บนสะพานหิน นินจาชั้นสูงสิบนายนั้นหายไปอย่างน่าอัศจรรย์

นินจาชั้นสูงเทียบได้กับนักบู๊ระดับปรมาจารย์ ประมาณว่าอยู่ระหว่างแดนชี่แท้กับแดนคุ้มกาย จากวิชาเร้นกายที่นินจาชั้นสูงสำแดงออกมา เทียบกับพวกนินจาชั้นกลางแล้วสูงห่างไปกันหลายเท่า

แต่ทว่า ให้มันเปลี่ยนแปลงพลิกแพลงไปมากมายแค่ไหน คงตบตานัยน์ตาทั้งคู่ของคนให้หลงไปได้ แต่ไม่สามารถหลอกการสัมผัสรู้ของผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนไปได้

นินจาชั้นสูงสิบคนที่หายไปนั้น ในความสัมผัสรู้ของเฉินโม่ ก็เหมือนแสงดาวสิบดวงในความมืดของฟ้ากลางคืน

ผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์สิบท่าน พลังการต่อสู้ย่อมจะดูแคลนไม่ได้ ถ้าให้มีอยู่ในสำนักใดสำนักหนึ่งในวงการบู๊หัวเซี่ย ก็พอจะทำให้สำนักนั้นประกาศศักดาในโลกบู๊ได้

ถ้าพลังฝีมือของเฉินโม่ยังอยู่ในสภาพก่อนโน้น การต่อสู้กันแบบหนึ่งต่อสิบผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ ถึงแม้สามารถเอาชนะได้ แต่ก็ต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเหนื่อยหนักเอาการ

แต่มาในขณะนี้ พวกผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์เหล่านี้ ไม่ได้เป็นความกดดันใด ๆ กับเฉินโม่อีกแล้ว

เฉินโม่ก้าวเดินออกไป เหมือนเดินเข้าไปในที่โล่งไม่มีคนอยู่

รอจนก้าวไปให้จุดแสงที่สัมผัสรู้พวกนั้นใกล้ตัวประมาณสองเมตร เฉินโม่จึงได้ชกหมัดออกไป พวกนินจาชั้นสูงที่เร้นกายอยู่ในอากาศ ถูกหมัดนั้นอัดใส่กระเด็นลอยออกไป หมดสภาพในการต่อสู้ทันที

ทุก ๆ แต่ละก้าวที่เดินไป เฉินโม่ก็จะชกหมัดออกไปในอากาศ และแล้ว ก็จะเป็นนินจาชั้นสูงคนหนึ่งที่จะถูกอัดใส่อย่างแม่นยำไม่มีพลาด

พอเฉินโม่ก้าวข้ามพ้นสะพานหิน นินจาชั้นสูงสิบตนนั้นถูกเฉินโม่อัดสลบเหมือดนอนอยู่สองข้างทาง จากเริ่มต้นจนจบอยู่ประมาณหนึ่งนาที

ภายในห้อง สีหน้ายามาดะ อากียะดูไม่จืด มองหน้าคนชุดดำที่กำลังจิบชาช้า ๆ พูดเสียงทุ้มต่ำ “คุณทายถูก”

คนชุดดำวางแก้วชาลง มองไปที่ยามาดะ อากียะ ถามว่า “งั้นด่านที่สามที่คุณซานเถียนวางไว้หละ?”

ยามาดะ อากียะยกมือขยับกำหมัด “ด่านที่สามนี้ ไม่มีทางจะถูกถล่มพังง่าย ๆ เด็ดขาด!”

