ตอนที่ 533 ถูกส่งไปตาย

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

นางส่งยิ้มให้อย่างไร้ข้อกังขาใดๆ 

 

 

หากว่ามิได้นับที่พูดถึงบรรพชนทั้งสิบแปดรุ่นของพวกเขา ทุกคนก็คงจะเชื่อถือท่าทางของนางแน่แล้ว 

 

 

คำพูดของนางทำให้คนในหมู่บ้านรู้สึกไม่ดีอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ว่าก็ไม่อยากจะถือสาหาความกับนางในเรื่องนี้ 

 

 

หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าชายกลางคนที่ท่าทางเป็นผู้นำนั้นไปสรรหาเถาวัลย์มาจากไหนเส้นหนึ่ง เขาใช้มือข้างเดียวจับบ่าขอตู๋กูซิงหลันเอาไว้ จากนั้นก็จับนางมัด 

 

 

หนุ่มน้อยที่มีรูปโฉมหมดจดเช่นนี้ หากว่าส่งไปที่นั่น บุตรชายทั้งสองของเขา….ก็ไม่ต้องถูกส่งไปตายแล้ว 

 

 

ก่อนที่ชายกลางคนผู้นั้นจะมัดตัวตู๋กูซิงหลัน เขายังแอบส่งสายตาให้กับหนุ่มน้อยบนเกี้ยวทั้งสองครั้งหนึ่ง 

 

 

คนหนุ่มในหมู่บ้านถูกส่งออกไปหมดแล้ว….เหลือแต่บุตรชายทั้งสองของเขา นี่มิใช่ว่าบังเอิญหรอกหรือ? 

 

 

อยู่ๆก็มีหนุ่มน้อยที่ทั้งงดงามและโง่เขลาโผล่ขึ้นมา 

 

 

ดูท่าสวรรค์คงจะสงสารพวกเขา จึงได้ส่งคนมาเป็นผีตายแทน 

 

 

พอคิดถึงตรงนี้ ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองดูตู๋กูซิงหลันอีกสักสองรอบ ในใจก็ประเมินดูว่า ด้วยรูปลักษณ์ของหนุ่มน้อยผู้นี้ สมควรจะแทนที่บุตรชายทั้งสองของเขาได้กระมั้ง? 

 

 

เพราะว่าที่นั่น….ชื่นชอบบุรุษที่รูปงามที่สุด หนุ่มน้อยที่ยิ่งงดงามยิ่งทรงคุณค่า บางทีหากส่งหนุ่มน้อยผู้นี้ไปก็อาจจะสามารถแลกกับความปลอดภัยของบุตรทั้งสองของเขาได้ 

 

 

เช่นนี้มือของเขาก็ยิ่งเพิ่มกำลังมากกว่าเดิม ราวกับว่าตัดสินใจได้แน่ชัดแล้ว 

 

 

สตรีวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็คอยจับตาดูอยู่ตลอด นางแทบจะอยากพุ่งออกไปจับมัดตู๋กูซิงหลันด้วยตนเอง ราวกับกลัวว่าจะเผลอทำนางหลุดมือไปอย่างนั้น 

 

 

ชาวบ้านทั้งหมดต่างก็พากันกลั้นลมหายใจ แต่บางคนก็ทำท่าเหมือนรู้สึกไม่ดีออกมา 

 

 

เนื่องเพราะบุตรของพวกเขาต่างก็ถูกจับส่งไปที่นั้นหมดแล้ว….เหลือแต่บุตรสองคนของหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้น เดิมทีนี่ก็ทำให้คนอึดอัดใจมากอยู่แล้ว ใครจะไปรู้ว่าอยู่ๆก็จะมีหนุ่มน้อยที่งดงามโดดเด่นปรากฏตัวขึ้นมา 

 

 

นี่มิเท่ากับว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยังช่วยปกป้องบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านหรอกหรือ? 

 

 

ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำคนนั้น ก็คือหัวหน้าหมู่บ้านนั่นเอง 

 

 

แต่ว่าพวกเขาก็ได้แต่ฮึดฮัดอยู่ภายในใจเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรหัวหน้าหมู่บ้านก็คือผู้ฝึกตนคนหนึ่ง….เป็นคนที่พวกเขาไม่อาจล่วงเกินได้ 

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ได้แต่ก้มหน้ารับความโชคร้ายแล้ว ….บางทีนี่อาจจะเป็นชะตาของบุตรตนเอง ดังนั้นถึงได้….. 

 

 

สตรีที่ออกเรือนแล้วของหมู่บ้านบางคนเริ่มหลังน้ำตาออกมา 

 

 

ไม่มีหนทางอื่น ใครใช้ให้ดินแดนจิ่วโจวนี้เป็นสถานที่ที่ผู้เข้มแข็งกลืนกินผู้อ่อนแอกันเล่า? 

