ตอนที่ 1445 เกาะที่ไม่มีวันตก โดย Ink Stone_Fantasy
หลังกลับจากเหมือนเนินทิศเหนือมาถึงปราสาท โรแลนด์ก็เรียกบารอฟและคาร์ลที่เป็นหัวหน้ากองโยธาธิการเข้ามาในห้องทำงาน
“ข้าอยากจะให้ทางสำนักบริหารรีบทำแผนการจัดหาวัตถุดิบโลหะขึ้นมาใหม่โดยเร็วที่สุด แล้วย้ายศูนย์กลางจัดหาวัตถุดิบจากเนินเขาทิศเหนือกระจายไปยังที่อื่น — จะเป็นป้อมปราการลองซองหรือเมืองเรดวอเทอร์ก็ได้ทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ต้องระวังปริมาณห้ามลดน้อยลง อีกไม่นานเนินเขาทิศเหนือจะไม่สามารถทำการขุดหาวัตถุดิบได้อีกแล้ว”
ทั้งสองคนหน้าเปลี่ยนสีทันที จากนั้นสบตากันครู่หนึ่ง คาร์ลก้มหน้าลงไป ส่วนบารอฟก็ถามขึ้นมาอย่างยากลำบากว่า “ฝ่าบาท…สถานการณ์ทางทิศเหนือมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอพ่ะย่ะค่ะ?”
“ทิศเหนือ?” โรแลนด์งุนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคิดขึ้นมาได้ อีกฝ่ายน่าจะคิดว่าบนที่ราบลุ่มบริบูรณ์มีศัตรูที่แข็งแกร่งปรากฏขึ้นมาใหม่ แม้แต่กองทัพที่หนึ่งก็ไม่สามารถต้านทานได้ ด้วยเหตุนี้เพื่อที่จะรักษาเมืองแล้ว เขาจำต้องทิ้งเหมืองเนินทิศเหนือไป เขานึกขันอยู่ในใจพร้อมส่ายหัวขึ้นมา “กองทัพไม่ได้ตกต่ำจนถึงขนาดต้องอาศัยข่าวลวงเรื่องชัยชนะมารักษากำลังใจของผู้คนหรอกนะ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ดูแลเรื่องการขนส่ง เจ้าก็น่าจะมองเห็นถึงสถานการณ์คร่าวๆ จากวัสดุทางการแพทย์ที่ถูกใช้ไปนี่นา ทำไมถึงถามคำถามแบบนี้ออกมาล่ะ”
บารอฟรีบเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “เอ่อ ฮ่าๆๆ…กระหม่อมเพียงแค่เตรียมพร้อมเพื่อฝ่าบาทเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ความจริงตอนแรกกระหม่อมเองก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน กระหม่อมนึกว่ามีแม่มดคนไหนเจอข้อมูลใหม่เกี่ยวกับอาณาจักรซีสกายแล้วยังไม่ได้มาแจ้งทางสำนักบริหารหรือเปล่า”
“เช่นนั้นแล้ว ทำไมฝ่าบาททรงต้องทิ้งเหมืองเนินเขาทิศเหนือด้วยล่ะพ่ะย่ะค่ะ?” คาร์ลอดถามขึ้นมาไม่ได้
“เพราะว่าอีกไม่นานเหมืองเนินเขาทิศเหนือจะบินขึ้นไปบนฟ้าน่ะสิ” โรแลนด์พูดพร้อมยักไหล่
“….”
ทั้งสองคนนิ่งเงียบไปอีกครั้ง แต่ว่าสีหน้าของพวกเขาครั้งนี้ดูแปลกๆ ไปเสียหน่อย เหมือนกับว่าพวกเขารู้สึกสงสัยในหูของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
“พวกเจ้าฟังไม่ผิดหรอก มันจะบินขึ้นไป กลายเป็นเกาะลอยฟ้า” โรแลนด์กวาดตามองทั้งสองคนอย่างขำขัน ก่อนจะเล่าเรื่องแม่มดโบราณเอเลนอร์และแกนเวทมนตร์ที่ยึดมาได้ให้ทั้งสองคนฟังอย่างคร่าวๆ “ยังจำลังเหล็กที่ทางสำนักบริหารทำการขนส่งก่อนหน้านี้ได้ไหม สิ่งที่อยู่ในนั้นคือแกนกลางของพระผู้สร้าง เพียงแต่การปลูกถ่ายมันมีความเสี่ยงอยู่ ข้าไม่รู้ว่าสุดท้ายผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร ข้าก็เลยไม่ได้เอารายละเอียดเรื่องนี้บอกพวกเจ้า แต่ว่าตอนนี้พวกเจ้ารู้ได้แล้ว แผนการประสบความสำเร็จอย่างมาก อีกไม่นานเมืองเนเวอร์วินเทอร์จะมีดินแดนที่ลอยอยู่บนฟ้าเหมือนกัน”
บารอฟลืมตาโตพูดอะไรไม่ออก ส่วนคาร์ลนั้นตัวสั่นขึ้นมาอย่างตื่นเต้น เขาถามออกไปด้วยเสียงอันสั่นเครือว่า “ฝ่าบาท สิ่งที่พระองค์ทรงต้องการนั้นไม่ใช่แค่ก้อนหินขนาดใหญ่ธรรมดาๆ ใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
“เจ้าพูดถูก” โรแลนด์ไม่อ้อมค้อมอีก “มันจะกลายเป็นเรือรบลอยฟ้า เป็นป้อมปราการที่ไม่มีวันตก มันจะต้องมีสิ่งที่ทหารจำนวนมากจำเป็นต้องใช้ในการออกไปโจมตีเป็นเวลาหลายเดือนหรือเป็นปี อีกทั้งยังสามารถโจมตีใส่ศัตรู และมีความสามารถในการป้องกันตัวเองระดับหนึ่ง เขาคิดว่าต้องใช้เวลานานเท่าไรในการปรับปรุงเหมืองเนินเขาทิศเหนือให้เป็นแบบนี้?”
