ตอนที่ 534 ลานประหารและสุสานเคลื่อนที่

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

“นับตั้งแต่ที่สำนักหยินหยางมีเจ้าสำนักคนใหม่ สำนักหยินหยางก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย…”

 

 

บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นพูดต่อไปอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ “ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักคนใหม่ผู้นี้มีนิสัยประหลาดอันใด คล้ายจะชื่นชอบหนุ่มน้อยและสตรีเยาว์วัยที่งดงาม ….เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆสามเดือน ทั้งบุรุษหนุ่มและสาวน้อยในหมู่บ้านของพวกเรา ล้วนถูกส่งตัวออกไปจนหมดแล้ว…..”

 

 

หัวหน้าหมู่บ้านยังคงนอนแผ่อยู่ที่ก้นหลุม เลือดไหลออกจากปาก คำพูดของเขาทำให้คนในหมู่บ้านคิดถึงบุตรชายบุตรสาวของตนเองขึ้นมา จนอดที่จะหลั่งน้ำตาไม่ได้

 

 

“บุรุษหนุ่มและสตรีอ่อนเยาว์ล้วนถูกนำไปทำอะไร?” ตู๋กูซิงหลันขมวดคิ้ว

 

 

เนื่องเพราะชื่อสำนักหยินหยางเหมือนจะมีความเกี่ยวเนื่องกับสำนักหุขเขาภูติลึกลับของนาง เดิมทีจึงมีความรู้สึกที่ดีด้วย แม้แต่กับเจ้าสำนักผู้นั้นนางก็ให้ความสนใจ

 

 

ตอนนี้พอได้ยินชาวบ้านพูดเช่นนี้ จึงแปลกใจขึ้นมา

 

 

“ส่งคนไปทำอะไร ….พวกเราก็ไม่รู้ชัดหรอก…. รู้แต่ว่าคนหนุ่มสาวที่ถูกส่งไปไม่มีใครรอดกลับมาได้สักคน ….และไม่ได้ไปเป็นศิษย์ ราวกับว่าหายสาบสูญไปจากโลก แม้แต่เถ้ากระดูกก็ไม่เหลือ”

 

 

เมื่อโดนผนึก ‘ยันต์วาจาสัตย์’ ของตู๋กูซิงหลันเข้าไป ย่อมไม่อาจโป้ปด

 

 

ประกอบกับสายตาเปี่ยมไอสังหารของตู๋กูซิงหลัน ยิ่งทำให้หัวหน้าหมู่บ้านไม่เหลือความกล้าใดๆ เขารู้สึกราวกับว่าศีรษะอาจถูกตู๋กูซิงหลันย้ายออกไปได้ทุกเมื่อ

 

 

ดังนั้นเขาจึงกล่าวด้วยเสียงปากสั่นฟันกระทบว่า “ข้าก็ได้ยินเรื่องนี้มาจากเออร์หม่าจือที่อยู่หมู่บ้านข้างๆ ป้าสะใภ้รองของพวกเขาเป็นหญิงรับใช้อยู่ในสำนักหยินหยาง …..เขาบอกว่าคนหนุ่มสาวพวกนั้น….ถูกส่งไป ถูกส่งไปทำเป็นเนื้อบด เพื่อทำยา….”

 

 

พอหัวหน้าหมู้บ้านพูดเช่นนี้ออกมา ชาวบ้านที่กล้ำกลืนความรู้สึกอยู่เมื่อครู่ ก็พากันส่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา

 

 

“คำสั่งที่สำนักหยินหยางส่งมา คือภายในสามวัน หมู่บ้านเราจะต้องจัดส่งคนหนุ่มสาวที่หน้าตาดี ออกมาสองคน ….มิเช่นนั้น….มิเช่นนั้นพวกเขาก็จะฆ่าล้างหมู่บ้าน….”

 

 

พอหัวหน้าหมู่บ้านพูดจบ ก็เหมือนถูกสูบพลังออกไปจนหมดสิ้น หน้าผากถึงกลับผุดเหงื่อเม็ดโตๆ ทั้งคอเสื้อและช่วงอกเปียกชื้นไปหมด

 

 

“หมู่บ้านชายป่าฟากตะวันตก ไม่ยอมส่งมอบคนหนุ่มสาวออกไป…. ทั้งหมู่บ้้าน…. มิว่าชายหญิงคนชรา และเด็ก …..ทั้งหมด ทั้งหมดถูกสับเป็นชิ้นๆ…แร้งอสูรของสำนักหยินหยางจิกกินอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืน ถึงได้กินเนื้อของพวกเขาจนหมดสิ้น”

