สุขภาพของตัวเองมีหรือพระชายาจะไม่ทราบ นางบาดเจ็บ ทั้งยังมาหลบอยู่ในที่อับชื้นเป็นเวลาสามวัน เกรงว่าร่างกายที่ดูแลมาหลายปีคงจะกลับไปเป็นดังเดิมเสียแล้ว แต่ว่า เมื่อเมิ่งเชี่ยนโยวว่าเช่นนี้ นางก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก คิดถึงตรงนี้ พระชายาจึงได้ยิ้มออกมา “จริงด้วย แม่รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย พักผ่อนอีกไม่กี่วัน พวกเราก็คงได้กลับเมืองหลวงกันแล้ว”
สีหน้าที่เปลี่ยนไปของนางเมิ่งเชี่ยนโยวเห็นทั้งหมด นางเม้มปาก พยักหน้าเบาๆ “อื้ม”
หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่สนใจ เชื่อใจคำของเมิ่งเชี่ยนโยวดีใจยิ่งนัก ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ท่านย่าเจ้าคะ รอท่านหายดีแล้ว พวกเราไม่กลับเมืองหลวง ไปเที่ยวที่อื่นก่อนนะเจ้าคะ”
พระชายาตบมือทั้งสองเบาๆ “ครั้งนี้ย่ากลัวเหลือเกิน กลับบ้านเราไปพักก่อนเถิด”
ทั้งสองไม่รั้น พยักหน้า ตอบรับ “เจ้าค่ะ ข้าเชื่อฟังท่านย่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “เมิ่งเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดสุขภาพของท่าป๋าจึงไม่ดีขึ้นมา”
กินยาติดกันมาหลายวันแล้ว แต่สีหน้าของท่าป๋ายังคงซีดเซียว หวงฝู่สือเมิ่งเครียดไม่น้อย เมื่อได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวถามถึง จึงส่ายหน้า “เมิ่งเอ๋อร์ไม่ทราบเจ้าค่ะ”
“นั่นเพราะเจ้าจัดยาผิดไปตัวหนึ่ง แม้จะให้ฤทธิ์คล้ายกัน แต่ว่าอย่างหนึ่งฤทธิ์แรง อีกอย่างฤทธิ์อ่อน เจ้าใส่ตัวฤทธิ์อ่อนลงไป อาการของเขาจึงไม่ดีขึ้นโดยเร็ว”
หวงฝู่สือเมิ่งจึงได้เข้าใจ ถามว่ายาที่ว่าคือตัวใด เมิ่งเชี่ยนโยวบอกนาง หวงฝู่เย่าเย่ว์นั่งฟังอยู่ไม่ไกล นางและพี่สาวเป็นฝาแฝดกันแท้ๆ แต่พี่สาวเหมือนแม่ ดังนั้นยาบางตัวเพียงแค่เคยเห็นตัวยา ก็สามารถจำได้ นางกลับได้พ่อที่ไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับยาเลย แต่ว่า โชคดีที่คุ้นเคยกับยามาตั้งแต่เล็ก นางยังพอรู้จักอยู่บ้าง แม้ไม่แม่นยำเท่าพี่สาว แต่โรคเล็กๆ นางยังพอรักษาได้
หลายวันแล้ว ยังไม่ได้เห็นคนของตน หลายวันนี้ ประตูเมืองปิดสนิทพวกเขาคงไม่ได้ออกไป ลูกน้องของท่าป๋าได้ยามาแล้ว เดินไปที่มุมมืด ส่งสัญลักษณ์บางอย่าง จากนั้นรออยู่ที่เดิมเงียบๆ
ไม่นานมีคนหนึ่งเข้ามา ทักทายเขา ถามด้วยความร้อนใจว่า “เจ้านายเป็นอย่างไรบ้าง”
“ปลอดภัยดีแล้ว เพียงแต่ต้องพักผ่อนเสียหน่อย พวกเจ้าอยู่ทางนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่มีปัญหา พวกเราแอบอยู่ในบ้านร้างนั่น ท่านมีเรื่องอะไรสามารถไปได้เสมอ”
ลูกน้องขมวดคิ้วเล็กน้อย “อยู่ที่นั่นตลอดเลยหรือ แล้วเด็กสาวนั่นเป็นอย่างไรบ้าง”
