บทที่ 2867 นี่เขาตั้งท่าระวังผู้ใดอยู่?
กู้ซีจิ่วมาถึงเร็วไปครึ่งวัน ตี้ฝูอีจึงยังไม่มา
ถึงอย่างไรเธอก็ติดค้างตี้ฝูอีอยู่ จึงคิดไปซื้อหญ้าต้านมารให้เขา พอถึงเวลาแล้วก็เข้าไปพร้อมกันเลยก็พอ จะได้ไม่เสียเวลา
หญ้าต้านมารล้ำค่ายิ่ง แต่ขอเพียงมีเงินพอ ก็ยังคงซื้อหาได้ง่ายดายยิ่ง
กู้ซีจิ่วคิดว่าครั้งนี้ก็คงซื้อหาได้ง่ายดายยิ่งนักเช่นกัน กลับคาดไม่ถึงเลยว่าเธอตระเวนไปยังสถานที่ที่ขายหญ้าชนิดนี้มาหมดแล้ว ก็หาซื้อไม่ได้เลยสักต้น!
ร้านค้าแทบทุกร้านล้วนเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า หญ้าชนิดนี้ถูกคหบดีลึกลับคนหนึ่งกว้านซื้อไปเมื่อวันก่อนแล้ว
คหบดีลึกลับคนนี้ให้ราคาสูง จ่ายเงินเร็ว เหล่าพ่อค้าย่อมไม่กักเก็บเอาไว้เลยสักนิด
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว รู้สึกอยู่ตลอดว่าเรื่องนี้คล้ายจะมีความไม่ชอบมาพากลอันใดอยู่
ไม่ว่าจะเป็นความไม่ชอบมาพากลอันใด เธอกับตี้ฝูอีก็ไม่อาจหาซื้อหญ้าต้านมารได้ชั่วคราวจริงๆ
และหญ้าต้านมารก็เติบโตในหุบเขาที่อันตรายยิ่งนักแห่งหนึ่งในภพมาร มีเพียงคนที่พลังวิญญาณบรรลุขั้นซ่างเซียนขึ้นไปแล้วถึงจะเข้าไปเก็บเกี่ยวในหุบเขาได้
หญ้าต้านมารด้านนอกถูกกว้านซื้อไปแล้ว คนด้านในที่สามารถเก็บเกี่ยวหญ้าต้านมารได้ก็เกรงว่าจะถูกควบคุมเอาไว้แล้วเช่นกัน
กู้ซีจิ่วหลุบตาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตัดสินใจแล้วว่าตนจะเข้าไปเก็บเกี่ยวหญ้าชนิดนี้ในภพมารก่อน
หุบเขานั้นอยู่ห่างจากปากทางเข้าของภพมารไม่ไกล มีระยะห่างเพียงไม่กี่ร้อยลี้ เธอไม่กริ่งเกรงไอมาร ซ้ำยังมีวิชาเคลื่อนย้าย ไปกลับครั้งหนึ่งใช้เวลาไม่นานนัก น่าจะไม่ทำให้ช่วงเวลานัดหมายล่าช้า
….
