ส่วนที่ 4 ภาคความปรารถนาจากบูรพา ตอนที่ 157 เรื่องอัศจรรย์เมื่อโลกเปลี่ยนไป

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ใบไม้ครามลอยผ่านความมืดมิด

สังฆราชก็เดินออกมาจากความมืด ใบหน้าซีดขาวจนแทบโปร่งใส ทะเลดวงดาวภายในดวงตาก็เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงราวกับเพลิงที่ลุกไหม้

ในยามที่สังฆราชแสดงการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกมา ใช้ใบไม้ครามโจมตีจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ การต่อสู้ในเมืองลั่วหยางและที่ริมลำธารอันห่างไปหมื่นลี้ก็มาถึงจุดวิกฤติเช่นกัน

หยกสมประสงค์สีดำที่ได้สลายกลายเป็นวิชาเต๋าได้กรีดสร้างรอยอันบ้าคลั่งจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่รอบอารามฉางชุน เกิดประกายแสงกะพริบวิบวับ ปราณเย็นเยียบปกคลุมทั่วอารามนักพรต เปลี่ยนน้ำในเหยือกให้กลายเป็นน้ำแข็งแล้วแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แสงในอารามถูกแช่แข็งจนดูเหมือนกับกระจกสีจากนั้นก็แตกสลาย แม้แต่ลาวาที่ผุดขึ้นมาจากรอยแตกร้าวบนพื้นก็ถูกแช่แข็งไปในทันที!

ชุดนักพรตของนักพรตจี้เปลี่ยนเป็นสีขาว คือสีน้ำค้างแข็งและกาลเวลาที่เคลื่อนผ่าน เขาเห็นปราณเยือกแข็งสีดำที่ปกคลุมอาราม สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่มาจากสุสานเทียนซู และสีหน้าครุ่นคิดก็พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าเฉยชาของเขา แสงกระจ่างใสแผ่ออกมาจากชุดนักพรต ไหลไปราวกับน้ำใสเข้าสู่แสงดาววาววับอันเป็นตัวแทนของวิชาเต๋า

พวกนักพรตที่ยังมีชีวิตอยู่ในอารามฉางชุนกระอักเลือดออกมาขณะส่งเสียงท่องคัมภีร์เต๋าอย่างต่อเนื่อง

คำอันซับซ้อนยากจะเข้าใจออกมาจากปากนักพรตจี้!

นี่คือคัมภีร์เล่มสุดท้ายในคัมภีร์สามพันมหามรรค ภาษามังกรที่ยากจะเข้าใจที่สุด เป็นแก่นแท้ของวิชาเต๋าที่แยบยลที่สุด!

ด้วยถ้อยคำเหล่านี้ ท้องฟ้าเหนือลั่วหยางก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างฉับพลัน วิชาเต๋าที่มาจากหยกสมประสงค์ที่แหลกสลายก็เฉื่อยชาลงชั่วขณะ เห็นได้ว่าปราณเยือกแข็งสีดำถอยกลับผ่านความมืด

นักพรตจี้นำเอากระบี่ยาวออกมา สิ่งแรกที่เขานำออกมาก็คือกระบี่!

กระบี่ที่อาบไว้ด้วยวิชาเต๋าฟันลง ส่งเสียงโหยหวนดังออกมาจากความมืด แม้ไม่มีจิตสำนึกของตนเองแต่ก็บรรจุไว้ด้วยความปั่นป่วนอันลึกล้ำ ตามมาด้วยเสียงแตกสลายดังสนั่น!

เสียงแตกสลายจำนวนนับไม่ถ้วนดังขึ้น เหยือกไหมากมายแหลกละเอียดรวมถึงก้อนน้ำแข็งโปร่งใสที่อยู่ภายใน โคมไฟที่ดูเหมือนกระจกแก้วสีกับลาวาที่ถูกแช่แข็งก็แตกสลายเช่นกัน ทั้งหมดล้วนแหลกเป็นผุยผง ละลายกลายเป็นน้ำใส ระเหยกลายเป็นไอ โลกที่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นกระจกแก้วสีและน้ำแข็ง แตกสลายและตกอยู่ใต้การควบคุมของแสงกระจ่างใส!

ลำธารข้างวัดเก่าที่ห่างไปหมื่นลี้ นักบวชเดินเข้าหาจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่

นัยน์เนตรจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่เป็นประกายเจิดจ้าหาใดเปรียบ เพลิงสีทองที่แผ่ออกมานั้นเป็นเสมือนกับหงส์สวรรค์กำลังจะเกิดใหม่

นี่คือดวงตาหงส์สวรรค์ที่แท้จริง

สายตานางกวาดมองไปรอบๆ บัวโลหิตในลำธารลอยขึ้นประหนึ่งมีชีวิต ปกคลุมร่างนักบวชไว้ ครั้นแล้วก็ร่วงหล่นกราว

