ตอนที่ 1444 ปริศนาแห่งจิตสำนึก

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1444 ปริศนาแห่งจิตสำนึก โดย Ink Stone_Fantasy

ดูเหมือนคำบอกเล่าที่พวกเซลีนเล่าว่าเอเลนอร์นั้น ‘เข้ากับคนได้ง่าย’ จะเป็นเรื่องจริงสินะ…

หากเปลี่ยนเป็นอควาเรียส โรแลนด์นึกภาพผู้นำสุดยอดอมนุษย์ที่แผ่รังสีเยือกเย็นออกมาจากร่างกายคนนั้นพูดคำพูดแบบนี้ไม่ออก

“ไม่ๆ…ข้าเชื่อเจ้าแล้ว” เขารีบโบกมือ ตอนนี้เทือกเขาทิศเหนือยังเชื่อมต่อกับเขตโรงงานขนาดใหญ่เอาไว้อยู่ หากจู่ๆ ทำให้มันบินขึ้นไป นั่นจะต้องเป็นหายนะขนาดใหญ่แน่

‘เจ้าน่าจะรอให้ข้ากระตุ้นแกนพลังเวทมนตร์ให้ได้ก่อนค่อยเชื่อก็ได้นี่นา’ เอเลนอร์พูดอย่างเสียดายเล็กน้อย เมื่อฟังจากน้ำเสียงของเธอ เหมือนว่าการที่เธอไม่สามารถพิสูจน์ความสามารถของตัวเองได้นั้นเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างมาก

โรแลนด์เหมือนจะเข้าใจนิสัยของสามผู้นำคนนี้แล้ว

การที่เธอคิดว่าตัวเองไม่ใช่ผู้นำที่ดีนั้นไม่ได้หมายความว่าเธอจะเป็นคนธรรมดา เธอเองก็มีด้านที่ตัวเองภาคภูมิใจอยู่เหมือนกัน การที่สามารถเปลี่ยนเป็นสุดยอดอมนุษย์ได้นั้นย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน

“เออใช่ แล้วเจ้าตื่นมาตั้งแต่เมื่อไร?”

‘น่าจะประมาณ 15 นาทีก่อนหน้านี้’

อย่างนั้นเจ้าก็แอบฟังมาตั้งแต่ต้นงั้นเหรอ! โรแลนด์พูดบ่น “แล้วทำไมเจ้าไม่บอกพวกข้าล่ะ?”

‘ไม่มีใครกำหนดเอาไว้นี่นาว่าต้องบอกให้โลกรู้ด้วยว่าเราตื่นนอนแล้ว’ เอเลนอร์พูดอย่างมั่นใจ

“แล้วทำไมหลังจากนั้นถึงพูดออกมา?”

‘ไม่อย่างนั้นจะให้ทำยังไงล่ะ เจ้าคิดอยากจะให้รุ่นน้องของข้าต้องขายหน้าไปถึงขนาดไหน’ ดวงตาที่อยู่บนหัวของเธอกรอกขึ้นไปด้านบน การกรอกตาขนาดใหญ่แบบนี้ให้ความรู้สึกงดงามไปอีกแบบ

การที่เจ้าจู่ๆ ก็ ‘ตื่นขึ้นมา’ ต่างหากที่ทำให้คนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ!

เมื่อเห็นโรแลนด์พูดไม่ออก เอเลนอร์จึงเปลี่ยนประเด็นทันที ‘บอกตามตรง ตอนนี้ข้ายังถือว่าเชื่อใจเจ้าอยู่’

“ทำไม?” เขาพบว่าตัวเองเหมือนจะตามจังหวะของอีกฝ่ายไม่ทัน

‘เพราะว่าที่นี่ไม่มีร่องรอยถูกขุดอะไร’ เอเลนอร์ตอบ ‘ตอนนี้ตัวข้าเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับพื้นที่แห่งนี้ ข้าสามารถสัมผัสได้ว่าหินอาญาสิทธิ์ที่นี่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แล้วก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นด้วยว่าเจ้าไม่มีความคิดที่จะเอามันออกมาใช้’

เธอหมายความว่าตัวเองไม่ได้ขุดเอาหินอาญาสิทธิ์ออกมา ดังนั้นจึงหมายความว่าตัวเองไม่ได้มีเจตนาจะควบคุมแม่มดอย่างนั้นเหรอ? โรแลนด์ครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยกว่าจะเข้าใจความหมายในคำพูดของอีกฝ่าย “เซลีนน่าจะเคยบอกเจ้าเรื่องสโมสรแม่มดแล้วใช่ไหม หรือว่าเจ้าไม่เชื่อนาง?”