“เมื่อครั้งลาดตระเวนหลายวันก่อน พวกเราเปลี่ยนที่กันไปแล้ว บัดนี้ปลอดภัยแล้ว จึงได้กลับไปที่เดิม ส่วนเด็กผู้นั้น คิดจะหนี ถูกพวกเราสั่งสอนไป จึงได้สงบลง”
“ดี จับตาดูให้ดี รอนายท่านหายดีแล้วค่อยว่ากัน”
อีกผู้ตอบรับ
ลูกน้องหันหลังเดินจากไป อีกคนเดินออกไปอีกทาง
กลับมายังโรงเตี๊ยม ต้มยาด้วยตนเอง ป้อนให้ท่าป๋าหั่นหลิน พร้อมรายงานเรื่องหลิวอวี้เอ๋อร์
เดิมทีจับหลิวอวี้เอ๋อร์มาเพื่อจะถามว่าเกิดเรื่องเข้าใจผิดอะไรกับหวงฝู่เย่าเย่ว์ จึงได้ทำให้จวนฮั่วถึงต้องลงมือจัดการพวกอ๋องฉี แต่บัดนี้จวนฮั่วถูกจับไปแล้ว คนตระกูลฮั่วถูกจับตัวไป มีปัญหาอะไรหรือไม่ ก็ไม่จำเป็นต้องถามอีกต่อไป ท่าป๋าหั่นหลินสั่ง “ปล่อยนางไปเถิด ได้ยินว่านายน้อยอู่โหวมาแล้ว เจ้าไปสืบมาว่าพักที่ใด เอานางไปทิ้งไว้ที่นั่น”
ลูกน้องรับคำ หันหลังเดินออกไป เดินมาหาเซี่ยเฟิง ถามถึงที่พักของนายน้อยอู่โหว
เซี่ยเฟิงเองก็ไม่รู้ จึงไม่ได้ตอบเขา
หลายวันมานี้ไม่ได้กินอิ่ม ไม่ได้ดื่มน้ำเพียงพอ ทั้งยังถูกคนลงมือทำร้ายอย่างเลือดเย็น บัดนี้หลิวอวี้เอ๋อร์ผอมจนหน้าเปลี่ยน สีหน้าอ่อนแรง นอนอยู่บนพื้นไร้เรี่ยวแรง มองไปด้านหน้าด้วยสายตาล่องลอย กระทั่งมีคนเข้ามายังไม่เงยหน้าไปมอง
กวาดสายตามองหลิวอวี้เอ๋อร์อย่างไม่ใส่ใจ คนผู้นั้นใช้ภาษารัฐอิงสั่งคนสองคน
ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน
คนนั้นจากไป ทั้งสองจึงได้พยุงร่างของหลิวอวี้เอ๋อร์ออกจากที่หลบซ่อน
หลิวอวี้เอ๋อร์ไม่ขัดขืนอีก ยอมให้พวกเขาลากออกมาราวกับถุงกระสอบ มายังที่ที่ไม่ไกลจากจวนฮั่วนัก จากนั้นทิ้งตนลงที่พื้น สั่งว่า “เจ้ากลับบ้านได้แล้ว” จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไป
ทีแรกหลิวอวี้เอ๋อร์ไม่เชื่อ นอนอยู่ที่พื้นดังเดิม ครู่ใหญ่ เมื่อพบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงได้เงยหน้าขึ้นมาอย่างอ่อนแรงมองไปรอบตัว พบว่าที่นี่ไม่ไกลจากจวนฮั่ว ดีใจสีหน้าดีขึ้นมาทันที ออกแรงลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เดินโซเซเข้าไปในจวนฮั่ว วิ่งไปพร้อมกับหันหลังกลับไปมอง เพราะกลัวว่าสองคนนั้นจะตามมาจับนางไป
ทหารที่เฝ้าจวนฮั่วเห็นหญิงผู้หนึ่งผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลุดรุ่ยวิ่งเข้ามา จึงได้ระวังขึ้น หยิบอาวุธในมือพูดกับนาง “หยุดเดี๋ยวนี้ หากยังวิ่งต่อไปข้าจะจับตัวเจ้าเสีย”
หลิวอวี้เอ๋อร์ยังคงดีใจที่ได้กลับจวน เมื่อเห็นทหารล้อมจวนฮั่วเอาไว้ จึงได้ตกใจจนขาอ่อน “พวก พวกเจ้าเป็นผู้ใด เหตุใดจึงมาล้อมจวนของท่านตาของข้า”
ได้ยินคำเรียกเช่นนี้ของนาง หูของคนโจวอันตั้งชัน เดินเข้ามาตรงหน้านาง ถามนางว่า “คุณหนูหลิว?”