หุบเขาเคราะห์เยือนเป็น ‘หุบเขาศักดิ์สิทธิ์’ ของภพมาร เป็นสถานที่ที่ชาวภพมารให้ความเคารพที่สุด
ชาวภพมารโดยทั่วไปแล้วไม่มีการศึกษาสูงนัก กระทำการตรงไปตรงมา ดังนั้นนามที่ตั้งให้หุบเขาศักดิ์สิทธิ์จึงหยาบกร้านสามัญยิ่ง
ยอดเขาที่สูงที่สุดของหุบเขาสบเคราะห์คือบริเวณเดียวที่มีหญ้าต้านมารงอกงาม
ยอดเขานี้สูงหมื่นเริ่น[1] โดดเดี่ยวอันตราย ป้องกันง่ายโจมตียาก บนเขามีสัตว์มารกินคนอยู่มากมาย ปกติแล้วนอกจากคนเก็บสมุนไพร ก็ไม่มีใครแล่นมาเสี่ยงอันตรายถึงที่นี่แล้ว
แต่วันนี้ที่เชิงยอดเขากลับมีทหารมารหลายร้อยนายเฝ้าอยู่
ทหารมารเหล่านี้แต่ละคนวรยุทธ์ไม่ต่ำต้อยเลย ลาดตระเวนไปตามเส้นทางทั้งหมดที่ขึ้นสู่ยอดเขา แมลงวันสักตัวก็อย่าหมายว่าจะผ่านเข้าไปได้
แน่นอน พวกเขาสามารถสกัดขวางผู้อื่นได้ แต่ขวางกู้ซีจิ่วไว้ไม่ได้เธอเร้นกายมองทหารมารเหล่านั้น ฟังจากบทสนทนาของพวกเขาแล้ว ก็ได้ทราบความจากปากของพวกเขาว่า ผู้สำเร็จราชการ มีคำสั่งให้ปิดผนึกหุบเขา ภายในหนึ่งเดือนนี้ห้ามมิให้ผู้ใดขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร
ไม่ต้องถามเลย หญ้าเหล่านั้นที่อยู่ด้านนอกก็เป็นผู้สำเร็จราชการที่สั่งการให้ไปกว้านซื้อเช่นกัน
นี่เขาตั้งท่าระวังผู้ใดอยู่?
หรือจะตั้งท่าระวังตี้ฝูอี?
กู้ซีจิ่วพอจะทราบถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของภพมารอยู่บ้าง
ถึงแม้ภพมารจะมีจอมมาร แต่ผู้กุมอำนาจตัวจริงกลับเป็นผู้สำเร็จราชการ ผู้สำเร็จราชการเคยเป็นลูกน้องที่ภักดีต่อจอมมารองค์แรก ก่อนที่จอมมารองค์แรกจะสิ้นอายุขัยไป ได้ฝากฝังโอรสเอาไว้กับผู้สำเร็จราชการ
ผลคือผู้สำเร็จราชการค่อยๆ เข้ายึดกุมอำนาจ ยกจอมมารองค์ปัจจุบันขึ้นมาเป็นหุ่นเชิด
กล่าวอีกอย่างก็คือ จอมมารองค์ปัจจุบันเป็นราชันแค่เพียงในนามเท่านั้น
กู้ซีจิ่วจำได้ว่าช่วงงานวันเกิดของตน จอมมารได้มาร่วมอวยพร และเป็นเช่นเดียวกับผู้นำของภพภูมิอื่นๆ ได้ยื่นมิตรไมตรีแก่ตี้ฝูอี ต้องการเชื้อเชิญเขาเข้าสู่ภพมาร ถูกตี้ฝูอีเอ่ยปฏิเสธอย่างเด็ดขาดทันควัน เนื่องจากยามนั้นตี้ฝูอีกล่าวว่ายังมีธุระอื่นต้องจัดการอีก ไม่อาจไปรับตำแหน่งในภพภูมิใดๆ ได้ชั่วคราว
ดูเหมือนการเชื้อเชิญของจอมมารจะแว่วไปถึงหูของผู้สำเร็จราชการแล้ว ผู้สำเร็จราชการมีจิตคิดระแวงเขา ดังนั้นจึงตั้งท่าป้องกันการเข้าสู่ภพมารของเขากระมัง?
อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันคนผู้เดียว ผู้สำเร็จราชการยกทัพมาเช่นนี้จะไม่ใหญ่โตไปหน่อยหรือ?
