บทที่ 2863 ไม่อยากถูกท่านเอาเปรียบต่อไปแล้ว 3
สุภาษิตกล่าวไว้ ชายหญิงประสาน ทำงานไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่เพียงแต่ไม่เหน็ดเหนื่อยเท่านั้น ยังมีประสิทธิภาพมากด้วย
ไม่ทราบว่ามีสาเหตุมาจากการฝึกฝนไปพร้อมกับตี้ฝูอีหรือไม่ หลังจากผ่านไปสองเดือน ไม่น่าเชื่อว่าพลังยุทธ์ของกู้ซีจิ่วจะฟื้นฟูกลับมาสองส่วนแล้ว! ซ้ำยังเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้อีกครึ่งส่วนด้วย!
กู้ซีจิ่วดีใจมาก ยามที่มองตี้ฝูอีอีกครั้งก็รู้สึกว่าเข้าตายิ่งนัก
ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ตอนที่เธอฝึกฝนอยู่ที่แดนน้ำแข็งตามลำพังครึ่งปี พอวรยุทธ์เพิ่มขึ้นมาสองส่วนแล้วก็ไม่ขยับขึ้นมาอีกเลย ไม่ว่าจะฝึกฝนอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
ไม่นึกเลยว่าครั้งนี้จะได้ผลลัพธ์แบบนี้!
กู้ซีจิ่วรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า นี่น่าจะเป็นผลงานของกระท่อมน้ำแข็งหลังน้อยของตี้ฝูอี แน่นอนว่ามีสาเหตุมาจากอ้อมกอดของเขาด้วย…
ตอนนี้เขากับเธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว เรื่องกอดก็แล้วไปเถอะ แต่ต้องคุยกับเขาเรื่องกระท่อมสักหน่อย บางทีอาจจะทิ้งไว้ให้เธอได้ วันหน้าตอนเธอเข้ามาฝึกฝนอีกก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่อยู่แล้ว
เธอกล่าวความคิดของตนออกไป ตี้ฝูอีตอบตกลงว่องไวยิ่ง เพียงแต่เขาก็เสนอเงื่อนไขของตนออกมาเช่นกัน ให้เธอไปเยือนภพมารเป็นเพื่อนตนรอบหนึ่ง เป็นการตอบแทน
กู้ซีจิ่วฉงนอยู่บ้าง เพ่งพิศเขาขึ้นๆ ลงๆ อยู่สองสามครา “หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ เจ้าไปภพมารหนนี้น่าจะถูกเชื้อเชิญไปกระมัง? ชื่อเสียงก่อนหน้านี้คอยค้ำจุนอยู่ที่นั่นแล้ว พวกเขาน่าจะเคารพเจ้าเหมือนท่านปู่แล้ว ไม่มีทางเกิดอันตรายใดขึ้น ย่อมไม่จำเป็นต้องให้ข้าไปเป็นด่านหน้าให้เจ้า เช่นนั้นจะเรียกข้าไปด้วยทำไม?”
ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ เอ่ยทีเล่นทีจริง “ต้องให้ท่านไปเป็นด่านหน้าเท่านั้นหรือ? ให้ท่านไปมีสุขร่วมเสพกับข้าไม่ได้หรือไง?”
กู้ซีจิ่วหันหลังออกเดิน “”หลอกลวงข้าให้น้อยๆ หน่อยเถอะ แล้วเจ้าก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเปิ่นจุนด้วย
ตี้ฝูอีถูกตอกจนพูดไม่ออกแล้ว
มองดูเงาหลังของนาง “สรุปแล้วท่านตอบรับเงื่อนไขของข้าหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วไม่หันกลับไป เพียงโบกมือให้ “วางใจเถอะ ขอเวลาให้เปิ่นจุนสามวัน แล้วเปิ่นจุนจะตามไปหาเจ้า”
เงาร่างของนางค่อยๆ หายเข้าไปในพายุหิมะ ตี้ฝูอีมองดูเงาหลังของนางเลือนหายไป ผ่านไปพักหนึ่ง ก็ถอนหายใจเบาๆ เขากลับเข้าไปในกระท่อมน้ำแข็ง วนรอบกระท่อมรอบหนึ่ง ฝ่ามือทาบลงบนผนังน้ำแข็งเป็นครั้งคราว ผ่านไปครู่หนึ่ง เครื่องประดับสีฟ้าครามชุดหนึ่งก็ปรากขึ้นตามมุมต่างๆ ของกระท่อมน้ำแข็ง
ปิ่น สร้อยคอ กำไล ต่างหู…
ดูจากรูปลักษณ์แล้วก็คือชุดนั้นที่เขาเคยคิดจะมอบให้กู้ซีจิ่ว
เขาเก็บพวกมันขึ้นมา ถือไว้ในฝ่ามือครู่หนึ่ง หยักมุมปากนิดๆ “เจ้าของของพวกเจ้าไม่รู้เลยว่าที่นางฟื้นฟูได้ขนาดนี้ เป็นความดีความชอบของพวกเจ้าทั้งนั้น…วางใจเถอะ ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องรับพวกเจ้าไป รอจนข้าสร้างผลงานเลื่องชื่อสำเร็จ ก็จะส่งมอบพวกเจ้าออกไปอีกครั้ง”
เขายืนอยู่ในกระท่อมน้ำแข็งอีกครู่หนึ่ง ด้านในยังมีกลิ่นอายที่หลงเหลือจากกายของนางอยู่ อ่อนละมุนทว่าทำให้จิตใจคนสดชื่นขึ้นมาอีกครั้ง
เขาพริ้มตาลงเล็กน้อย ค่อยๆ กางอ้อมแขนออก คล้ายต้องการโอบกอดสิ่งใด…
….