ในฐานะที่เติบโตมาจากสายวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม เขาย่อมต้องเข้าใจว่าสิ่งที่ทำให้คาร์ลรู้สึกตื่นเต้นนั้นคืออะไร นักออกแบบที่ีมีความทะเยอทะยานทุกคนล้วนแต่อยากจะให้ผลงานของตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่น่าเหลือเชื่อทั้งหมด การที่สามารถสร้างเมืองลอยฟ้าขึ้นมาได้ด้วยมือตัวเองนั้นคือโอกาสที่ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ
“หากว่ากันตามแผนงานก่อสร้างตามปกติแล้ว มันต้องใช้เวลา 4 – 5 ปีพ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมรู้ว่าฝ่าบาททรงรอนานขนาดนั้นไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเมืองลอยฟ้าก็ไม่อาจถือเป็นการก่อสร้างธรรมดาได้” คาร์ลรีบตอบออกมาทันที “เมื่อคำนึงถึงความพิเศษของมันแล้ว ทางกองโยธาธิการสามารถส่งทีมก่อสร้างขึ้นไปอยู่บนนั้นได้พ่ะย่ะค่ะ ถ้ากระหม่อมเข้าใจไม่ผิดแล้วล่ะก็ ฝ่าบาททรงต้องการให้อัศวินอากาศอยู่บนนั้นใช่ไหมล่ะพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงมีจุดให้พวกเขาได้เติมเชื้อเพลิงและกระสุนปืน ขอบเขตการโจมตีและการป้องกันของพวกเขานั้นจะเหนือกว่าปืนใหญ่ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”
ดูเหมือนหลังจากสร้างสนามบินมาสิบกว่าแห่ง หัวหน้ากองโยธาธิการคนนี้ก็ยิ่งมีความเข้าใจเกี่ยวกับกองทัพอากาศลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นแล้ว โรแลนด์พยักหน้ายิ้มๆ “ว่าต่อไป”
“สนามบินที่อัศวินอากาศต้องใช้นั้นประกอบไปด้วยรันเวย์ โกดังและคลังเก็บเชื้อเพลิงกับกระสุน สิ่งเหล่านี้สามารถใช้แผนและแบบแปลนที่มีอยู่ได้ อย่างมากใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นแล้ว—” คาร์ลยกมือขึ้นมาทาบอก “อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ หลังจากหนึ่งสัปดาห์ มันจะสามารถใช้งานได้ตามความต้องการเบื้องต้นของพระองค์ งานก่อสร้างที่เหลือก็มีปรับปรุงให้เสร็จสมบูรณ์และก่อสร้างเพิ่มเติมเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วพวกวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างล่ะ?” บารอฟถาม “ทันทีเนินเขาทิศเหนือขึ้นบิน การจะส่งของขึ้นไปนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก”
“ในจุดนี้ข้าย่อมต้องคิดเอาไว้แล้ว” เมื่อพูดถึงความเป็นมืออาชีพแล้ว คาร์ลเรียกได้ว่ามีความมั่นใจอย่างมาก “ตรงเชิงเขาเนินทิศเหนือนั้นมีสระน้ำที่ไม่ใหญ่อยู่แห่งหนึ่งที่เกิดจากน้ำแร่บนยอดเขาไหลมารวมกัน ในช่วงสัปดาห์แรก ทีมก่อสร้างจะทำการล้อมรั้วมัน ทำให้มันกลายเป็นอ่างเก็บน้ำตามธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ แล้วก็ใช้ในการก่อสร้างได้”
“อันดับต่อมา หินปูนที่ใช้ในการทำซีเมนต์นั้นสามารถขุดเอามาจากตัวภูเขาได้ ข้าคิดว่าเลดี้เอเลนอร์คงจะไม่ว่าอะไรถ้าหากเมืองลอยฟ้าเบาขึ้นนิดหน่อย ทั้งอิฐและไม้ก็เอามาจากบนนั้นได้ ส่วนเหล็กกล้านั้นเตรียมเอาไว้ก่อนล่วงหน้าจะดีที่สุด — ถ้าคุณหนูฮัมมิงเบิร์ดกับคุณหนูมอลลี่ยอมช่วยล่ะก็ ปริมาณของที่ขนเข้าไปได้ในหนึ่งสัปดาห์จะต้องมากพออย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“นอกจากนี้เมืองชายแดนที่สามของแม่มดทาคิลาเองก็สามารถช่วยเราได้อย่างมาก ถ้ำที่เชื่อมต่อกันไม่ขาดสายนั้นขอเพียงทำการปรับเปลี่ยนนิดหน่อย มันก็จะเป็นโกดังที่ดีที่สุด เมื่อมีสิ่งเหล่านี้ ถึงแม้จะไม่มีการสนับสนุนเป็นเวลานาน ทีมก่อสร้างก็สามารถทำงานอยู่บนนั้นได้ 1 – 2 ปีพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาก็หันไปมองบารอฟ “แน่นอนว่าถ้าหากเขตเตาเผาและโรงงานถลุงเหล็กไปอยู่บนนั้นด้วย ช่วงเวลาที่จะอาศัยอยู่บนนั้นก็จะยิ่งนานขึ้นไปอีก”
โรแลนด์ถึงกับปรบมือขึ้นมา แผนการนี้เป็นแผนการที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ที่มีเวลาอยู่จำกัดแบบนี้ — ทำให้เกาะลอยฟ้ามีความสามารถในการต่อสู้ขั้นพื้นฐานในเวลาที่น้อยที่สุดก่อน ส่วนเรื่องอื่น อย่างเช่นเงื่อนไขการอยู่อาศัยของคนงานล้วนแต่สามารถทำการปรับเปลี่ยนในภายหลังได้
“บารอฟ เจ้าคิดว่ายังไง?”