‘แน่นอนว่าไม่ใช่ เพียงแต่ว่าคนเรามักจะถูกภาพลวงตาที่สร้างขึ้นมาหลอกลวงได้ง่าย โดยเฉพาะสำหรับราชาที่มีอำนาจที่ไม่จำกัดแล้ว การเสแสร้งแกล้งทำนั้นไม่ถือเป็นเรื่องยากอะไร’ เอเลนอร์พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ ‘ต่อให้ตอนนี้เจ้าเป็นเช่นนี้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าต่อไปเจ้าจะเป็นเช่นนี้ด้วย การเตรียมพร้อมล่วงหน้าคือสิ่งที่ผู้นำทุกคนต้องครุ่นคิด ถ้าในใจเจ้าคิดระมัดระวังตัวเอาไว้ล่ะก็ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะไม่คิดที่จะทำอะไรกับเขตแร่หินอาญาสิทธิ์นี้ แอบมาขุดเอาแร่เงียบๆ ไปเก็บเอาไว้ เพื่อป้องกันในกรณีที่ว่าต่อไปแม่มดอาจจะแข็งแกร่งขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้ นี่มันก็เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ใช่เหรอ?’

โรแลนด์ถอนใจออกมาเบาๆ “นั่นมันเป็นเพราะว่าหลายๆ คนมองแม่มดเป็นตัวประหลาด แต่ในสายตาของเขา พวกนางเป็นแค่มนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษในบางเรื่องเท่านั้น”

‘ต่อให้แม่มดยึดครองตำแหน่งสำคัญในอาณาจักรทั้งหมดไปก็ไม่เป็นไรเหรอ?’

“สิ่งที่เจ้าอยากจะถามจริงๆ คือความคิดของอควาเรียสใช่ไหมล่ะ?” โรแลนด์พูดตรงๆ “ขอเพียงมนุษย์สามารถอยู่รอดต่อไปได้ แม่มดจะต้องกลับมายืนอยู่ในจุดสูงสุดอีกครั้งอย่างแน่นอน”

‘แม้แต่เรื่องนี้พวกนางก็บอกเจ้าด้วยงั้นเหรอ?’ เป็นครั้งแรกที่เอเลนอร์เผยสีหน้าตกใจ

“เปล่า นี่เป็นสิ่งที่ข้าเห็นมาจากรูนเวลาน่ะ” โรแลนด์พูดด้วยสีหน้าผ่อนคลาย “ความจริงอควาเรียสเองก็เข้าใจผิดเหมือนกับคนอื่นๆ ขอเพียงเรามองแม่มดเป็นมนุษย์ คำพูดนี้มันก็คือการพูดเรื่องที่มันแน่นอนอยู่แล้วเรื่องหนึ่งไม่ใช่เหรอ ถ้าหากคนที่มีความสามารถไม่สามารถนำเผ่าพันธุ์ได้ อย่างนั้นเผ่าพันธุ์นี้ก็จะต้องไร้อนาคตอย่างแน่นอน แบบเดียวกัน ถ้าผู้บังคับบัญชาไม่ทำเพื่อประโยชน์ของเผ่าพันธุ์ ช้าเร็วเผ่าพันธุ์ก็ไม่มีทางที่จะอยู่รอดต่อไปได้”

