บทที่ 662 ยอมรับน้องสาว

The king of War

พูดจบเธอก็ควงแขนของหยางเฉินทันที โดยไม่ต้องรอให้เขายินยอม

หยางเฉินตกใจและพยายามสะบัดออกโดยสัญชาตญาณ แต่สิ่งที่ซ่งหวาหย่าพูดต่อมาทำให้เขาไม่ได้สะบัดออก

ซ่งหวาหย่าบอกว่า “พี่หยาง ในใจของฉัน คุณเป็นเหมือนพี่ชาย จากนี้ไปคุณก็คือพี่ชายของฉันด้วย!”

หยางเฉินกล่าวยิ้มๆ “คุณนับผมเป็นพี่ชาย ไม่กลัวว่าพี่ชายของคุณจะอิจฉาเหรอ?”

“เขาไม่กล้าหรอก!” ซ่งหวาหย่าพูดด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง

“แล้วคุณตกลงไหมล่ะ?”

เมื่อเห็นว่าหยางเฉินไม่ได้แสดงออกอะไร ซ่งหวาหย่าก็เหวี่ยงแขนหยางเฉินเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจ

“น้องสาวสวยขนาดนี้ ผมได้มาอย่างคาดไม่ฝัน ตกลงสิ จะไม่ตกลงได้ยังไง?” หยางเฉินรีบบอก

“แหะๆ พี่ชาย!”

ซ่งหวาหย่ายิ่งดีใจมากขึ้น

หยางเฉินส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ผมจะไปขับรถ!”

“ฉันเรียกคุณว่าพี่ชายแล้ว ทำไมคุณไม่ตอบล่ะ?” ซ่งหวาหย่าพูดอย่างไม่พอใจ

“เอ๊ะ?”

หลังจากนิ่งไปชั่วครู่ หยางเฉินก็ยิ้มและพูดว่า “คุณเรียกอีกครั้งสิ!”

“พี่ชาย!”

ซ่งหวาหย่าเรียกอีกครั้ง

“ทำไมเหรอ?”

หยางเฉินถามอย่างอึดอัด

“คุณเป็นพี่ชายภาษาอะไรกัน? คำตอบยังไม่จริงใจเลย” ซ่งหวาหย่าเอ่ย

“แล้วผมจะต้องตอบยังไงล่ะ?”

“พอฉันเรียกคุณว่าพี่ชาย คุณต้องถามฉันอย่างอ่อนโยนว่า ว่าไง?”

“งั้นเรียกผมอีกครั้งสิ”

“พี่ชาย!”

“ว่าไง?”

“ไม่ใช่ๆ โทนเสียงแข็งกระด้างเกินไป ไม่เป็นธรรมชาติเลย”

ภายใต้การนำทางของซ่งหวาหย่า ครึ่งชั่วโมงต่อมาหยางเฉินก็ขับรถมาถึงร้านอาหารแซ่เฉิน

“นี่คือร้านอาหารดีๆ ที่คุณบอกเหรอ?”

หยางเฉินถามอย่างจนปัญญา

“ใช่แล้ว ร้านอาหารแซ่เฉินเพิ่งจะเปิดในเมืองเยี่ยนตูได้ครึ่งปี ก็กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของท้องถิ่นในอินเทอร์เน็ตแล้ว จุดสำคัญคืออาหารที่นี่มีรสชาติเหมือนต้นตำรับ รับประกันได้เลยว่าคุณต้องพอใจ”

ซ่งหวาหย่ากล่าวอย่างภาคภูมิใจ “วันนี้ฉันจะให้คุณรับประทานอย่างมีความสุข!”

เมื่อเห็นว่าซ่งหวาหย่าเชียร์ร้านอาหารแซ่เฉินอย่างเต็มที่ หยางเฉินก็นึกแปลกใจเล็กน้อย เขาคิดว่าร้านอาหารแซ่เฉินเป็นเพียงร้านอาหารที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นร้านอาหารยอดนิยมในอินเทอร์เน็ต

“พี่ชาย คุณคงไม่ได้ไม่รู้จักร้านอาหารแซ่เฉินหรอกนะ?”

บางทีมันอาจเป็นเพราะพี่ชายอย่างซ่งหวายี่ ตอนที่ซ่งหวาหย่าเรียกเขาว่าพี่ชาย จึงเป็นธรรมชาติมาก คนที่ไม่รู้จักจะคิดจริงๆ ว่าเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเธอ

หยางเฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ผมรู้จักที่นี่!”