 

 

หัวหน้าหมู่บ้านพูดออกมาเหมือนกับว่าเขาได้เห็นภาพนั้นเกิดขึ้นตรงหน้า คนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

 

 

ราวกับว่าหมู่บ้านต่อไปที่จะถูกจิกกินในอีกชั่วครู่ ก็คือหมู่บ้านของพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น

 

 

“ใช่แล้ว….พวกเรา….พวกเราเองก็ไม่มีทางเลือก…..คนของสำนักหยินหยาง….แต่ละคนล้วนเก่งกล้า….พวกเราจะขัดขืนได้อย่างไร ได้แต่ส่งมอบบุตรของตนเองออกไป…..”

 

 

ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านได้แต่ร้องไห้อยู่ด้านข้าง

 

 

“ท่าน….ท่านโปรดอย่าได้โทษที่พวกเราใจเ**้ยม….ท่านเป็นเด็กหนุ่มที่มาจากภายนอก แต่เด็กสองคนนี้ เป็นลูกแท้ๆของข้า ….ท่านก็มาได้พอดิบพอดี ไม่ว่าเป็นใคร…. ก็ต้องอยากเอาท่านไปแลกกับชีวิตของลูกหลานตนเองทั้งนั้น” ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านร้องสะอึกสะอื้น

 

 

พอได้รู้ที่มาที่ไปของเรื่อง ตู๋กูซิงหลันก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง

 

 

ธรรมชาติของคนเราย่อมมีความเห็นแก่ตัว สองคนนี้คิดจะใช้นางไปแทนที่ลูกของตนเองก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าใจได้

 

 

“แต่ข้าแค่คนเดียว จะสามารถแลกกับชีวิตของเด็กสองคนได้อย่างไร?” นางหรี่ดวงตาลง

 

 

เข้าใจส่วนเข้าใจ แต่ว่านางมิได้เกิดความสงสาร

 

 

เพราะว่าคนเหล่านี้ ต้องการส่งนางไปตาย

 

 

สตรีผู้นั้นเหลือบมองดูนางสองแวบ ก็ร้องคร่ำครวญออกมาเบาๆว่า

 

 

“ท่าน…. ท่านหน้าตาดีมาก …..ย่อมสามารถใช้หนึ่งแทนที่สองชีวิตได้”

 

 

“คนของสำนักหยินหยางนั้นคัดเลือกแต่เด็กที่หน้าตาดี….ก่อนหน้านี้บ้านของหวังต้าไห่ก็มีแม่นางน้อยที่หน้าตาดีมากๆคนหนึ่ง….ครั้งนั้นก็ใช้นางหนึ่งคนแลกกับชีวิตสองคน”

 

 

“ขอเพียงแค่หน้าตาดีพอ สำนักหยินหยางก็จะยอมให้ส่งเพียงคนเดียวได้”

 

 

“กะ กะ กะต๊าก วิธีการชื่นชมผู้อื่นของพวกเจ้าช่างพิเศษจริงๆ” ติ๊งต๊องทางหนึ่งตะกุยเท้า อีกทางก็กรอกตาขึ้นฟ้า มันไม่มีความรู้สึกที่ดีให้กับคนเหล่านี้แม้แต่น้อย

 

 

พ่อแม่ที่คิดจะรักษาชีวิตตนเองให้รอด จึงได้ส่งลูกของตัวเองไปเป็นเนื้อบดจะเป็นพ่อแม่ที่ดีได้อย่างไร?

 

 

คนเหล่านี้ไม่คู่ควรจะได้เป็นพ่อเป็นแม่คนด้วยซ้ำ!

 

 

แน่นอนว่าตู๋กูซิงหลันเองก็คิดเช่นเดียวกัน

 

 

คนอื่นๆในหมู่บ้านไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น….พวกเขาเองก็ต้องการจะมีชีวิตต่อไป จึงไม่มีอะไรต่างกัน….

 

 

ใต้หล้าในวันนี้หากต้องการมีชีวิตรอดต่อไป ช่างยากลำบากเหลือเกิน

 

 

 ริมฝีปากสีแดงของตู๋กูซิงหลันยกขึ้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรก็ได้ยินเสียงดังระฆังกังวานมาจากในป่า

 

 

เสียงที่เหมือนดังมาจากที่ไกลหลายลี้ เพียงอึดใจเดียวก็มาถึงหมู่บ้านแล้ว

 

 

ทันใดนั้น ทุกคนในหมู่บ้านก็พลันหน้าเปลี่ยนสี

 

 

แต่ละคนถอยไปยืนตัวสั่นอยู่ด้านหลัง

 

 

พวกเขาพากันปากสั่นขึ้นมา แม้แต่สีหน้าก็เหยเก ปากได้แต่พร่ำพูดออกมาว่า “พวกเขามาแล้ว….พวกเขามากันแล้ว…..”

