ตอนที่ 825: เลือดของเทพเจ้าสงคราม

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 825: เลือดของเทพเจ้าสงคราม

โฮก! มังกรโลหิตยาว 300 เมตรส่งเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนทะเลโลหิตออกมา มันเปิดปากออกมาและพ่นลมหายใจที่ร้อนแรงของมันออกมาซึ่งพุ่งตรงไปทางพวกศพมีชีวิต

มังกรโลหิตดูเหมือนจะไม่มีตัวตนสำหรับศพมีชีวิตอยู่ ทุกอย่างที่มันเห็นในสายตามีเพียงแค่เจี้ยนเฉินและเสือขาวเท่านั้น พวกมันไม่หลบลมหายใจมังกรเลยแม้แต่น้อย และต้องการที่จะไปให้ถึงเจี้ยนเฉินและเสือขาวเท่านั้น

ลมหายใจมังกรเฮือกใหญ่ได้ปกคลุมไปทั่วพวกมันทั้งสิบ ลมหายใจมังกรกลืนกินร่างกายส่วนใหญ่ของพวกมันไป ในขณะที่เจี้ยนเฉินมองดูด้วยความตกใจ อย่างไรก็ตามร่างกายที่ทำลายไม่ได้ภายในก็ได้กลับมาขยับได้อีกครั้งไม่นานหลังจากนั้น พวกมันกลับกลายเป็นสภาพเดิมเหมือนที่เคยเป็นและพุ่งเข้าไปที่เจี้ยนเฉินและเสือขาวต่อ

เสือขาวก็ดูเหมือนจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของศพมีชีวิตที่เป็นเซียนผู้คุมกฎด้วย มันวิ่งไปที่ทะเลโลหิตอย่างรวดเร็วโดยที่มีเจี้ยนเฉินอยู่บนหลังของมัน เพื่อทิ้งระยะห่างออกจากศพมีชีวิตเหล่านั้น

มังกรโลหิตดูเหมือนจะรู้สึกถูกท้าทายหลังจากที่เห็นว่าลมหายใจมังกรไม่สามารถทำอะไรกับศพมีชีวิตได้เลย มันคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและเหวี่ยงกรงเล็บหน้าของมันไปที่ศพมีชีวิต

มังกรโลหิตนั้นทรงพลังมาก ศพเซียนผู้คุมกฎก็เหมือนเต้าหู้ต่อหน้ากงเล็บของมังกร และถูกตัดเป็น 2 ส่วน

มังกรโลหิตไม่ได้หยุดแค่นั้น มันหันหัวใหญ่ของมันไปที่เสือขาวและเจี้ยนเฉินทันที และยกกรงเล็บของมันขึ้นอีกครั้งและเหวี่ยงไปที่พวกเขา

ขนของเสือขาวลุกชันขึ้นมา ตาเล็ก ๆ ของมันเคร่งเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนและส่งเสียงคำรามต่ำออกมา มันหายไปจากทะเลโลหิตเพียงแค่กระโจน ซึ่งทำให้กรงเล็บของมังกรเหวี่ยงไปที่อากาศ

ในตอนที่เสือขาวหายไป ศพมีชีวิตของเซียนผู้คุมกฎก็ปรากฏขึ้นบนทะเลโลหิต การมาถึงของพวกมันทำให้มังกรโลหิตสนใจ มันกวาดกรงเล็บของมันออกไปอีกครั้งและคำรามออกมา

เสือขาวออกมาจากทะเลโลหิตกับเจี้ยนเฉิน และปรากฏตัวท่ามกลางภูเขาอีกครั้ง ข่ายอาคมดูเหมือนจะขังเสือขาวไว้ไม่ได้

เจี้ยนเฉินจ้องไปที่เสือขาวอย่างไม่สบายใจ ความคิดที่ไม่น่าเชื่อปรากฎขึ้นในหัวของเขาซึ่งเขาเชื่อมโยงเข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นในข่ายอาคมที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว บางทีข่ายอาคมในมหาสมุทรดวงดาวอาจจะไม่มีกับเสือขาวเลยแม้แต่น้อยอย่างนั้นหรือ ?

