ตอนที่ 1449 ไปด้วยกัน โดย Ink Stone_Fantasy
ตกกลางคืน โรแลนด์กลับมายังห้องนอนหลังจัดการงานต่างๆ เสร็จ เขาเห็นอันนากำลังจัดการพับเสื้อผ้า ส่วนข้างๆ เธอก็มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางอยู่
“เอ่อ….เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?”
“ดูก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอเพคะ” เธอตบกองเสื้อผ้าที่พับเอาไว้อย่างเรียบร้อยในตู้เสื้อผ้า “เตรียมเดินทางไกลไงเพคะ”
“อย่างนี้เมืองเนเวอร์วินเทอร์คงต้องหยุดงานทุกอย่างแล้ว” โรแลนด์พูดกึ่งล้อเล่น “หัวหน้ากองอุตสาหกรรมจากไปโดยไม่ลาแบบนี้มันจะดีเหรอ?”
“วางพระทัยได้เพคะ นอกจากพวกกังหันไอน้ำหรือการเครื่องยนต์ลูกสูบที่ถูกเพิ่มขีดความสามารถแล้ว ตอนนี้โรงงานสามารถทำการผลิตได้ด้วยตัวเอง อย่างมากก็แค่มีผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านเกณฑ์เพิ่มขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น แล้วก็ยังมีสมาชิกจากสมาคมของแปลกที่พระองค์ทรงพากลับมาพวกนั้นอีก พรสวรรค์ของพวกเขาล้วนแต่ไม่เลวทีเดียว ให้พวกเขาคอยดูแลการทำงานบางส่วนคงไม่มีปัญหาอะไรเพคะ”
“เดี๋ยว…” โรแลนด์พลันสังเกตเห็นว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ ชุดที่อันนาเลือกออกมาล้วนแต่เป็นชุดที่เรียบง่ายและทนต่อการใช้งาน พวกชุดผ้าไหมหรือกระโปรงที่ใส่ในงานเลี้ยงนั้นไม่มีเลยแม้แต่ชุดเดียว ดูแล้วเหมือนเธอจะไม่ได้ล้อเล่นอย่างไรอย่างนั้น “เจ้าจะไปไหน?”
“เกาะลอยฟ้า กับพระองค์ไงเพคะ” เธอทำสีหน้าเหมือนจะบอกว่ายังต้องถามอีกเหรอ
“ไม่ได้—“ โรแลนด์รีบปฏิเสธออกมาทันที “การสู้กับกองทัพหลักของปีศาจจะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลย แถมในบอทธ่อมเลสแลนด์มันมีอะไรอยู่ก็ไม่มีใครรู้ ยิ่งไปกว่านั้นเฮคซอดยังบอกอีกว่าที่นั่นถูกอาณาจักรซีสกายยึดเอาไว้แล้ว ความเสี่ยงครั้งนี้มากแค่ไหน เจ้าก็น่าจะรู้ดีนี่นา—“
“แปะ”
อันนายื่นสองมือออกมา ก่อนจะแปะไปบนหน้าเขาเพื่อบังคับให้ศีรษะที่กำลังส่ายไปมาหยุดส่าย จากนั้นจึงนวดแก้มเขาเบาๆ “หม่อมฉันย่อมต้องรู้สิเพคะ แล้วก็เป็นเพราะรู้ หม่อมฉันถึงได้ทำแบบนี้”
เสียงของเธอไม่ดัง อีกทั้งยังมีความรู้สึกอ่อนโยน แต่แค่มองดูดวงตาเธอก็จะรู้ได้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่จะปฏิเสธได้
มีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่ภาพในอดีตของอีกฝ่ายตอนที่เจอกันเป็นครั้งแรกลอยขึ้นมา
อันนาในตอนนั้นยังมีความเป็นเด็ก นอกจากพลังแล้วก็ไม่มีอะไรเลย แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เรื่องที่เธอตัดสินใจไปแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้
โรแลนด์ทำได้เพียงลองพยายามดูเป็นครั้งสุดท้าย “ตัวเจ้าตอนนี้มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว เจ้าเป็นราชินี การทิ้งทุกอย่างที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ไปเสี่ยงภัยที่ไม่จำเป็นมันไม่ใช่วิธีที่มีเหตุผลเลย—“
“ถ้ามีเหตุผลจริงๆ หม่อมฉันก็คงไม่เห็นด้วยที่จะให้พระองค์เสด็จไปที่บอทธ่อมเลสแลนด์ทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรเลยหรอกเพคะ” อันนี้กดมือลงไปบนหน้าเขา “สุดท้ายพระองค์จะกลายเป็นอย่างไร จะพ่ายแพ้หรือว่าหายไปก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ไม่อาจรู้ได้ พูดอีกอย่างก็คือการบุกโจมตีครั้งนี้อาจจะเป็นการเจอหน้ากันครั้งสุดท้ายแล้ว พระองค์คิดว่าหม่อมฉันยังจะอยู่ในเมืองอีกเหรอเพคะ? ในเมื่อต้องออกไปเสี่ยง เพิ่มหม่อมฉันอีกซักคนจะเป็นไรไปเพคะ?”