“คุณดูสิ ฉันยังมีคลิปวิดีโอของที่นี่ที่แพร่หลายอยู่บนอินเทอร์เน็ต”

ซ่งหวาหย่าพูดพลางเอาโทรศัพท์ออกมา เปิดคลิปวิดีโอของร้านอาหารแซ่เฉิน “ร้านอาหารแซ่เฉินแบ่งออกเป็นหลายโซน ซึ่งแต่ละโซนมีสไตล์ของอาหารแตกต่างกันไป”

“ฉันชอบรสชาติแบบตะวันตกเฉียงเหนือ คุณชอบรสชาติแบบไหน? เราจะไปกินสไตล์ไหนดี”

ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันนั้น ก็มาถึงจุดที่พวกเขาต้องเลือกโซนอาหารแล้ว

สถานที่ที่พวกเขายืนอยู่เป็นเหมือนศูนย์กลาง พร้อมทางเดินที่จะนำไปสู่ทุกโซนทุกทิศทาง

ทางเข้าแต่ละทางเดินยังมีภาพอาหารสไตล์ต่างๆ แปะอยู่ด้วย

“งั้นกินสไตล์ตะวันตกเฉียงเหนือแล้วกัน!” หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

“คุณเป็นพี่ชายที่ดีที่สุด ทุกครั้งที่พี่ชายของฉันมา เขาไม่ฟังฉันเลย ยืนกรานจะกินแต่อาหารตะวันตก แถมยังบอกว่าอาหารตะวันตกมีเอกลักษณ์ ตรรกะเพี้ยนชะมัด”

ซ่งหวาหย่ามีความสุขมากที่ได้เห็นว่าหยางเฉินเลือกสไตล์ทางตะวันตกเฉียงเหนือ

“คุณไม่กลัวว่าพี่ชายของคุณจะเล่นงานคุณ ถ้าเขารู้ว่าคุณพูดถึงเขาไม่ดีต่อหน้าผมเหรอ?” หยางเฉินพูดหยอกเย้า

ซ่งหวาหย่าพูดด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง “เขาเล่นงานฉันไม่ลงหรอก!”

บริกรนำทางทั้งสองมาถึงโซนรสชาติตะวันตกเฉียงเหนือ

เมื่อวานนี้ที่หยางเฉินที่นี่ได้ตรงไปที่ห้องส่วนตัวเลย ไม่รู้ว่าที่นี่แบ่งออกเป็นหลายโซน แต่ละโซนนำเสนออาหารรสชาติแตกต่างกันไป

ไม่น่าแปลกใจที่ที่นี่จะกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมในอินเทอร์เน็ต

ร้านอาหารแซ่เฉินเป็นร้านอาหารระดับห้าดาว แล้วยังมีเอกลักษณ์ ก็ย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย

“พี่ชาย พรุ่งนี้ฉันต้องไปต่างประเทศแล้ว”

หลังจากนั่งลง ซ่งหวาหย่าก็รู้สึกหดหู่ในทันใด มองไปที่หยางเฉินด้วยดวงตาแดงก่ำ

หยางเฉินจึงเพิ่งกระจ่างแจ้ง มิน่าล่ะซ่งหวาหย่าถึงชวนเข้ามากินข้าวอย่างกะทันหัน ที่แท้ก็เพื่อต้องการบอกลา

“คุณไม่อยากไปต่างประเทศเหรอ?” หยางเฉินถาม

ซ่งหวาหย่าพยักหน้า แล้วจู่ๆ ก็ส่ายหน้า “ฉันไม่อยากไป แต่ฉันก็ไม่ต้องการแยกจากแม่และพี่ชายของฉัน พวกเขาไปไหน ฉันก็ต้องไปด้วย”

เมื่อได้ยินซ่งหวาหย่าพูดดังนั้น หยางเฉินก็นิ่งเงียบทันที

จะว่าไปแล้ว ที่ซ่งหวาหย่าและครอบครัวถูกจัดการให้ไปต่างประเทศนั้น หยางเฉินก็เป็นคนอนุมัติเอง

ไม่ว่าจะเป็นหลี่ไห่หรง หรือซ่งหวายี่ หรือซ่งหวาหย่า ล้วนมีความสามารถทางการค้าทั้งนั้น