“แบบนั้นบนเกาะนอกจากกองทัพที่หนึ่งแล้ว ก็ยังจะมีชาวเมืองอาศัยอยู่บนนั้นไม่น้อยด้วย” หัวหน้าสำนักบริหารลูบหนวดตัวเอง “ดูเหมือนหม่อมฉันต้องคิดแผนรับสมัครงานที่มีความดึงดูดออกมาแล้วล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
โรแลนด์ยิ้มอย่างพอใจขึ้นมา ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจับจุดสำคัญของแผนการนี้ได้แล้ว
การขึ้นไปอยู่บนเกาะลอยฟ้านั้นหมายถึงการจากแผ่นดินและบ้านเกิดไปเป็นเวลานาน เงื่อนไขการใช้ชีวิตที่ยากลำบากในช่วงแรกนั้นก็ไม่สามารถเทียบกับเขตที่อยู่อาศัยของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ได้ ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะเป็นการประกาศหรือการให้รางวัล ทางสำนักบริหารก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม มีแต่คนงานที่เต็มใจจะขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสามารถทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากเป็นเมื่อก่อนนี้โรแลนด์ต้องเป็นคนวางแผนเองทั้งหมด แต่ตอนนี้บารอฟสามารถรับหน้าที่นี้แทนตัวเองได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเข้าใจในแนวคิดการบริหารของเขาเป็นอย่างดี
“อย่างนั้นก็เอาตามนี้แล้วกัน” โรแลนด์กล่าวสรุป
…..
“นายท่าน กลับมาแล้วเหรอเจ้าคะ”
วิคเตอร์เดินเข้าในห้องทำงานของตึกปาฏิหาริย์ ทิงเกิลรีบเข้ามาต้อนรับเหมือนตอนอยู่ที่โรงแรม
ตอนนี้การค้าของเรนโบว์สโตนนั้นโตวันโตคืน คู่แข่งทางการค้ารายอื่นๆ ก็ปรากฏขึ้นมา เพื่อรักษาเสถียรภาพของแหล่งสินค้าแล้ว เขาจำเป็นต้องเดินทางไปกลับระหว่างเนเวอร์วินเทอร์กับท่าเรือเคลียร์วอเทอร์อยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้มันจะค่อนข้างเหนื่อย แต่เขาก็มีความสุข เมื่อเทียบกับการขายอัญมณีที่ไม่มีความแน่นอนแล้ว ตอนนี้นับวันเขาก็ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายในตอนแรกมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือการกลายเป็นพ่อค้าใหญ่ที่มีความสามารถมากพอจะสืบทอดวงศ์ตระกูลต่อไปได้
ในขณะที่วิคเตอร์ยื่นมือออกมา อีกฝ่ายก็เอา ‘เกรย์คาสเซิล’ รายสัปดาห์ส่งมาให้เขา
ความรู้ใจเช่นนี้ทำเอาเขายิ้มออกมาเล็กน้อย ถึงแม้ที่ท่าเรือเคลียร์วอเทอร์จะมีหนังสือพิมพ์ส่งไปเหมือนกัน แต่เวลามักจะช้ากว่าที่นี่ 2 – 3 สัปดาห์ ซึ่งสำหรับเมืองเนเวอร์วินเทอร์แล้ว การเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลา 2 – 3 สัปดาห์นั้นนับว่าน่าตกใจอย่างมาก
แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ พาดหัวข่าวในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ฉบับล่าสุดนั้นดึงดูดสายตาเขาเอาไว้ทันที
‘มุ่งหน้าไปบนฟ้า แผนการสรวงสวรรค์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ’
…………………………………………………….