เสียงคำรามเหมือนสัตว์ป่าดังก้องรอบ ๆ ศพเซียนผู้คุมกฎหลายสิบคนปรากฏตัวขึ้นและพุ่งเข้ามาที่พวกเขา

การมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่และเหนือเกินกว่าศพเซียนผู้คุมกฎได้ปรากฏขึ้นในที่ไกลไกลในตอนนี้ มันพุ่งเข้ามาที่พวกเขาด้วยความเร็วที่เร็วกว่าศพเซียนผู้คุมกฎหลายเท่า

เจี้ยนเฉินเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาตะโกนออกมา “บ้าเอ้ย นั้นมันเป็นพลังแห่งการมีอยู่ของเซียนราชา” พลังแห่งการมีอยู่ที่ใหญ่อีกดวงก็ได้ปรากฏขึ้นมาทันทีที่เขาพูดจบ มันเข้ามาใกล้เจี้ยนเฉินด้วยความเร็ว

“เซียนราชา 2 คนกำลังมา ! ” ใบหน้าของเจี้ยนเฉินซีดลงไปเล็กน้อย

นี่มันยังไม่จบ มีพลังแห่งการมีอยู่ที่ไม่ปกติปรากฏขึ้นมา มันคือเซียนราชาอีกคน

“เซียนราชา 3 คน ! ” เจี้ยนเฉินอุทาน ใบหน้าของเขาไร้สีเลือด เขายังคงสามารถหลบและทำให้เซียนราชาเพียงคนเดียววุ่นวายได้ หรือแม้แต่กระแทกมันให้กระเด็นไปเหนือเขตท้องฟ้าสิบเมตรเพื่อให้มันถูกฉีกจากรอยแยกมิติ แต่เขาอาจจะยากแม้แต่ที่จะหนีเมื่อเจอกับเซียนราชาถึง 3 คน ดังนั้น พวกเขาจึงบินหนีไปด้วยความเร็วมากที่สุดที่พวกเขาจะทำได้ด้วยทักษะมายาพริบตา

โฮ้ก!

ไม่เพียงแต่การปรากฏตัวของเซียนราชา 3 คนจะไม่ทำให้เสือขาวกลัวเท่านั้น แต่เสือขาวยังคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า ปีกบนหลังของเสือขาวคลี่ออกมา และความเร็วของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมากทันที มันกลายเป็นภาพราง ๆ สีขาว และบินไปด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อเทียบเท่ากับศพเซียนราชา

เจี้ยนเฉินกดตัวเองลงไปที่หลังของเสือขาว เขาเข้าใจคร่าว ๆ ในบางเรื่องแล้วว่าเมื่อเสี่ยวไป๋นั้นกล้าที่จะดึงความสนใจของศพมีชีวิตทั้งหมดมา มันคงจะมีวิธีการที่จะจัดการกับพวกมัน เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เสือขาว

เสือขาวพุ่งไปที่ภูเขาและป่าอย่างรวดเร็ว และทำให้อาคมทำงานอันแล้วอันเล่า รอบ ๆ ตัวเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไประหว่างภาพหลอนและโลกแห่งความจริง แต่เสือขาวยังคงไม่ได้รับผลกระทบใด ไม่เพียงแต่อาคมจะหยุดเสือขาวไม่ได้เท่านั้น แต่เสือขาวยังผ่านไปได้อย่างสบาย ด้านหลังของพวกเขา เซียนราชา 3 คนยังคงตามมาติด ๆ และไม่หวังที่จะให้พวกเขาหนีได้ พวกเขาบินอยู่ด้านล่างระดับ 10 เมตร

ทันใดนั้นเอง ความเร็วของเสือขาวก็ลดลง ซึ่งทำให้เซียนราชา 3 คนนั้นเข้ามาใกล้ มิติใกล้ ๆ เริ่มที่จะบิดเบี้ยวเมื่อเซียนราชาทั้งสามคนอยู่ห่าง 1,000 เมตรจากพวกเขา พวกมันพุ่งเข้ามาอีกครั้งในพริบตา

มันเป็นที่ว่างเปล่าที่เปล่าเปลี่ยวและแห้งแล้งโดยไม่มีพืชสักต้น มันกว้างไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา

การต่อสู้ที่รุนแรงปรากฏขึ้นในที่ไกลออกไป การต่อสู้ที่ทรงพลังเหนือกว่าการคาดคำนวณของเจี้ยนเฉิน มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายเหมือนกับว่าไม่มีอะไรในโลกที่สำคัญไปกว่านี้อีกแล้ว เหมือนว่ามันเป็นนายเหนือหัวของโลกใบนี้

ปัง! ปัง! ปัง!

ทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดก็ดังออกมาจากไกล ๆ แผ่นดินสั่นไหวเป็นจังหวะ เจี้ยนเฉินหน้าซีดทันทีเมื่อเขาได้ยินเสียง ทุกเสียงระเบิดดังตรงกันกับเสียงเต้นของหัวใจของเขา มันเชื่อมโยงกันอย่างน่าประหลาด ทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดทุกครั้งที่มันมีเสียงออกมา เหมือนว่ามีบางคนบดเท้าเข้ามาที่หัวใจของเขา หัวใจของเขาเหมือนกำลังจะระเบิด

เจี้ยนเฉินบีบไปที่หน้าอกของเขาเพราะความเจ็บ ใบหน้าของเขาซีด ในขณะที่หน้าผากของเขามีเหงื่อออกเป็นเม็ด ๆ เขาตกตะลึง “นี่มันอาคมอะไรกัน ? มันน่ากลัวมาก แค่เสียงจากมันก็เพียงพอที่จะดูดความสามารถในการต่อสู้ของข้าออกไปจนหมด”

ร่างสีทองปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ ใกล้เส้นขอบฟ้า เขาเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ทีละก้าว ๆ ซึ่งทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทุกครั้งที่เท้าของเขากระทบพื้น มันเหมือนว่าเขาเหยียบไปที่หัวใจของเจี้ยนเฉินเหมือนกัน ทำให้ความเจ็บปวดของเขามากขึ้น

ร่างดูเหมือนจะเข้ามาอย่างช้า ๆ แต่แต่ละก้าวนั้นเป็นระยะทางที่มากเหลือเกิน และร่างนั้นก็อยู่ห่างไม่กี่ร้อยเมตรจากเจี้ยนเฉินแล้ว

เขาเป็นบุคคลที่อยู่ในเกราะสีทองทั้งตัว มีเฉพาะดวงตาที่เต็มไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้ที่รุนแรงของเขาเท่านั้นที่สามารถเห็นได้ เขาแข็งแรงและตัวใหญ่ สูง 3 เมตร และร่างกายกำยำมาก เขายืนอยู่เหมือนภูเขาและบนไหล่ของเขามีขวานยาว 4 เมตรอยู่ ขวานนั้นเป็นสีทอง เหมือนกับว่ามันถูกตีมาจากทองคำบริสุทธิ์ มันส่องแสงสีทองออกมา

เจี้ยนเฉินหน้าซีดกว่าเดิมหลังจากที่ได้เห็นร่างนั้น เป็นครั้งแรกที่เขาสูญเสียควากล้าหาญทั้งหมดในการต่อสู้ต่อหน้าร่างใหญ่สีทองนี้ ความแน่วแน่ในการต่อสู้ของชายผู้นี้ดูเหมือนจะสามารถทำลายโลกไปได้เลย แค่กลิ่นอายของเขาก็ทำให้การป้องกันทางร่างกายของเจี้ยนเฉินพังทลายไป

เจี้ยนเฉินไม่เคยประสบกับความรู้สึกที่ว่าคู่ต่อสู้นั้นแข็งแกร่งเกินไป เขาไม่เคยเลยแม้จะเผชิญหน้ากับเซียนราชา

“คนผู้นี้เป็นใครกัน ? เขาใช่เซียนจักรพรรดิของตระกูลมังกรหรือเปล่า ? ” อารมณ์ของเจี้ยนเฉินสับสน

เสือขาวดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดใด มันจ้องไปที่ร่างใหญ่สีทองด้วยสายตาที่แปลก ๆ และนิ่งอึ้งอยู่