“….” โรแลนด์รู้ว่าความพยายามครั้งสุดท้ายของตนนั้นไร้ผลแล้ว เพราะถ้าคิดกลับกัน เขาเองก็คงไม่ยอมอยู่คนเดียวในเวลาแบบนี้แน่ “ถ้าพวกเราไม่ได้กลับมาล่ะก็…”
“อย่างนั้นสถานการณ์มันคงจะแย่จนไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านั้นแล้วล่ะเพคะ” อันนาพูดยิ้มๆ พร้อมคลายมือออก “แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันก็ไม่เสียใจเพคะ”
…..
ไนติงเกลเดินผ่านเส้นบิดเบี้ยวสีขาวดำเหล่านั้นเข้ามาในห้องทำงานที่ไม่มีคนอยู่
ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก คนส่วนใหญ่ต่างเข้านอนกันหมดแล้ว มีแค่ในสวนที่ยังมองเห็นแสงไฟเป็นดวงๆ อยู่
เธอดึงผ้าม่าน จากนั้นเปิดลิ้นชักแล้วหยิบเอาหินเรืองแสงออกมาวางไว้บนแท่นวาง
ไม่นาน ภายในห้องก็ถูกแสงอันอ่อนโยนส่องสว่าง
เศษกาน้ำชาถูกคนใช้เก็บกวาดไปแล้ว พรมเองก็ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่เหลือร่องรอยใดๆ ทิ้งเอาไว้ ราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน
ไนติงเกลเดินผ่านโต๊ะโทรศัพท์ ก่อนจะหาเป้าหมายของตัวเองเจออย่างรวดเร็ว — กล่องไม้ใบหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะโดยมีกองเอกสารรกรุงรังปิดเอาไว้
ภายในหมอกมายา เธอไม่จำเป็นต้องใช้แสงไฟมาจำแนกสิ่งของ ในดินแดนที่คาดเดาไม่ได้นั้นเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งที่มีสีอยู่สามสี ภายในเส้นโครงร่างที่ประกอบด้วยสีดำขาวเทาสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจนถึงแม้จะไม่มีแสงสว่าง
ยกเว้นก็แต่เพียง
เธอเปิดกล่องออก ด้านในมีกระดาษที่มีลายมือเขียนเอาไว้จนเต็มปึกหนึ่งและก้อนหินเล็กๆ ที่ส่องประกาย
ไนติงเกลหยิบหินก้อนหนึ่งมาไว้ในมือ จากนั้นจึงพยายามหายตัวเข้าไปในหมอกมายา — พลังเวทมนตร์ที่ไหลทะลักออกมาพลันหายไปก่อนที่จะก่อตัวเองรูปร่างเหมือนกับถูกอะไรบางอย่างมากขวางเอาไว้
“ใช่จริงๆ ด้วย…” เธอถอนใจออกมา ก่อนจะเก็บหินกลับเข้าไปในกล่องอย่างกลุ้มใจ
นี่เป็นรายงานจาก ‘หอนักเวทย์’ มันไม่ใช่ลายมือของอกาธากับเซลีน หากแต่เป็นลายมือของอิสซาเบลลา แต่แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นรายงานที่พวกเธอร่วมกันเขียนขึ้นมา — ภัยคุกคามจากพระผู้สร้างเพิ่งจะถูกกำจัดไปได้ไม่นาน ในเวลานี้หมอกแดงที่อยู่บนที่ราบสูงเฮอร์มีสยังสลายไปไม่หมด แม่มดทาคิลาเองก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจการค้นพบและการทดลองของอิสซาเบลลา ด้วยเหตุนี้ในช่วงนี้อิสซาเบลลาจึงต้องอยู่ที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ก่อน บวกกับเทคโนโลยีที่ได้มาจากพวกปีศาจ ในช่วงนี้พวกเธอจึงค้นพบอะไรใหม่ๆ มากมาย ผ่านไปไม่กี่วันก็จะมีรายงานส่งมาที่ห้องทำงานของโรแลนด์