หลิวอวี้เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นฉับพลัน ถามกลับว่า “เจ้ารู้จักข้าได้…” ยังพูดไม่จบ เมื่อเห็นชัดว่าเป็นโจวอัน จึงได้ตกใจกรีดร้องพร้อมถอยออกมา “เจ้า เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร”
เมื่อมั่นใจว่าเป็นนาง โจวอันสั่งว่า “ไปบอกผู้แทนพระองค์ว่าแม่นางหลิวกลับมาแล้ว”
องครักษ์ลับนายหนึ่งรับคำสั่งพร้อมจากไป
หลิวอวี้เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ในใจจึงเกิดลางสังหรณ์ขึ้น ถามด้วยเสียงแหบพร่าว่า “ผู้แทนพระองค์อันใดกัน พวกเจ้าทำอะไรกับท่านตาของข้า”
“ฮั่วเจี่ยคร่าชีวิตผู้อื่น วางแผนลอบฆ่าครอบครัวท่านอ๋อง หลักฐานมีพร้อม บัดนี้ถูกขังอยู่ในคุก” โจวอันตอบนางเสียงเย็นชา
“ไม่ ไม่ ไม่” หลิวอวี้เอ๋อร์กรีดร้องพร้อมถอยหลัง “ไม่จริง นี่มันไม่จริง เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร”
ไม่มีผู้ใดสนใจนาง
หลิวอวี้เอ๋อร์กัดฟัน รีบผุดลุกขึ้นมา เดินโซเซกลับเข้าไปด้านใน
โจวอันถลึงตา องครักษ์นายหนึ่งเข้ามา ใช้ดามมีดทุบต้นคอนาง จนนางสลบไป แล้วลากกลับมา
“ดูเอาไว้ให้ดี อย่าให้เกิดเรื่อง” โจวอันสั่ง
องครักษ์ไปจวนว่าการ รายงานเรื่องที่หลิวอวี้เอ๋อร์กลับมาแล้ว เมิ่งชิงดีใจ รีบสั่งว่า “เอาตัวนางมา!”
ไม่นาน หลิวอวี้เอ๋อร์ถูกนำตัวมายังที่ว่าการ เมื่อเห็นว่านางยังไม่ได้สติ เมิ่งชิงขมวดคิ้ว ติดที่นางเป็นแม่นางแห่งจวนอู่โหว จึงไม่ได้สั่งให้นำน้ำมาสาดปลุกนาง แต่นั่งรอบนเก้าอี้จนกว่านางจะฟื้นขึ้น
ครึ่งชั่วยามผ่านไป หลิวอวี้เอ๋อร์ค่อยๆ ฟื้นขึ้น มองดูภาพไม่คุ้นตาตรงหน้า ชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ เงยหน้าขึ้น เห็นว่าเป็นที่ว่าการ ตกใจร้องออกมา จากนั้นก็เป็นลมไปอีกครั้ง
เห็นท่าทางนางเช่นนี้ จึงคิดว่าหลายวันมานี้คงไม่ได้รับการดูแลที่ดี เมิ่งชิงสั่งว่า “หาห้องขังดีๆ ขังนางเข้าไป นางฟื้นแล้วค่อยหาอะไรให้กิน”
ขุนนางตอบรับ แล้วลากร่างนางออกไป
เห็นท่าทางของนาง คงไม่น่าฟื้นมาโดยเร็ว เมิ่งชิงจากที่ว่าการไปยังโรงเตี๊ยม รายงานเรื่องนี้แก่อ๋องฉีและหวงฝู่อี้เซวียน
เรื่องทั้งหมดเกิดจากหลิวอวี้เอ๋อร์ หากไม่ใช่เพราะความแค้นในใจนาง เมื่อเห็นอ๋องฉีจึงได้ไปยุยงฮั่วเจี่ย ก็คงไม่เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้นมา แต่อย่างไรนางก็ไม่ได้เข้าร่วมด้วย จึงยากที่จะลงโทษ
อ๋องฉีสงบลงเล็กน้อย สั่งว่า “ไปเรียกตัวนายน้อยอู่โหวมาเจรจาเรื่องนี้”
นายน้อยอู่โหวไม่ได้อยู่ที่โรงเตี๊ยม และไม่ได้ไปที่ว่าการ คงจะไปพักอีกที่หนึ่ง เมิ่งชิงสั่งคนออกตามหาที่โรงเตี๊ยมใกล้ๆ ไม่นานก็หาเขาเจอ เมื่อรู้ว่าอ๋องฉีมีเรื่องเรียกหาเขา จึงได้รีบมา “ท่านอ๋องเรียกตัวข้ามาด้วยเหตุอันใดหรือขอรับ”
