอย่างมาก!
ทันทีที่โผล่ขึ้นมาจากบ่อน้ำแข็งวิญญาณหยินทั้งสิบแปดดวงต่างก็จ้องมองไปทางหลิงหยุน แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะสัมผัสได้ถึงความพิเศษของกระบี่โลหิตเทวะ จึงยังไม่มีดวงใดกล้าพุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุน ได้แต่ลอยนิ่งอย่างระมัดระวัง
หลิงหยุนยิ้มบางก่อนจะปลดปล่อยพลังหยางบริสุทธิ์ของตนออกมาเล็กน้อยเพื่อเป็นการดึงดูดวิญญาณหยินทั้งสิบแปดดวง
แล้วก็ได้ผล..เพราะวิญญาณหยินทั้งสิบแปดดวงนั้น เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังหยางบริสุทธิ์ในตัวหลิงหยุน พวกมันก็รีบพุ่งเข้าหาเขาทันที!
“พวกเจ้ารนหาที่เองนะ!”
หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาเสียงดังในขณะเดียวกันก็กวัดแกว่งกระบี่โลหิตเทวะในมือเข้าใส่วิญญาณหยินดวงหนึ่งจนขาดครึ่ง จากนั้นหลิงหยุนจึงรีบอ้าปากดูดเอาไอเย็นนั้นเข้าไปในร่างกายทันที!
เป็นไปไม่ได้ที่จะหลอมโอสถหยินพิสุทธิ์ได้ในทันทีหลิงหยุนจึงต้องกลืนวิญญาณหยินเหล่านี้เข้าไปทีละดวงๆ
การที่หลิงหยุนกลืนวิญญาณหยินทั้งสิบแปดดวงเข้าไปในร่างเช่นนี้ไม่ต่างจากเขากลืนโอสถพลังวิญญาณชั้นเลิศเข้าไปถึงสิบแปดเม็ดเลยทีเดียว..
หลังจากกลืนวิญญาณหยินทั้งสิบแปดดวงเข้าไปแล้วหลิงหยุนจึงได้ทำการเผาเสินหยวนจำนวนสิบแปดหยด และตรงเข้าไปยังตำแหน่งดวงตาค่ายกลหยินอย่างรวดเร็ว
หลิงหยุนจำเป็นต้องไปยังสถานที่แห่งหนึ่งโดยเร็วที่สุดไม่เช่นนั้นเขาอาจต้องแข็งตายเสียก่อน เพราะการที่เขากลืนวิญญาณหยินเข้าไปพร้อมกับถึงสิบแปดดวงนั้น จึงไม่ต่างจากการพาตัวเองเข้าไปแช่อยู่ในช่องน้ำแข็ง..
และเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวร่างของหลิงหยุนก็ไปปรากฏอยู่บริเวณดวงตาค่ายกลหยางที่มีอุณหภูมิสูงนับร้อยองศา จากที่ที่หนาวที่สุดไปยังที่ที่ร้อนที่สุด และเวลานี้รอบกายหลิงหยุนก็มีพลังหยางบริสุทธิ์ที่ร้อนแรงรายล้อมอยู่เต็มไปหมด!
ทันทีที่ไปอยู่บริเวณดวงตาค่ายกลหยางความเย็นสุดขั้วก็ได้เปลี่ยนเป็นความร้อนสุดขีด อุณหภูมิบริเวณนี้สูงถึงสองสามร้อยองศาเลยทีเดียว เรียกได้ว่ารอบกายหลิงหยุนนั้นคือเปลงเพลิงหยางก็ไม่ผิดนัก!
“ข้าตกใจหมดเลย!”
เย่ซิงเฉินรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างเหาะผ่านไปจึงรีบเปิดจิตหยั่งรู้ของตนออกสำรวจดู จึงพบว่าสิ่งนั้นก็คือร่างของหลิงหยุน นางจึงรีบร้องถามออกไปด้วยความสงสัย
“นี่เจ้ากำลังทำสิ่งใดกันแน่”
“ข้ากำลังจะฝึกวิชา!”
หลิงหยุนเริ่มดูดซับเอาพลังหยางบริสุทธิ์เข้าไปราวกับคนคลุ้มคลั่งและร่างที่เย็นเกือบจะถึงจุดเยือกแข็งของเขานั้น ก็ค่อยๆอุ่นขึ้น แต่เนื่องจากหลิงหยุนฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์ร่างกายของเขาจึงสามารถทานทนต่ออุณหภูมิที่สูงได้มากอย่างน่ากลัว เขาจึงไม่หวาดหวั่นต่อพลังหยางที่ร้อนแรงในเวลานี้ พร้อมกับยิ้มออกมาในขณะที่ตอบเย่ซิงเฉินกลับไป
หลังจากที่หลิงหยุนดูดเอาพลังหยางบริสุทธิ์เข้าไปอย่างตะกละตะกลามแล้วเขาก็เริ่มเดินลมปราณเคลื่อนวิญญาณหยินทั้งสิบแปดดวงเข้าสู่จุดตันเถียนของตน และเริ่มใช้เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางหล่อหลอมวิญญาณหยินเหล่านั้น
เวลานี้เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางได้ถูกบ่มเพาะด้วยพลังหยินและหยางอยู่ภายในจุดตันเถียนของหลิงหยุนมานานถึงสิบสองวันแล้ว การหลอมวิญญาณหยินทั้งสิบแปดดวงด้วยเปลวไฟห้าธาตุหยินหยางจึงนับเป็นความคิดที่ดี และเหมาะสมยิ่ง..
“กระบี่โลหิตเทวะสามารถจัดการกับวิญญาณหยินได้ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวรึ” หลังจากดูดซับเอาพลังหยางบริสุทธิ์เข้าไปจำนวนมากและหลอมวิญญาณหยินแล้ว หลิงหยุนจึงได้ทำการเดินลมปราณบริสุทธิ์ทั้งสองนี้เข้าสู่จุดซือไห่ของตนเอง และเริ่มกลั่นหยดเสินหยวน!
ด้วยวิธีนี้หลิงหยุนสามารถกลั่นเสินหยวนได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึงสามเท่า ซึ่งก็คือเก้าหยดในหนึ่งนาที!
หลังจากผ่านการต่อสู้ที่หนักหน่วงมาและใช้เสินหยวนไปมากถึงหนึ่งหมื่นสามพันหยด และต้องใชเ้วลาถึงสามวันในการกลั่นเสินหยวนจำนวนนี้ แต่เวลานี้หลิงหยุนกลับใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวก็สามารถทำได้..
หลิงหยุนนั่งขัดสมาธิเดินลมปราณด้วยจิตใจที่สงบนิ่งเขาดำดิ่งสู่ภวังคจิตที่ลืมสิ้นทุกอย่างรอบกาย
จิตหยั่งรู้ของเย่ซิงเฉินพบว่าหลิงหยุนกำลังนั่งฝึกวิชาอยู่เช่นนั้นจึงไม่คิดที่จะรบกวน และได้แต่เฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับเขา
จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน… ในที่สุดหลิงหยุนก็ลืมตาขึ้นและเขาก็สามารถกลั่นเสินหยวนได้มากถึงหนึ่งหมื่นสี่พันหยด
ผ่านไปหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนเวลานี้ร่างกายของหลิงหยุนเข้าสู่ความพร้อมสูงสุด ที่จะสามารถพัฒนาเข้าสู่ขั้นซื่อเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่) ได้อย่างง่ายดาย..
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าตนเองต้องการที่จะพัฒนาขั้นในที่แห่งนี้จริงๆอย่างนั้นหรือ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันในระหว่างที่ครุ่นคิด..