พวกเขาเกิดในตระกูลที่ร่ำรวย หากให้พวกเขาอยู่ในประเทศ จะเกิดความรู้สึกแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ดีกับลั่วปิง

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ลั่วปิงก็ติดตามเขามาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ แม้ว่าจะพบเจอวิกฤตการณ์มามากมาย แต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะท้อถอย

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำหรับความก้าวหน้าของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ถ้าให้ใครมาแทนเขา มันจะไม่ยุติธรรมกับเขาเลย

“วางใจเถอะ เมื่อตลาดในต่างประเทศมีเสถียรภาพแล้ว ถ้าพวกคุณต้องการกลับมา ผมจะไม่ขัดขวาง” หยางเฉินพูดขึ้นมาทันที

“จริงๆ นะ?” ซ่งหวาหย่ารู้สึกประหลาดใจระคนดีใจ

หยางเฉินพยักหน้า “จริงแท้แน่นอน คุณและแม่ของคุณจะกลับมาก็ได้ เหลือพี่ชายของคุณไว้ก็พอ”

“หา? ให้ฉันปล่อยพี่ชายเอาไว้ต่างประเทศคนเดียวเหรอ?” ซ่งหวาหย่าถาม

หยางเฉินพยักหน้าอย่างจริงจัง “อันที่จริงในประเทศถ้ามีพี่ชายอย่างผมอยู่ ซ่งหวายี่จะอยู่หรือไม่ มันก็ไม่สำคัญ จริงไหม?”

“ฮ่าๆๆ…”

ซ่งหวาหย่าถึงตระหนักว่าหยางเฉินกำลังพูดเล่นกับเธออีกแล้ว เธออดหัวเราะไม่ได้ “พี่ชาย คุณนี่ชอบล้อเล่น”

“ผมพูดจริงนะ! ถึงตอนนั้นจะให้พี่ชายของคุณอยู่ต่างประเทศ ช่วยผมดูแลกิจการในต่างประเทศจริงๆ” หยางเฉินกล่าว

มันฟังดูเหมือนเรื่องล้อเล่น แต่เขาตั้งใจจะให้ซ่งหวายี่อยู่ต่างประเทศระยะยาวจริงๆ

แต่ซ่งหวาหย่ากลับเห็นมันเป็นเรื่องล้อเล่น

ไม่นานอาหารสไตล์ตะวันตกเฉียงเหนือก็มาเสิร์ฟบนโต๊ะ

ช่วงนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นรอบตัวหยางเฉิน วันนี้ได้ผ่อนคลายเสียที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาอยู่กับซ่งหวาหย่า มันรู้สึกสบายใจเหลือเกิน

อันที่จริงหยางเฉินหิวแล้ว เลยกินเข้าไปมาก แต่ซ่งหวาหย่านั้นกินได้ไม่มากนัก

“กินข้าวเสร็จแล้ว ผมพาคุณไปส่งที่บ้านนะ”

กินดื่มอิ่มแล้ว หยางเฉินก็มองดูซ่งหวาหย่าแล้วถามขึ้น

“พี่ชาย ฉันอยากไปบาร์! คุณไปกับฉันได้ไหม?” ซ่งหวาหย่าถามด้วยสีหน้ามีความหวัง

หยางเฉินนิ่งไปชั่วครู่ “คุณจะไปทำอะไรที่บาร์?”

“ฉันก็อยากเมาน่ะสิ!” ซ่งหวาหย่ากล่าว

หยางเฉินส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ตอนนี้มันดึกมากแล้ว เรากลับกันดีกว่า อีกอย่างผมไม่ดื่มเหล้า คุณต้องเบื่อแน่”

ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในชายแดนเหนือ ทุกวันต้องคอยระมัดระวังว่าจะมีสงครามเกิดขึ้น แอลกอฮอล์อาจทำให้ผู้คนเลินเล่อได้ ดังนั้นจึงออกคำสั่งห้ามไม่ให้มีการดื่มเหล้า

แม้ว่าจะจากมาแล้ว แต่หยางเฉินก็ยังคงมีนิสัยเคยชินเช่นนี้

“ฉันอยากดื่ม!”

ซ่งหวาหย่าพูดด้วยสีหน้าน่าสงสาร ในสายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

พอคิดว่าพรุ่งนี้ซ่งหวาหย่าและครอบครัวจะต้องไปต่างประเทศในวันพรุ่งนี้แล้ว หยางเฉินจึงพยักหน้า “ตกลง!”