สุดท้ายกู้ซีจิ่วก็ยังคงพะวงถึงลูกศิษย์ที่บาดเจ็บสาหัสของตน จึงกลับไปที่หุบเขาเสียงสวรรค์รอบหนึ่ง
หลังจากเหตุการณ์นั้น เธอค่อนข้างปวดหัวกับศิษย์คนนี้อยู่บ้าง ดังนั้นเธอจึงกลับมาเงียบๆ ไม่ได้รบกวนผู้ใด
ภายในหุบเขาเสียงสวรรค์สงบสุขยิ่ง พวกบ่าวไพร่สาวใช้ต่างปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละคนไป เธอไม่อยู่กว่าสองเดือนแล้ว พวกเขาก็ยังคงจัดการที่นี่ให้มีระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม
กู้ซีจิ่วเร้นกายเข้ามา ทราบจากการพูดคุยกันของสาวใช้สองสามคนว่า อาการบาดเจ็บของฟั่นเชียนซื่อดีขึ้นเจ็ดแปดส่วนแล้ว หลายวันมานี้สามารถเคลื่อนไหวอยู่ในหุบเขาได้อย่างเสรีแล้ว การฝึกฝนวรยุทธ์ตามปกติก็มุมานะยิ่ง
เนื่องจากเขาฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จกลายเป็นซ่างเสินแล้ว ทำให้หกภพภูมิตกตะลึง หลายวันก่อนจึงมีคนมาแสดงความยินดีกับเขาไม่น้อยเลย
————————————————————————————-
บทที่ 2864 ไม่อยากถูกท่านเอาเปรียบต่อไปแล้ว 4
เนื่องจากฟั่นเชียนซื่อมักจะเดินทางออกไปข้างนอกอยู่เสมอ จึงรู้จักคบหาสหายอยู่ไม่น้อยเลย
ตอนที่กู้ซีจิ่วกลับมา ก็ได้พบผู้คนที่มาเยี่ยมเยือนเข้าอยู่หลายระลอก…
คนเหล่านี้จะไม่ว่าจะภพภูมิใดล้วนมีหมด ถึงขั้นที่มีอยู่สองสามคนที่เป็นอัจฉริยะบุคคลของภพต่างๆ ด้วย
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อพบหน้าพวกเขา แต่ในใจก็ยังคงยินดีนัก
ลูกศิษย์ของบ้านตนถึงแม้ด้านความรู้สึกจะออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ด้านอื่นๆ ก็ยังคงไม่เลวเลย
ขอเพียงดึงความรู้สึกที่ออกนอกลู่นอกทางของเขากลับมาได้ เขาก็น่าจะเป็นผู้สืบทอดที่ยอดเยี่ยมของเธอ
อย่างไรก็ตาม เผชิญบทลงโทษที่หนักหนามาครั้งหนึ่งแล้ว เขาน่าจะรู้จักกาละเทศะแล้วกระมัง? บางทีอาจจะขจัดความคิดไม่เข้าท่าที่มีต่อเธอไปแล้วก็ได้
เธอครุ่นคิดพลางก้าวเดิน เข้าไปในเรือนของฟั่นเชียนซื่อ จากนั้นก็ชะงักฝีเท้า
ฟั่นเชียนซื่อก็ยืนอยู่ในเรือนเช่นกัน ที่ด้านหน้าเขามีดรุณีในชุดกระโปรงสีม่วงอ่อนนางหนึ่งยืนอยู่ด้วย
ดรุณีนางนี้หน้าตางดงามสดใส บนร่างมีไอมารจางๆ โอบล้อมอยู่รางๆ กู้ซีจิ่วรู้จักนาง มุกกลางหัตถ์ของจอมมารแห่งภพมาร ได้รับความโปรดปรานยิ่งนัก นิสัยค่อนข้างไร้เดียงสา หยิ่งผยอง แต่มิได้เลวร้าย นามว่าอินหมิงจู
ฟั่นเชียนซื่อเคยไปทำภารกิจที่ภพมาร บังเอิญได้รู้จักนางเข้า องค์หญิงผู้นี้บังเกิดรักแรกพบกับฟั่นเชียนซื่อ ตามตื้อจนเข้าขั้นตอแยวุ่นวาย ทำให้ฟั่นเชียนซื่อปวดหัวอย่างยิ่ง แทบจะหลบซ่อนจากนางแล้ว
เรื่องนี้ฟั่นเชียนซื่อเคยเอ่ยกับกู้ซีจิ่วแล้ว ทว่ากู้ซีจิ่วไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
ศิษย์ของบ้านตนเลิศล้ำเกินไป มีหญิงสาวมาตามตื้อก็เป็นเรื่องปกติยิ่ง เธอยังรู้สึกดีใจแทนเขาอยู่เลย
แน่นอน หลังจากเธอแสดงความรู้สึกยินดีของตนออกมา ฟั่นเชียนซื่อก็หันหลังเดินจากไปเลย เป็นครั้งแรกที่ไม่ไว้หน้าผู้เป็นอาจารย์อย่างเธอ
ทำให้ตัวเธอในตอนนั้นค่อนข้างงุนงงอยู่บ้าง รู้สึกว่าเด็กคนนี้คงเข้าสู่ช่วงวัยต่อต้านแล้ว
องค์หญิงผู้นี้เคยมาสามสี่ครั้งแล้ว ล้วนถูกฟั่นเชียนซื่อสกัดเอาไว้ด้านนอกประตู ไม่ยอมให้นางได้เข้ามา
ไม่น่าเชื่อว่าหนนี้จะปล่อยให้นางเข้ามาแล้ว ซ้ำยังเข้ามาในเรือนของฟั่นเชียนซื่อด้วย
ในที่สุดฟั่นเชียนซื่อก็เปลี่ยนใจแล้วหรือ?