 

 

สีหน้าของภรรยาหมู่บ้านเปลี่ยนเป็นย่ำแย่

 

 

ทันใดนั้นสีหน้าของสองหนุ่มน้อยก็ซีดเหมือนกับคนตาย ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นยมบาลมาทวงชีวิต

 

 

มีเพียงตู๋กูซิงหลันที่ยังยืนหยัดดุจพู่กันอยู่ในป่า

 

 

นางเหลือบตามองไปยังด้านหลัง เพียงครู่เดียวก็ได้เห็นกลุ่มคนในชุดขาวดำ สวมหน้ากากครึ่งดำครึ่งขาว ยกกระถางโบราณใบใหญ่เหาะมาอยู่ไม่ไกล

 

 

พริบตาเดียวก็มาถึงตรงหน้าของพวกนาง

 

 

 คนเหล่านี้มีพลังวิญญาณที่ไม่อ่อนด้อยหมุนวนรอบกายยู่ตลอด

 

 

ยามที่กระถางใบใหญ่นั้นถูกวางลง บนพื้นก็เกิดเสียงสะท้อนออกมาดัง ‘ตึ้ง’

 

 

พื้นดินใต้ฝ่าเท้าถึงกับสั่นน้อยๆ ใบไม้เหนือศีรษะปลิวลงมาเป็นสาย

 

 

ใบไม้สองใบตกลงบนบ่าของตู๋กูซิงหลัน

 

 

“พวกเขา …..พวกเขาก็คือคนของสำนักหยินหยาง….” หัวหน้าหมู่บ้านที่นอนหงายท้องอยู่ในหลุมดินด้านหลังตู๋กูซิงหลัน  เอ่ยเสียงเบา

 

 

นี่ไม่ใช่ว่าพวกเขาจัดการเด็กหนุ่มผู้นี้….คนของสำนักหยินหยางมาด้วยตนเองแล้ว เมื่อได้เห็นคนที่หน้าตาดีเช่นนี้ ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยผ่านไปอยู่แล้วกระมั้ง?

 

 

มีแต่จะรีบจับคนยัดลงไปในกระถางนำกลับไปทำเนื้อบดมากกว่า

 

 

เรื่องนี้ย่อมไม่พลาด สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังร่างของตู๋กูซิงหลันเป็นอย่างแรก

 

 

พวกเขาไล่ไปตามหมู่บ้านชายขอบมากมายของจิ่วโจว จับตัวคนหนุ่มสาวไปมากมาย…..นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนที่งดงามเช่นนี้

 

 

ดูจากเสื้อผ้าการแต่งกายของหนุ่มน้อยผู้นี้ คงจะไม่ใช่คนในหมู่บ้านแล้ว

 

 

สายตาของพวกเขามองไปยังร่างของตู๋กูซิงหลันกลับไปกลับมาอยู่ตลอด

 

 

ส่วนเด็กหนุ่มสองคนที่ถูกมัดอยู่บนเกี้ยวอ่อน ก็ตกใจจนแทบจะหมดสติไปแล้ว ในสมองของพวกเขาเห็นภาพของตัวเองถูกหั่นเป็นชิ้นๆ โยนลงไปในกระถาง

 

 

ตู๋กูซิงหลันเพียงเหลือบมองไปที่กระถางใบใหญ่ครั้งหนึ่ง ปากกระถางระเหยกลิ่นยาที่เข้มข้นออกมา แต่ก็ยังไม่อาจกลบเกลื่อนกลิ่นคาวเลือดที่ทำให้ผู้คนสะอิดสะเอียนจนแทบจะอาเจียนลงไปได้

 

 

อีกทั้งกระถางใบนั้นยังมีไอความตายและไอความแค้นกำจายออกมาอย่างไม่มีหยุด

 

 

หากจะบอกว่านี่เป็นกระถางใบหนึ่ง มิสู้บอกว่ามันเป็นลานประหารและสุสานเคลื่อนที่จะดีเสียกว่า

 

 

ไม่รู่ว่าในนั้นจะมีคนที่ถูกฆ่าตายทั้งเป็นอยู่มากมายสักเท่าไร

 

 

ไม่รอให้ผู้อื่นพูดออกมา ตู๋กูซิงหลันก็เอ่ยปากขึ้นก่อน

 

 

 ……………………………..