“พบตัวคุณหนูหลิวแล้ว ขังไว้ในคุกชั่วคราว ที่เรียกท่านมาก็เพื่อจะบอกท่านเสียก่อน”
นายน้อยอู่โหวได้ยินดังนั้น หน้ามืดจนแทบจะลมจับ เด็กโง่คนนี้ ถูกจับตัวไปแล้วก็แล้วไป เวลาเช่นนี้หนีกลับมาด้วยเหตุใดกัน บัดนี้จะเอาอย่างไรดี มาอยู่ในมือของเมิ่งชิงเข้าพอดี ไม่ตายก็คงต้องถูกถลกหนังออกมา ไม่แน่ว่าอาจจำจวนอู่โหวติดร่างแหไปด้วย ในใจก่นด่านางครั้งแล้วครั้งเล่า กัดฟัน เตรียมเปิดปากพูด
แล้วเสียงของอ๋องฉีก็ดังขึ้น “ที่เรียกท่านมายังมีอีกเรื่องหนึ่ง”
นายน้อยอู่โหวรีบพูดว่า “เชิญท่านอ๋องว่ามาขอรับ ข้าน้อยจะทำตามคำสั่ง”
“รบกวนท่านโหวพูดชักชวนแม่นางหลิว ให้นางบอกความจริงทุกอย่างออกมา ข้าสัญญาว่าจะให้โอกาสนาง ไม่ติดใจเรื่องในอดีต”
นี่เองเป็นเรื่องที่นายน้อยอู่โหวกลัว ฮั่วเจี่ยทำเช่นนี้ เป็นเพราะแรงยุของหลิวอวี้เอ๋อร์เป็นแน่ หากหาหลิวอวี้เอ๋อร์ไม่พบ ก็ไม่มีหลักฐาน ผู้ใดก็มิอาจเอาผิดนางได้ แต่บัดนี้นางกลับมาแล้ว อยากลงโทษนางนั้นง่ายดายนัก ดังนั้นเขาจึงกลัว กังวล บัดนี้ได้ยินอ๋องฉีกล่าวเช่นนี้ นายน้อยอู่โหวเข้าใจความหมายของเขาในทันที เอ่ยทันทีว่า “ข้าจะไปประเดี๋ยวนี้ หากนางไม่พูด ข้าจะตัดพ่อตัดลูกกับนาง ไล่นางออกจากจวนไป ต่อจากนี้จะไม่นับนางเป็นลูกอีก”
อ๋องฉีพยักหน้า ชื่นชมเขาอีกครั้ง
นายน้อยอู่โหวปฏิเสธคำชมไม่หยุด
จากนั้นจึงไปหาลูกสาวในคุก
หลิวอวี้เอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาแล้ว ผู้คุมทำตามคำสั่ง เตรียมอาหารไว้ให้นาง นางหิวมาหลายวันแล้ว จึงกินอย่างตะกละตะกลาม
ตอนที่นายน้อยอู่โหวมาถึงนั้น เห็นท่าทางของนางพอดี ขมวดคิ้ว เอ็ดว่า “เป็นถึงคุณหนูจวนอู่โหว กิริยาเช่นนี้นับว่าอะไรกัน”
หลิวอวี้เอ๋อร์เพิ่งกินไปได้คำเดียว เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้ยเคย จึงสำลักเข้า ไอเสียงดัง อาหารในปากกระเด็นไปทั่ว
นายน้อยอู่โหวรังเกียจยิ่งกว่าเดิม ขมวดคิ้วชนกัน กำลังจะกล่าวเตือนนาง หลิวอวี้เอ๋อร์ยืนขึ้น เข้ามาหาเขา มองอย่างไม่เชื่อสายตา “ท่านพ่อ เป็นท่านจริงๆ หรือ”
นายน้อยอู่โหวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที กำลังจะโมโห ก็คิดถึงเรื่องที่ต้องหลอกล่อนางเมื่อครู่ จึงได้ดับไฟโกรธไว้ น้ำเสียงผ่อนเบาลง “อวี้เอ๋อร์ ทำไมหรือ จำพ่อไม่ได้แล้วหรือไร”
อย่างไรเสียนางเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบกว่าขวบ ประสบกับการลักพาตัว ทั้งยังถูกจับขังคุก เท่านี้นางก็รับไม่ไหวแล้ว บัดนี้ได้เห็นพ่อของตน อารมณ์ทั้งหมดจึงได้ปะทุออกมา ร้องไห้โฮออกมาทันที ร้องไห้เสียจนหายใจไม่ทัน น้ำมูกน้ำตาไหลอาบหน้า
นายน้อยอู่โหวรังเกียจยิ่งนัก แทบทนไม่ได้ที่จะตะคอกใส่นางเพื่อให้หยุดร้อง