กู้ซีจิ่วสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง จึงเร้นกายมองอยู่ตรงนั้นเสียเลย
สองคนนี้ถกเถียงกันอยู่ตรงนั้นเล็กน้อย สีหน้าฟั่นเชียนซื่อเย็นชา ใบหน้าพริ้มเพราของอินหมิงจูเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม แถมยังแฝงความขุ่นเคืองเอาไว้รางๆ ด้วย
กู้ซีจิ่วได้ยินพวกเขาถกเถียงกันอยู่หลายประโยค ในที่สุดก็พอจะเข้าใจคร่าวๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ครั้งนี้อินหมิงจูมาเพื่อส่งข่าวสารบางอย่างของภพมารให้เขา ด้วยเห็นแก่ข่าวสารเหล่านี้ ในที่สุดฟั่นเชียนซื่อจึงยอมให้นางเข้ามา
แต่หลังจากอินหมิงจูเข้ามาแล้วก็ไม่บอกข่าวสารเหล่านั้น พูดเรื่องไร้สาระส่วนหนึ่งขึ้นมาก่อน รำพันถึงความทุกข์ทรมานจากการคะนึงหา ทำให้ฟั่นเชียนซื่อหงุดหงิดยิ่งนัก ในที่สุดก็ออกคำสั่งส่งแขกกับนางแล้ว ให้นางเลือกว่าจะคุยธุระ หรือว่าไสหัวออกไปซะ
นี่ทำให้อินหมิงจูทั้งโมโหทั้งขุ่นเคือง แต่ก็ไม่กล้ายั่วยุเขาอย่างแท้จริง ทำได้เพียงบอกเล่าข่าวสารเหล่านั้นออกมาอย่างคับข้องหมองใจ
ถึงอย่างไรนางก็ไม่ยินยอมพร้อมใจ ดังนั้นนางจึงอมพะนำเรื่องราวมากมายไว้ นำสิ่งนี้มาข่มขู่กดดัน บอกว่าวันหน้านางสามารถนำข่าวสารของภพมารมาส่งมอบให้เขาอีกได้ แต่ก่อนอื่นคือนางจะต้องได้รับอนุญาตให้เข้าออกหุบเขาเสียงสวรรค์ได้ตามใจชอบก่อน
เห็นได้ชัดว่าข่าวสารเหล่านี้สำคัญต่อฟั่นเชียนซื่อยิ่งนัก เขาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็รับปากแล้ว
เพียงแต่ ท่าทีของเขาก็ชัดเจนยิ่งนัก ไม่ว่าอินหมิงจูจะทำอย่างไร เขาล้วนไม่ตอบรับนางทั้งสิ้น อย่างมากก็เห็นนางเป็นสหายเท่านั้น
ช่วงที่กู้ซีจิ่วมาถึง เป็นตอนที่ฟั่นเชียนซื่อกับอินหมิงจูกำลังชี้ขาดกันเช่นนี้อยู่
สิ่งเหล่านั้นที่กล่าวมาในข้างต้น ล้วนเป็นสิ่งที่กู้ซีจิ่วอนุมานออกมาจากบทสนทนาของพวกเขา
อินหมิงจูไม่ยินยอมนัก เอ่ยถามเขา “ข้าไม่ดีตรงไหนกันแน่? เจ้ารู้ไหมว่าที่ภพมารมีชายหนุ่มมากมายหล่อเหลาเปี่ยมความสามารถมากมายเพียงใดที่ชอบพอข้า? ทว่าข้าปักใจต่อเจ้าเพียงคนเดียว เจ้ามีคนในใจแล้วหรือ? เป็นอูเชียนเหยียนใช่ไหม?”
————————————————————————————-