คนชุดดำแค่นหัวเราะเสียงชืด ๆ “หวังว่ายันได้ให้เกินนาทีนะ”

“คุณ….” ยามาดะ อากียะจ้องตาขวางใสคนชุดดำ ออกอาการโกรธอย่างมาก

เฉินโม่ก้าวข้ามจากสะพานหิน มุ่งหน้าเดินต่อ ข้างหน้านั้นเป็นทางโรยหินกรวดกว้างประมาณสิบเมตร

สุดทางข้างหน้า ก็คือตัวบ้านของคนตระกูลยามาดะ

แต่ถนนโรยกรวดกว้างประมาณสิบเมตรนี้ ไม่น่าจะเดินได้อย่างสบาย คงไม่ง่ายเทียบได้กับเส้นทางสิบหมื่นแปดพันลี้ที่พระถังซำจั๋งเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎก

คนผู้เฒ่าสองคนเดินออกมาจากพงหญ้าสองข้างทาง ซ้ายคนขวาคน ท่าเดินง่อนแง่น ตามสภาพคนแก่เงอะงะ

สีหน้าของคนทั้งสอง มองไม่รู้ว่ามีอารมณ์ดีหรือร้าย ที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ขาทั้งคู่ของพวกเขาไม่ได้ย่ำติดพื้น เหมือนเดินไปบนอากาศ

เฉินโม่รู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย พลังฝีมือสองคนนี้ ได้ก้าวข้ามแดนมองขวัญชั้นสูงสุดไปแล้ว คนหนึ่งในนั้น น่าจะก้าวขึ้นไปในแดนเทพครึ่งก้าวแล้ว ไปเทียบกับพลังฝีมือของหนานกงหยู่ ก็แค่เพียงด้อยกว่านิดหน่อยเท่านั้น

ภายในห้อง คนชุดดำที่มองเห็นแต่ลูกตาสองข้าง แสดงอาการส่อถึงความอัศจรรย์ใจ “ถึงขนาดนินจาขั้นพิเศษเชียว!ถ้าฉันจำไม่ผิด คนหนึ่งในนั้นก็คือทาเคดะ อิจิริวยอดอัจฉริยะที่หายไปตั้งแต่สิบปีที่แล้วมานั่นนะ”

ยามาดะ อากียะผงกหัว “ถูกต้อง เขานั่นแหละ”

“คุณคิดว่าในครั้งนี้ จะขวางเฉินไต้ซืออยู่ไหม?” ยามาดะ อากียะถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสาแก่ใจ

สามารถประสานดึงยอดฝีมือมาได้มากขนาดนี้ นอกจากบ้านตระกูลยามาดะแล้ว น่ากลัวว่าให้หาไปทั่วทั้งประเทศต้าเหอคงจะไม่มี

คนชุดดำหลับตาทั้งคู่ลง ค่อย ๆ ซึมซับสัมผัสรู้จากพื้นถนนปูหินกรวดข้างหน้านั้น

นินจาขั้นพิเศษสองคนนั้นต่างก็ได้ชักมีดดาบยาวออกมาแล้ว มุ่งเข้าฟันใส่เฉินโม่ด้วยลีลาที่ดูเชื่องช้า

มีดดาบที่ฟันลงไปนั้น ถึงแม้มองเห็นว่าช้ามากสุด ๆ แต่ขณะที่มีดดาบมุ่งฟันใส่ไปที่เฉินโม่นั้น ดูเหมือนการเคลื่อนไหวของฟ้าดินนี้หยุดลงในฉับพลันนั้น

มีดดาบที่ฟันลงไปนั้น กลับทำให้คนไม่สามารถที่จะขยับหลบได้

ในใจนึกของเฉินโม่ “จะไปมองด้อยค่าพวกนักบู๊ชาวประเทศต้าเหอไม่ได้จริง ๆ ยังไปไม่ถึงขั้นเทพ ก็ยังรู้ถึงหลักเกณฑ์แห่งธรรมชาติในเบื้องต้นได้แล้ว อีกทั้งยังสามารถผนวกขบวนท่ามีดดาบเข้าไปกับกฎเกณฑ์ธรรมชาติได้ ไม่รู้ได้จริง ๆ ว่าในชนชาวประเทศต้าเหอนี้จะมีนักบู๊ระดับนี้อยู่สักเท่าไหร่”