ใต้บัวโลหิตที่แตกหักมีร่างนักบวชที่แตกหักเช่นกัน ผิวหนังมีรอยร้าว แต่ที่ไหลออกมามิใช่เลือดหากแต่เป็นแสงสีขาวขุ่นดุจน้ำนม

ลำแสงพวกนั้นบรรจุไว้ด้วยพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่ยากจินตนาการได้ แทบจะเหมือนแสงศักดิ์สิทธิ์ของพระราชวังหลี แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตในต้าลู่แล้ว ทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

นี่ก็เป็นแสงศักดิ์สิทธิ์่่่เช่นกัน แต่มันมาจากอีกโลกหนึ่ง โลกที่มีอีกเผ่าพันธุ์หนึ่งที่เป็นปฏิปักษ์ต่อโลกนี้

แสงศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากร่างนักบวช แต่ลำธารด้านหลังวัดเก่าเมืองซีหนิงไม่ส่งเสียงใด น้ำที่เดือดพล่านพลันหยุดลง น้ำที่ระเหยเป็นหมอกก็แน่นิ่งไป

นี่คือความแน่นิ่งอย่างที่สุด มีสิ่งเดียวที่ยังคงเคลื่อนไหว นิ้วของนักบวชผู้นั้น นิ้วที่พุ่งเข้าหาหน้าผากจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่

……

……

ใบไม้ครามมาถึงยอดสุสานเทียนซู เผชิญหน้ากับจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่

นี่คือโลกที่แท้จริง ต้นไม้ก้อนหินในสุสานเทียนซูสัมผัสได้ถึงความจริงแท้และน้ำหนักอันเหลือประมาณของโลกนี้ ก็สั่นไหวอย่างกระวนกระวายและจมลง

หากนางยังอยู่ในสภาพสูงสุด บางทีนางอาจไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาขนาดนี้

แต่นางได้หลุดออกจากขั้นอำพรางเทพแล้ว และไม่อาจอยู่ในโลกนั้นหรือซ่อนอยู่ภายในได้

หากร่างกาย เต๋าและดวงจิตของนางล้วนอยู่รวมกัน บางทีนางอาจต้านทานโลกนี้เอาไว้ได้ เฉกเช่นชายที่ชื่อเฉินเสวียนป้าเคยทำเมื่อหลายปีก่อนในสวนโจว

แต่วิชาเต๋าของนางถูกนักพรตจี้ทำลายในเมืองลั่วหยาง ดวงจิตถูกนักบวชที่ริมลำธารเมืองซีหนิงสะกดเอาไว้ ตอนนี้ ทั้งหมดที่มีอยู่บนยอดเขาสุสานเทียนซูก็คือร่างของนาง

ต่อให้นางมีร่างหงส์สวรรค์ที่แท้จริง ก็ไม่อาจทานรับโลกที่เคลื่อนเข้ามาได้

แล้วนางควรทำเช่นไร นางจะล้มลงและถูกเผาจนไม่เหลือสิ่งใดอย่างนั้นหรือ

ในยามที่ทุกคนมองขึ้นไปบนยอดเขาสุสานเทียนซูด้วยอารมณ์อันหลากหลาย รอคอยให้เวลาสุดท้ายมาถึง เสียงหงส์ร้องกระจ่างใสก็ดังก้องไปในท้องฟ้าราตรี!

จากเมืองเสวี่ยเหล่าถึงพรรคฉางเซิง จากดินแดนต้าซีถึงสุสานเมฆา ไม่มีเสียงใดให้ได้ยินนอกจากเสียงหงส์ร้อง

เสียงหงส์ร้องนี้ทรงอำนาจอย่างมาก เปี่ยมด้วยความภาคภูมิ แสงดาวที่ส่องลงมาจากท้องฟ้าราตรีถูกใบไม้ครามหักเหและถูกเสียงหงส์ร้องฉีกทำลาย สลายจนหมดสิ้นในทันที!

สัตว์อสูรภายในเขาอันโดดเดี่ยวของสุสานเมฆาส่งเสียงร้องหวาดกลัว ทันใดนั้นเสียงร้องเหล่านั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ประหนึ่งว่าสุสานเมฆาได้เปลี่ยนเป็นป่าช้าไปจริงๆ

ที่ริมน้ำ เพลิงสีทองซึ่งแผ่ออกมาจากดวงตานาง เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารที่เย็นเยือกจับใจ ลำธารและก้อนหินล้วนลุกไหม้เช่นเดียวกับเศษบัวโลหิต!

ลำธารไหลปรี่ ก้อนหินเคลื่อนตัว ป่าไม้ไหววูบ สายลมพัดผ่าน

สายลมพัดเสื้อผ้านาง ดวงจิตลอยขึ้นจากหลายสิบจั้งจนเป็นหลายร้อยจั้ง จนได้แต่แหงนหน้าขึ้นมอง จนเหมือนจะสัมผัสหลังคาฟ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าร่างอันใหญ่โตราวกับก่อตัวจากท้องฟ้าพร่างดาว นักบวชที่ริมลำธารก็ดูเฉกมดตัวหนึ่ง แสงศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกมาจากร่างเขาดูราวกับว่าเป็นแสงที่ไม่สำคัญ ถูกสะกดข่มในทันทีจนแทบจะดับไป!