 

 

หมัดของผู้ใดแข็ง ผู้นั้นก็สูงส่งกว่า มีอำนาจมากกว่า 

 

 

คราวนี้ หัวใจของหนึ่งในสองหนุ่มน้อยที่ถูกมัดตัวไว้ก็สามารถถอนหายใจยาวได้แล้ว 

 

 

           เขากับพี่ชายยังไม่ถึงกับชะตาขาด มีผีตายแทนส่งตัวเองมาถึงหน้าประตู ช่างโชคดีเหลือเกิน 

 

 

ขณะที่ทุกคนต่างก็คิดว่าตู๋กูซิงหลันกำลังถูกหัวหน้าหมู่บ้านมัดตัวอยู่นั้น ก็พลันเห็นว่า แค่หนุ่มน้อยผู้นั้นสะบัดหัวไหล่ออกมาก็ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านที่หนักเกือบสองร้อยชั่งถึงกับล้มลงบนพื้น 

 

 

           “ตึ้ง!” ได้ยินเสียงดังชัดเจน ตรงส่วนที่หัวหน้าหมู่บ้านล้มลงถึงกับกลายเป็นหลุมยุบลงไป 

 

 

กว่าครึ่งร่างของหัวหน้าหมู่บ้านจมลงไปในดิน พอเขาพึ่งจะขยับดิ้นรน ก็ได้ยินเสียงกระดูกทั่วร่างหักสะบั้น ราวกับถูกพลังที่แข็งแกร่งบางอย่างหักมัน 

 

 

           เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ทุกคนไม่ทันได้มีปฏิกริยาใดๆ 

 

 

           ตู๋กูซิงหลันยกเท้าขึ้นมาข้างหนึ่ง เหยียบลงไปบนหน้าท้องของหัวหน้าหมู่บ้าน ดวงตาดอกท้อคู่นั้นเหลือบดูอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “ข้าเป็นคนนิสัยอ่อนโยน อารมณ์ดีอยู่เสมอ นอกจากขอบคุณบรรพชนทั้งสิบแปดรุ่นของเจ้าแล้ว ย่อมต้องขอบคุณเจ้าด้วย” 

 

 

           หัวหน้าหมู่บ้านจะอย่างไรก็เป็นผู้ฝึกตน แต่ยามนี้เห็นได้ชัดเลยว่า ตรงส่วนเอวของเขาเหมือนกับถูกบิดจนพับไปแล้ว 

 

 

           ทุกๆคน รวมทั้งหัวหน้าหมู่บ้านผู้นั้น “? ? ?” 

 

 

           ตู๋กูซิงหลันเหยียบลงไปแล้วเท้าหนึ่ง ก็ทำท่าเหมือนจะยกอีกเท้าหนึ่งตามลงไป บุรุษดูไปแล้วกำยำล่ำสันดุจเสือดุจหมี ในร่างยังมีพลังวิญญาณอยู่สายหนึ่ง แต่ไม่มีคุณค่าสักเท่าไร เท้านี้ของนางใช้กำลังออกไปเพียงสามส่วนเท่านั้น ก็ทำเอาเขากระดูหักจนหมดสิ้นแล้ว 

 

 

อืม….ยังอ่อนแออกว่าที่ตู๋กูซิงหลันคิดเอาไว้มากนัก 

 

 

ยังคงเป็นสตรีวัยกลางคนผู้นั้นที่ตาไวมือเท้ารวดเร็ว นางคุกเข่าลงที่เบื้องหน้าของตู๋กูซิงหลันในทันที สองมือกอดอยู่บนเท้าน้อยๆของตู๋กูซิงหลัน วิงวอนต่อนางว่า “ท่านผู้กล้าโปรดเมตตายั้งมือ เขาเป็นคนแกร่งเพียงหนึ่งเดียวของหมู่บ้าน หากท่านยังเหยียบลงไปอีกเท้าหนึ่ง เขาคงจะต้องถึงตายแน่แล้ว!” 

 

 

           นางพูดพลางก็หลั่งน้ำตาไปพลาง “พวกเราเพียงแต่ปรารถนาดี คิดจะมอบเส้นทางเสพสุขให้กับท่าน ทำไมอยู่ๆท่านถึงได้บุ่มบ่ามทำร้ายผู้คนเล่า?” 

 

 

           ใช่แล้ว ใครจะไปคิดว่า หนุ่มน้อยที่ดูเหมือนเป็นบัณฑิตอ่อนแอ ที่แท้แล้วจะมีพละกำลังมหาศาล 

 

 

           “กะ กะ กะต๊าก!” ติ๊งต๊องอยากจะออกไปถีบนางสักสองที “พวกเจ้าคิดว่า พี่ส…พี่ชายของพวกข้าเป็นไอ้โง่หรือยังไง? เส้นทางเสพสุขอันใด ไปสบายของพ่อเจ้าน่ะสิ!” 