ขณะที่เธอใคร่ครวญอยู่ พลันมองเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเหินมาจากที่ไกลๆ ร่อนลงเบื้องหน้าเหล่าทหารมารที่เชิงเขา
หลังจากเหล่าทหารมารผงะไปแวบหนึ่ง ก็ทำความเคารพชายหญิงคู่นั้นพร้อมกัน “ถวายบังคมท่านอ๋องเซียวเหยา ท่านหญิงหลิวเซียง”
————————————————————————————-
บทที่ 2868 แต่งกับข้า
รูปโฉมของบุรุษคนนั้นดีงามโดดเด่น เครื่องหน้าหล่อเหลายิ่ง ในมือโบกพัดวาดลายขุนเขาธาราเล่มหนึ่งไว้ ยามที่แย้มยิ้มจะแฝงความเจ้าสำราญอย่างหนึ่งไว้ คล้ายจะเป็นคุณชายเสเพลคนหนึ่ง
รูปโฉมของสตรีนางนั้นก็เฉิดฉันยิ่งนักเช่นกัน ตรงหว่างคิ้วแฝงความหยิ่งทะนงและสูงส่งเหนือปวงชนอันเป็นเอกลักษณ์ของคุณหนูชนชั้นสูงเอาไว้
กู้ซีจิ่วยังคงรู้จักสองคนนี้อยู่
ฝ่ายชายคือพระอนุชาของจอมมาร อินจิ่วซือ เป็นคุณชายเสเพลที่เลื่องชื่อลือชาในภพมาร ไม่ฝักใฝ่ความก้าวหน้า งานอดิเรกที่โปรดปรานที่สุดคือท่องขุนเขาชมธารา เลี้ยงนกตีจิ้งหรีด ตระเวนไปตามหอนางโลม มีคู่ขามากมายนับไม่ถ้วน
ส่วนดรุณีที่อยู่ข้างกายเขา นามว่าเมิ่งหลิวเซียง เป็นธิดาหัวแก้วหัวแหวนของผู้สำเร็จราชการเมิ่งเทียนเฉิง เป็นอัจฉริยะด้านวรยุทธ์ อายุแค่ไม่กี่ร้อยปีก็ฝึกฝนจนบรรลุขั้นซ่างเซียนแล้ว เป็นที่รู้จักในฐานะยอดยุทธ์รุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของภพมาร เหล่าคุณชายผู้ดีมีสกุลในภพมารที่อยากจะแต่งนางไปเป็นศรีภรรยามีมากมายดุจปลาไนว่ายวนสายธาร แต่นางปักใจต่ออินจิ่วซือเพียงผู้เดียว ทุกวันจะติดตามอยู่ข้างกายเขาปานเด็กรับใช้ตัวน้อย
หากมิใช่เพราะผู้สำเร็จราชการเดียดฉันท์ไม่พึงใจในตัวอินจิ่วซือล่ะก็ เกรงว่านางคงออกเรือนกับเขาไปแล้ว
ส่วนอินจิ่วซือก็ติดนิสัยเอ้อระเหยลอยชายอยู่ตลอด ไม่ชอบถูกผูกมัดไว้กับสตรีเพียงนางเดียว หมางเมินต่อเมิ่งหลิวเซียง ถึงขั้นที่ค่อนข้างรังเกียจการตามพัวพันของเมิ่งหลิวเซียงด้วย ปกติแล้วมักจะหลบอยู่ให้ห่างเท่าที่ห่างได้ จนปัญญาที่วรยุทธ์ของเมิ่งหลิวเซียงเหนือกว่าเขา วิชาสะกดรอยก็ยอดเยี่ยม ดังนั้นอินจิ่วซือหลบหลีกนางสิบครั้งก็ไม่สำเร็จไปแล้วเก้าหน
กู้ซีจิ่วคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบสองคนนี้ที่นี่
จากการถามตอบของพวกเขากับทหารมาร กู้ซีจิ่วจึงได้ทราบว่า พวกอินจิ่วซือทั้งสองมาที่นี่เพื่อท่องเที่ยว
ตอนนี้ที่นี่กลายเป็นเขตหวงห้าม ว่ากันตามเหตุผลแล้วถ้าไม่มีคำสั่งจากผู้สำเร็จราชการ ผู้ใดก็เข้าใกล้ยอดเขาไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว
ทหารแม่ทัพมารเหล่านี้ไม่เห็นอินจิ่วซือเป็นอันใดเลย แต่พวกเขาไม่กล้าล่วงเกินเมิ่งหลิวเซียง ดังนั้นพอเมิ่งหลิวเซียงโมโห พวกเขาก็ยอมปล่อยให้เข้าไปแต่โดยดี
กู้ซีจิ่วค่อนข้างสนใจใครรู่ในตัวสองคนนี้ จึงติดตามอยู่ด้านหลังสองคนนี้เสียเลย ขึ้นเขาไปด้วยกัน
หญ้าต้านมารบนยอดเขางอกงามอยู่พอดี เขียวเลื่อมดุจเคลือบน้ำมัน โบกพลิ้วอยู่ท่ามกลางหุบเขา มีอยู่ถึงร้อยแปดสิบต้น
หน้าตาของหญ้าชนิดนี้ยังคงน่ามองยิ่ง ยามที่ใบหญ้ายืดแผ่จะเสมือนบุปผาสีเขียวเลื่อม เย้ายวนคนยิ่ง
ถึงแม้หญ้าชนิดนี้จะอยู่ตรงหน้า แต่ก็เก็บเกี่ยวยาก เนื่องจากรอบๆ ทุ่งหญ้ามีสัตว์ร้ายสี่ตัวอารักขาอยู่
สัตว์ร้ายสี่ตัวนี้ตามปกติแล้วจะนิ่งเงียบดุจรูปสลักหิน ไม่เคลื่อนไหวเลย แต่ขอเพียงมีคนเข้ามาใกล้ทุ่งหญ้าในระยะสามจั้ง สัตว์ร้ายสี่ตัวนี้จะเคลื่อนไหวดุจหมาบ้าทันที โจมตีอย่างบ้าคลั่ง และอินจิ่วซือกับเมิ่งหลิวเซียงก็ได้เกิดข้อพิพาทกันขึ้นที่นี่
เดิมทีอินจิ่วซือบอกเพียงว่าอยากมาเที่ยวชมที่นี่ แต่หลังจากมาถึงที่นี่แล้ว ก็ครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมา อยากจะเก็บเกี่ยวกลับไปสองสามต้นเพื่อเป็นที่ระลึก
เมิ่งหลิวเซียงทัดทาน บอกว่าไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งของบิดาได้ แค่นางพาเขามาก็เป็นการละเมิดความประสงค์ของผู้เป็นบิดาแล้ว หากว่าเก็บเกี่ยวสมุนไพรไปอีก จะผิดต่อกฏเกณฑ์เกินไป
แต่อินจิ่วซือได้เข้าสู่หุบเขาสมบัติ แล้วก็ไม่อยากกลับไปมือเปล่า บอกว่าได้แค่ต้นเดียวก็ยังดี
ทั้งสองคนโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ยิ่งเถียงยิ่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากเมิ่งหลิวเซียงนำเอาบิดาของนางมาข่มขู่อยู่ไม่ขาดปาก อินจิ่วซือจึงโมโหขึ้นมาแล้ว “ดีร้ายอย่างไรข้าก็เป็นถึงพระอนุชา หรือแม้แต่อำนาจในการเก็บเกี่ยวหญ้าแค่ไม่กี่ต้นก็ไม่มีอยู่เลย? บิดาเจ้าต่อให้ตำแหน่งสูงแค่ไหนก็เป็นแค่ผู้สำเร็จราชการ…”
เมิ่งหลิวเซียงโมโหจนยั้งปากไม่อยู่ “อินจิ่วซือ เจ้าคิดจะกบฏกระมัง?! อย่านึกว่าข้าไม่รู้นะ ความจริงแล้วเจ้าไม่พอใจท่านพ่อของข้ามาก ลอบติดต่อกับขุนนางมากมายย่างลับๆ เพื่อวางแผนโค่นล้มท่านพ่อข้า!”
อินจิ่วซือหน้าเปลี่ยนสี ขมวดคิ้ว “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”
เมิ่งหลิวเซียงยิ้มหยัน “พูดเหลวไหลรึ? เจ้านึกว่าเรื่องพวกนั้นที่เจ้ากระทำจะปกปิดข้าได้หรือ? ข้าก็แค่ไม่อยากเปิดโปงเจ้าเท่านั้นแหละ!”
————————————————————————————-
[1] เริ่น คือ หน่วยวัดความสูงแบบโบราณ โดยหนึ่งเริ่นเท่ากับประมาณสามเมตร