ตื่นรู้แบบไม่แน่ไม่นอน ไม่สามารถสืบทอดได้ ในอีกแง่หนึ่งพลังเวทมนตร์ก็คือความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง มันไม่ได้แยกเอาผู้ที่มีพรสวรรค์ออกจากคนธรรมดาด้วย สิ่งที่ควรจะระวังจริงๆ คือการคัดเลือกที่ปลอมขึ้นมา การสืบทอดที่มีการกำหนดตายตัวเอาไว้แล้ว เพราะหากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจะทำให้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายยากที่จะใช้กาลเวลามาลบเลือนได้

‘เจ้า…’ เอเลนอร์มองดูเขา เหมือนพยายามที่จะมองหาความคิดที่แท้จริงของเขาผ่านทางสีหน้า แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอจึงล้มเลิกความคิดนี้ ‘ข้าจะรอดูแล้วกัน แล้วหลังจากนี้แผนการของเจ้าคืออะไร?’

“ทำการปรับโฉมเนินเขาทิศเหนือก่อน ทำให้มันกลายเป็นป้อมปราการลอยฟ้าที่เหมาะสม” นี่เป็นสาเหตุที่โรแลนด์ไม่อยากให้อีกฝ่ายรีบยกเกาะลอยฟ้าขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดฉากโจมตีเข้าใส่พระผู้สร้างอันใหม่ หรือว่าไปยังบอทธ่อมเลสแลนด์ก็ล้วนแต่ต้องเตรียมทรัพยากรต่างๆ เอาไว้ให้เพียบพร้อม — เพราะมันทันที่ออกเดินทางไปจากเนเวอร์วินเทอร์แล้ว ป้อมปราการลอยฟ้าก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนทางด้านทรัพยากรต่างๆ อีก “เจ้าสามารถคำนวณขนาดของเกาะลอยฟ้าได้ใช่ไหม?”

‘น่าจะไม่มีปัญหา’ เอเลนอร์กะพริบตาเพื่อแสดงออกถึงการพยักหน้า ‘นอกจากปัจจัยเรื่องปริมาณสายแร่หินอาญาสิทธิ์แล้ว หอหมอกเองก็ช่วยขยายขอบเขตในการแสดงผลได้อย่างมาก ดังนั้นต่อให้เจ้าอยากจะทำให้มันใหญ่เหมือนพระผู้สร้างก็ไม่มีทางทำได้’

“หอคอยหมอกแดงนั้นงอกขึ้นมาได้ยังไง?”

‘สำหรับจุดนี้ข้าเองก็รู้สึกสงสัยเหมือนอย่างเจ้า ดังนั้นข้านิดหน่อยตรวจสอบร่างกายนี้ดู จากนั้นข้าถึงได้พบว่ามันสามารถเปลี่ยนหินอาญาสิทธิ์ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายได้ — พูดง่ายๆ ก็คือในสภาวะปกติ หินอาญาสิทธิ์จะไม่แสดงออกถึงร่องรอยของการมีชีวิต แต่หลังจากมันรวมเข้ากับร่างแม่แล้ว มันจะเริ่มเติบโตด้วยตัวเอง แน่นอนว่ากระบวนการนี้จะเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของหินอาญาสิทธิ์ ทำให้ระดับความเข้มข้นของมันลดลง แล้วก็ทำให้มันไม่สามารถป้องกันพลังเวทมนตร์ได้อีก’

“อย่างนั้น…” โรแลนด์ลังเลเล็กน้อย “เจ้าเองก็สามารถสร้างหมอกแดงได้อย่างนั้นเหรอ?”

คำถามนี้ทำเอาเอเลนอร์ถึงกับถอนหายใจออกมา “ได้ ความจริงแล้วข้าไม่เพียงแต่จะเข้าใจถึงลักษณะพิเศษต่างๆ ของมาเธอร์ออฟโซล แต่ข้ายังเข้าใจถึงรายละเอียดต่างๆ ด้วย อย่างเช่นละอองหมอกแดง ในอีกแง่หนึ่งแล้วมันก็คือปีศาจชนิดหนึ่ง ซึ่งปีศาจชนิดอื่นเองก็เกิดขึ้นมาด้วยวิธีคล้ายๆ แบบนี้เหมือนกัน’