 

 

           “ใจคิดคดแล้วยังจะมาทำเป็นมีคุณธรรมนำหน้า แสบนัก!” 

 

 

ติ๊งต๊องอารมณ์เสียจนระเบิดแล้วจริงๆ พูดแล้วมันก็กระโดดออกไปด้านหน้าของสตรีผู้นั้น ยกอุ้งเท้าปาดออกไปยังใบหน้าของนาง สตรีผู้นั้นถอยไม่ทัน จึงถูกติ๊งต๊องข่วนจนเลือดไหลเป็นทาง 

 

 

เลือดไหลลงมาจนคนใจสั่นตื่นตระหนก 

 

 

 เลือดสดๆหยดลงไปเป็นทางยาว 

 

 

           แต่ว่าบุรุษของนางก็ยังนอนกองอยู่บนพื้น พวกลูกๆก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ คนอื่นๆในหมู่บ้านก็พากันถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สถานการณ์เช่นนี้พวกเขาย่อมไม่กล้าให้การช่วยเหลือใดๆ 

 

 

ตอนแรกพวกเขายังคิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านช่างโชคดี….ได้พบกับผีตายแทน 

 

 

แต่ใครจะไปรู้ว่า จะเตะไปเจอตอซัง! 

 

 

หนุ่มน้อยผู้นี้เสแสร้งได้สมจริงเกินไปแล้ว….จนนึกไปว่าเป็นลูกพลับนิ่มที่สามารถบีบได้เข้าจริงๆ  

 

 

หัวหน้าหมู่บ้านที่โฉดเขลาไปครั้ง เกือบจะทำเอาทั้งหมดต้องตายไปด้วยแล้ว 

 

 

หนุ่มน้อยทั้งสองคนต่างก็โง่งมไปแล้ว พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ……นางจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมิได้สนใจสตรีที่คร่ำครวญเป็นผีสางไปแล้ว นางเพียงปรายตาเย็นชาไปยังบุรุษที่นอนอยู่ในหลุม 

 

 

“ข้ามีความอดทนจำกัด ไม่ชอบพูดจาซ้ำเป็นครั้งที่สอง” นางถูปลายนิ้วเล่นเบาๆ จากนั้นก็ดีดนิ้วเป็นเสียงออกมา 

 

 

ทันใดนั้นแววตาของนางก็แปรเปลี่ยนไป กลายเป็นไอสังหารท่วมท้น 

 

 

  ไอสังหารนั้นแทบจะกลายเป็นคมดาบแทงทะลุร่างของบุรุษผู้นั้น เดิมทีเขายังมีคำพูดคิดจะด่านางทั้งตระกูล แต่พอได้เห็นสายตาของนาง ก็ได้แต่กล้ำกลืนลงไป 

 

 

ไอ้หนุ่มผู้นี้อ่อนแอไร้เดียงสาอย่างที่เขาแสดงออกมาที่ไหนกัน? 

 

 

           ที่แท้แล้วเป็นหมาป่าหุ้มหนังแกะอยู่ชัดๆ! 

 

 

“ว่ามาเถอะ ว่าเจ้าโง่สองคนนี้ตกลงแล้วจะถูกส่งไปที่ไหน ทำอะไรกันแน่?” 

 

 

บุรุษผู้นั้นอ้ำอึ้งไปชั่วครู่ ค่อยตอบว่า “ส่ง…ไปยังสำนักหยินหยาง….ข้ายังจะหลอกลวงท่านได้อีกหรือ?” 

 

 

“เป็นสำนักหยินหยางจริงๆ?” ตู๋กูซิงหลันขมวดคิ้ว 

 

 

นางไม่อยากจะมัวเสียเวลากับเขา จึงฉวยยันต์ออกมาแผ่นหนึ่ง ตบลงไปบนร่างของบุรุษผู้นั้น 

 

 

‘ยันต์วาจาสัตย์’ 

 

 

ผู้ที่ถูกยันต์นี้ได้แต่พูดความจริงเท่านั้น ยันต์นี้ใช้สำหรับควบคุมผู้ที่อ่อนแอกว่า 

 

 

บุรุษผู้นั้นพอถูกแปะยันต์ ก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง พูดออกมาอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ 

 

 

“ส่งไปสำนักหยินหยาง…แต่ว่าไม่ได้ไปเป็นศิษย์ …ส่ง ส่งไปตาย” 

 

 

“ว่าต่อไป” ตู๋กูซิงหลันนั่งคร่อมอยู่บนหินก้อนหนึ่ง ด้วยท่วงท่าหล่อเหลาทรงเสน่ห์ 

 

 

…………………………