ร่างสามร่างปรากฏขึ้นที่ที่ว่างเปล่าที่เปล่าเปลี่ยวในตอนนี้ เซียนราชาได้เข้ามาที่ข่ายอาคมนี้ด้วยเพื่อที่จะไล่ตามเจี้ยนเฉิน พวกมันพุ่งเข้ามาหาเจี้ยนเฉินทันทีที่มันปรากฎตัวขึ้นมา

ในเวลาเดียวกันนี้ ยักษ์ใหญ่สีทองก็เคลื่อนที่ เขายกขวานสีทองขึ้นมาจากบ่าอย่างช้า ๆ เสียงหนักแน่นระเบิดไปรอบ ๆ “ความตายแด่ผู้ที่กล้าบุกรุกเข้ามาในดินแดนของเอ่อหยิน ! ” ขวานทองเล่มใหญ่ถูกยกขึ้นสูงและจิตต่อสู้ก็ระเบิดออกมาจากร่างของคนผู้นั้น ทั่วทั้งเขตดูเหมือนจะอ่อนแอลงและเปราะบางต่อหน้าขวานของชายคนนี้ และเวลาก็ดูเหมือนจะหยุดไปพร้อมพร้อมกันโดยสิ้นเชิง เพียงแค่ขวานในมือของชายคนนี้ถูกขยับ

ในตอนนี้นั้น เซียนราชาทั้งสามพร้อมทั้งเจี้ยนเฉินเสียการควบคุมของร่างกายไป พวกเขาได้เพียงแต่มองตาไม่กระพริบไปที่ขวานทองที่สุกใสที่กำลังลดตัวลงมา

ควับ !

เสือขาวไม่ลังเล มันกระโจนไปไกลทันทีและเอาเจี้ยนเฉินที่กำลังนิ่งแข็งอยู่ขึ้นไปที่หลังของมันทันที และออกจากว่างเปล่าที่เปล่าเปลี่ยว เสือขาวไม่ได้รับผลกระทบจากเวลาที่หยุดนิ่งในมิตินี้

เจี้ยนเฉินกลับมาควบคุมร่างกายได้อีกครั้งหลังจากที่ออกจากมิติของข่ายอาคม หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลือง ในขณะที่จิตใจของเขานั้นสั่นไหว เขาตกอกตกใจมาก

“เอ่อหยิน เอ่อหยิน ชายร่างยักษ์สีทองนั่นใช่เทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์หรือไม่ ? ” เสียงหนักแน่นระเบิดขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉินครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างของเขาทั้งร่างสั่นไหวเล็กน้อย

เทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์ เอ่อหยิน เป็นการมีอยู่ที่ก้าวผ่านเซียนจักรพรรดิไป เขาเป็นร่างเสมือนของเทพเจ้า

เจี้ยนเฉินหันหลังและมองกลับไปทันที ทั้งหมดที่เขาเห็นมีเพียงศพเซียนราชาทั้งสามกำลังจ้องอย่างเฉย ๆ ไปไกลหลายร้อยเมตร หลังจากนั้นไม่นาน พวกมันก็กลายเป็นฝุ่นและสลายไป พวกมันไม่ได้แสดงทีท่าว่าจะกลับมารวมร่างเลยหลังจากผ่านไปนานแล้ว

หยดเลือดสีทองลอยอยู่ใกล้ ๆ และส่องสว่างเล็กน้อย สามเมตรเหนือพื้น

นั่นใช่เลือดของเทพเจ้าสงครามหรือเปล่า? ร่างของเขาก่อนหน้านี้แปลงมาจากเลือดนี่หรือเปล่า ? ” ความคิดปรากฏขึ้นในใจของเจี้ยนเฉินในขณะที่เขาจ้องไปที่หยดเลือดสีทอง เขาอดไม่ได้ที่จะจินตนาการฉากจากครั้งโบราณกาลในเวลาเดียวกัน

ในครั้งโบราณกาลนั้น ร้อยเผ่าพันธุ์และสัตว์อสูรได้ทำสงครามกัน เทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์ เอ่อหยิน สังหารคนทั้งหมดที่เกาะมังกร ทำให้พยัคฆ์ปีกเทวะโกรธและสังหารเขา เลือดนี้เป็นสิ่งที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนนั้น