“เจ้าหมายความว่า—“ เขาพูดอย่างตกใจ

‘ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นปีศาจคุ้มคลั่ง ปีศาจสยองขวัญ ผู้นำนรกก็ล้วนแต่เกิดขึ้นมาด้วยวิธีนี้…ข้าเจอข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันอยู่ในร่างกายของมาเธอร์ออฟโซล แต่ว่าถ้าอยากจะฟักเอาปีศาจพวกนี้ออกมา ตอนนี้ข้ายังทำไม่ได้ เพราะว่ายังขาดส่วนสำคัญบางส่วนอยู่ —- ซึ่งร่างแม่ที่มีส่วนสำคัญส่วนนี้ครบสมบูรณ์จะถูกเรียกว่าจักรพรรดิ’

โรแลนด์เป็นใบ้ไปทันที ถึงแม้เขาจะรู้ว่าปีศาจไม่จำเป็นต้องผสมพันธุ์ แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่ามันจะสืบทอดเผ่าพันธุ์ด้วยวิธีนี้

‘พูดอีกอย่างก็ข้าเองก็สามารถกลายเป็นจักรพรรดิของราชาได้เหมือนกัน — น่าขันใช่ไหมล่ะ คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่สามผู้นำของแม่มดสามารถให้กำเนิดปีศาจได้ด้วย’ เอเลนอร์พูดถึงตรงนี้ก็ถลึงตามองเขา ‘ดังนั้นจำคำพูดของเจ้าเอาไว้ อย่าทำให้ข้าต้องอยู่ในนี้ไปตลอดล่ะ’

นี่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางด้านเวทมนตร์ ไม่ใช่ข้า โรแลนด์คิดอยู่ในใจอย่างจนปัญญา แต่เขากลับคิดไปไกลกว่านั้น — ด้วยการถ่ายโอนจิตสำนึก เอเลนอร์สามารถรับเอาข้อมูลทั้งหมดของมาเธอร์ออฟโซลมาโดยแทบจะไม่มีอุปสรรคอะไรเลย ซึ่งนี่มันก็เหมือนกับการเรียนรู้ความรู้ต่างๆ อย่างไรอย่างนั้น มันสามารถมองเป็นการสืบทอดในความหมายแคบๆ ได้ และหากทำแบบนี้ต่อไป การสืบทอด การแทรกซึม การกระตุ้นการวิวัฒนาการนั้นเรียกได้ว่าเป็นผลลัพธ์ที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แล้วทำไมพระเจ้าถึงต้องทำอะไรวุ่นวายด้วยการใช้วิธีไม่เจ้ามอดก็เป็นข้าม้วยอย่างสงครามแห่งโชคชะตากับชิ้นส่วนสืบทอดมาฝืนผลักดันให้เกิดกระบวนแบบนี้ขึ้นด้วย?

อันดับต่อไปก็คือตัวของจิตสำนึก

มันดูแล้วช่างขัดแย้งกับระดับเทคโนโลยีอันต่ำต้อยของโลกนี้อย่างมาก การสัมผัสและการถ่ายโอนของจิตสำนึกทำไมมันถึงดูง่ายดายขนาดนี้ ราวกับว่ามันไม่มีอุปสรรคใดๆ ทางด้านเทคโนโลยีอย่างไรอย่างนั้น ถ้าบอกว่าพระเจ้ามีความสามารถแบบนี้มันก็ยังแปลกอะไร แต่ทำไมอารยธรรมใต้ดิน ปีศาจและมนุษย์เองถึงทำแบบนี้ได้เหมือนกันล่ะ?

เพราะว่าในโลกนี้เขาอยู่ก่อนหน้านี้ เพราะสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดอย่างการรับรู้แล้วเลียนแบบขึ้นมาแบบนี้นั้นเป็นเพียงแค่แนวคิดอย่างหนึ่งที่มีอยู่ในภาพยนตร์เท่านั้น

เขาแอบรู้สึกว่าทั้งสองนี้เหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกันอยู่

………………………………………………………….