ในเวลาเดียวกัน ในเมืองลั่วหยาง เศษวิชาเต๋าก็ถูกกระบี่ทำลายตกลงสู่พื้นดิน เลือดแท้หงส์สวรรค์พลันปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและหลอมละลายในลาวา เริ่มเผาทุกสิ่งอย่าง

มังกรดำที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าราตรีเหนือเมืองลั่วหยางก่อนหน้านี้พลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ มันมีปีกคู่หนึ่งแผ่กางออกมา ประดุจสร้างขึ้นจากหมอกและควัน กรงเล็บหงส์ยื่นออกปานสายฟ้า คว้ากระบี่ในมือนักพรตจี้ ปากหงส์พุ่งลงมาดั่งดาวตกจิกดวงตานักพรตจี้ พร้อมกับเสียงร้องที่ชัดเจนและโหดเหี้ยมของหงส์สวรรค์!

นางอยู่ที่ยอดเขาสุสานเทียนซู มองไปที่ใบไม้คราม สีหน้าเรียบเฉย

แห่งนี้คือจุดสูงสุดในจิงตู เพราะนางยืนอยู่ที่นี่ จึงมีแต่นางที่มีสิทธิ์ยืนอยู่ในจุดสูงสุด เมื่อนางเดินจากไป ที่แห่งนี้ก็ไม่สูงส่งและอันตรายอีกต่อไป และนางก็ไม่ใช่ตัวนางอีกต่อไป ดังนั้นนับจากเริ่มต้น นางไม่เคยคิดที่จะหลบเลี่ยงใบไม้ครามนี้ ทางเลือกของนางก็คือรับมันเอาไว้ ทว่านางจะใช้สิ่งใดรับเอาไว้ได้

ใบไม้ครามคือโลกใบหนึ่ง แม้แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างทวนหิมาลัยเทวาหรือดาบสองท่อนก็ไม่อาจที่จะต้านทานได้

มือขวาของนางลดลงราวกับคว้าบางสิ่งบนท้องฟ้าราตรี

สิ่งนั้นนั้นหนักมาก ประณีต เป็นทรงจัตุรัส หากแต่ไม่ใช่อาวุธ

มันคือหินอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์

เฉินฉางเซิงมองไปก็พบว่าลายเส้นบนแผ่นหินนั้นดูคุ้นตาอยู่บ้าง จากนั้นก็นึกได้และพลันพูดอะไรไม่ออก

หินอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์นี้คือแผ่นป้ายอนุสรณ์รัศมีจรัสจ้า!

แผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์!

จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ได้ยื่นมือคว้าแผ่นป้ายอนุสรณ์รัศมีจรัสจ้ามาจากสุสาน!

จากนั้นใบไม้ครามก็ทุบลง!

ยามที่นางคว้าแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ แขนเสื้อของนางฉีกขาด

ยามที่นางโบกแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ ทั่วท้องฟ้าถูกฉีกกระฉากจนขาดวิ่น

แผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ฟาดใส่ใบไม้ครามอย่างหนักหน่วง

ใบไม้ครามนั้นอ่อนนุ่มอย่างมาก หินอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์แข็งหนักอย่างยิ่ง เมื่อทั้งสองกระทบกัน ก็เหมือนกับใบไม้แห้งตกลงสู่สายน้ำ กระดาษตกลงในเตาไฟ ไม่ส่งเสียงดังแต่อย่างใด

ทว่าการปะทะนี้ ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น

หากบอกว่าเสียงฟ้าร้องดังมากแล้ว เช่นนั้นเสียงฟ้าร้องทั้งหมดที่เคยดังตั้งแต่จุดเริ่มต้นของกาลเวลามาจนถึงตอนนี้พลันดังขึ้นพร้อมกัน มันจะเป็นเสียงเช่นใดกัน

ตูม!

สุสานเทียนซูที่ไม่เคยพบการเปลี่ยนแปลงมาก่อน ดูเหมือนจะเคลื่อนออกจากแผ่นดิน สั่นไหวสามครา

สิ่งก่อสร้างทางตอนใต้ของจิงตูที่ยังพอคงสภาพอยู่ก็พลันพังทลายลงราวกับปราสาททรายถูกลมพายุพัด

ต้นไม้ในสุสานแหลกสลาย เศษซากปลิวคลุ้งไปทั่ว

ทะเลบัวที่ไหลอยุ่รอบสุสานเทียนซูกระเด็นขึ้น สายน้ำยาวหลายสิบลี้หมุนวนอยู่รอบสุสานเทียนซู

หลุมปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าราตรี

ทะเลดวงดาวเหมือนจะเปลี่ยนรูปร่าง

……