ปกติโรแลนด์จะอ่านรายงานจนจบภายในวันนั้นเลย แต่วันนี้แตกต่างออกไป เพราะทั้งการแยกตัวออกไปของเนินเขาทิศเหนือและการทดสอบบินของเครื่องบินลำใหญ่ล้วนแต่จัดขึ้นในวันเดียวกัน จนทำให้เขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะเปิดกล่องดู
ตอนแรกไนติงเกลสังเกตเห็นถึงเจ้าสิ่งๆ นี้แล้ว — เพราะภายในโลกแห่งหมอกมายาจะมีเพียงสองสิ่งที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากพลัง หนึ่งคือพลังเวทมนตร์ที่เป็นสีสัน สองคือหลุมดำที่เกิดจากหินอาญาสิทธิ์ จากการค้นพบของพวกอิสซาเบลลาพบว่าเจ้าสองสิ่งนี้มีความไปได้ว่าจะเป็นสิ่งเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้เธอจึงมองเห็นแสงสีดำนี้ตั้งแต่ตอนนี้โรแลนด์พบกับแบร์ริช โลธา เพียงแต่เมื่อเทียบกับหินอาญาสิทธิ์ตามปกติแล้ว ขอบเขตการแสดงผลของมันถือว่าเล็กกว่ามาก เห็นได้ชัดว่าผ่านการปรับจากอิสซาเบลลามาแล้ว เนื่องจากเป็นตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับรายงาน เธอจึงไม่ได้สนใจมันนัก
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนที่กาน้ำชาตกลงมา เธอถึงไม่ได้ใช้การก้าวพริบตาออกไป — แสงสีดำบดบังกาน้ำชาที่ตกลงมา ในเสี้ยววินาทีที่เข้าไปในหมอกมายา ร่างกายของเธอก็ทำการวิเคราะห์ออกมาแล้วว่าเธอเข้าไปรับไม่ทัน
ถ้าหลังจากนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก เหตุการณ์นี้ก็จะเป็นแค่อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ แต่ไนติงเกลกลับพบว่าในตอนที่ตัวเองไปสัมผัสถูกเส้นโครงสร้างเส้นหนึ่งของโต๊ะ เส้นโครงสร้างเส้นนั้นพลันกระเด็นออกไปข้างหน้า ก่อนจะทะลุแสงสีดำแล้วไปชนถูกกาน้ำชาจนทำให้วิถีการร่วงตกลงมาของมันเปลี่ยนไป
เส้นบิดเบี้ยวต่างๆ ภายในหมอกมายานั้นไม่สามารถควบคุมได้ แม้แต่ตัวเธอเองก็ต้องคอยระวังเส้นโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงไปมาเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นคนที่โดนตัดขาดจะเป็นตัวเธอเสียเอง
เรื่องแบบนี้เธอเพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก
เพียงแต่ไนติงเกลไม่แน่ใจว่านั่นมันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือว่าตัวเองเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างจริงๆ
เธอใช้พลังออกมาอีกครั้ง แล้วพยายามไปสัมผัสกับมุมโต๊ะเพื่อจำลองเหตุการณ์ในตอนนั้นอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดูเหมือนตัวเองจะคิดมากไปจริงๆ ไนติงเกลเก็บมือกลับมาอย่างเขินๆ อกาธาพูดเอาไว้ไม่มีผิด ไม่ใช่เห็นว่าในสโมสรแม่มดมีคนที่ทำเรื่องนี้ได้อยู่หลายคนแล้วจะคิดว่าการวิวัฒนาการมันเป็นเรื่องง่าย ยังดีที่ตอนนั้นตัวเองไม่ได้พูดอะไรออกมา ไม่อย่างนั้นคงถูกโรแลนด์หัวเราะเยาะแน่
เธอเอาหินเรื่องแสงกลับไปเก็บไว้ในลิ้นชัก แล้วเดินออกจากห้องทำงานด้วยทางเดิม
“แครก…”
ห้องที่เงียบเชียบพลันมีเสียงดังเบาๆ ขึ้นมา
ตรงมุมข้างโต๊ะที่ไม่มีใครมองเห็น รอยแตกรอยหนึ่งปริแตกออกตามลายไม้
……………………………………………………..