บทที่ 663 ลูกค้าประจำ

The king of War

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัดใจจากบ้านไม่ได้หรือเปล่า ระหว่างทางไปบาร์ ซ่งหวาหย่าที่เมื่อครู่ยังช่างพูดอยู่ จู่ๆ ก็กลายเป็นนิ่งสงบ เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

จนกระทั่งหยางเฉินจอดรถลงที่ประตูบาร์กุหลาบ ซ่งหวาหย่าถึงได้สติกลับมา “ถึงแล้วเหรอ!”

“ให้ผมขับรถพาคุณกลับไหม?”

หลังจากจอดรถแล้ว หยางเฉินก็ถามอย่างเป็นห่วง

สภาพแบบนี้เห็นได้ชัดว่าซ่งหวาหย่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ถ้าดื่มเหล้าจริงๆ ก็คงจะเมาอย่างง่ายดาย

“พี่หยาง พรุ่งนี้ฉันต้องไปแล้ว คุณช่วยทำให้ฉันสมหวังหน่อยเถอะ!” ซ่งหวาหย่ากล่าว

ต้องมีปัญหาแน่ๆ เธอเคยเรียกเขาว่าพี่ชาย แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นพี่หยาง เห็นได้ชัดว่าเธอหดหู่มาก

“ไปกันเถอะ!”

หยางเฉินไม่เกลี้ยกล่อมอีก เขานำทางไปที่บาร์

มีเขาอยู่ จะเกิดเรื่องได้อย่างไร?

บาร์กุหลาบเป็นบาร์ขนาดเล็ก แต่ก็มีระดับไม่ด้อยกว่าใครเลย เพียงแต่บาร์ขนาดใหญ่มักจะมีเสียงดังอึกทึก ภายใต้แสงสลัวมีลูกค้าอยู่ทุกที่

ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว ในมุมมืดยังมีชายหนุ่มหญิงสาวโอบกอดกันอยู่

หน้าเคาน์เตอร์บาร์ยังมีหนุ่มสาวโสดที่มาล่าเหยื่อนั่งอยู่จำนวนหนึ่ง

บนเวที ยังมีหนุ่มหล่อชาวต่างชาติกำลังเป่าแซกโซโฟน บรรยากาศภายในบาร์นั้นคลุมเครือมาก

ทั้งหยางเฉินและซ่งหวาหย่าต่างอยู่ในประเภทหน้าตาหล่อสวย

ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในบาร์ ก็ตกเป็นเป้าหมายของหนุ่มสาวที่มาล่าเหยื่อหลายคน ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะแต่งหน้าเข้ม สวมใส่เสื้อผ้าวับๆ แวมๆ เล่นหูเล่นตาให้หยางเฉินอยู่เป็นระยะ

หยางเฉินเห็นจนชินตา แต่ซ่งหวาหย่ากลับทนรับสายตาแบบนี้ไม่ไหวแล้ว เธอเหนี่ยวแขนของหยางเฉินเอาไว้โดยไม่รู้ตัว

“มาครั้งแรกเหรอ?”

หลังจากทั้งสองหามุมที่เงียบสงบนั่งลงแล้ว หยางเฉินก็มองซ่งหวาหย่าที่มีสีหน้าตื่นเต้น แล้วถามด้วยรอยยิ้ม

ซ่งหวาหย่าพยักหน้าอย่างเก้อเขิน “ไม่เคยมาเลย ก็เลยอยากสัมผัสความรู้สึกของการอยู่ในบาร์”

คุณหนูลูกเศรษฐีอย่างซ่งหวาหย่าน้อยคนนักที่จะมาเที่ยวบาร์ เธอเป็นผู้หญิงสะอาดสะอ้าน

“พี่หยาง คุณน่าจะเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ใช่ไหม?”

จู่ๆ ซ่งหวาหย่าก็ถามขึ้น

หยางเฉินสีหน้างุนงง “ผมเหมือนเป็นลูกค้าประจำของสถานที่แบบนี้เหรอ?”

ซ่งหวาหย่านึกขึ้นได้อย่างกะทันหัน หยางเฉินเพิ่งบอกว่าเขาไม่ดื่มเหล้า แล้วจะมาสถานที่แบบนี้เป็นประจำได้อย่างไร?

เธอแลบลิ้นออกมาอย่างน่ารักและยิ้มให้ “แค่รู้สึกว่าพี่หยางไม่ตื่นเต้นเลย เข้าใจผิดว่าคุณมาสถานที่แบบนี้บ่อยๆ”

หยางเฉินพูดอย่างจนใจ “มาสถานที่แบบนี้ทำไมต้องตื่นเต้นด้วยล่ะ?”

“ฉันเห็นในอินเทอร์เน็ต บอกว่าถ้าเป็นครั้งแรกที่มาเที่ยวบาร์ ไม่ว่าชายหรือหญิงก็จะตื่นเต้นมาก”

ซ่งหวาหย่าพูดอย่างไร้เดียงสา “ยังบอกอีกว่าในบาร์มีคนขี้เมาอยู่มากมาย ที่ประตูก็ยังมีการ “ลากสาวไปนอนด้วย” ส่วนในบาร์ก็มีคนก่อเรื่อง บ่งบอกว่าสถานบันเทิงประเภทนี้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้นแทบทุกวัน”

“สิ่งที่ในอินเทอร์เน็ตบอก คุณก็เชื่อด้วยเหรอ?” หยางเฉินหมดคำจะพูด

“ฉันตื่นเต้นมากเพราะเพิ่งมาเป็นครั้งแรก ฉันมักจะกลัวจะเจอคนไม่ดี” ซ่งหวาหย่าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

หยางเฉินกล่าวยิ้มๆ “คุณกลัวว่า จะมีคนเข้ามาชวนคุยเพราะคุณสวยเกินไปสินะ?”

ซ่งหวาหย่าพยักหน้าอย่างเก้อเขิน

“สาวสวย ผมขอเลี้ยงเครื่องดื่มคุณสักแก้วได้ไหม?”

และในขณะนั้นเอง ชายหนุ่มที่แต่งตัวดีก็เดินยิ้มแต้เข้ามาพร้อมกับแก้วค็อกเทลในมือ

แม้แต่หยางเฉินยังตกตะลึง “นี่คือพื้นที่ของเมืองเยี่ยนตูหรือเปล่า?”

ทั้งสองเพิ่งกำลังคุยกันเรื่องการเข้ามาชวนคุย ก็มีคนเข้ามาทักเลย

อีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าแบรนด์เนม คาดนาฬิกาข้อมือโรเล็กซ์สีเขียวเหมือนปีศาจเชร็คที่มีราคา ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มสดใส

แม้ว่าหน้าตาเขาจะไม่ได้หล่อเหมือนหยางเฉิน แต่ก็ยังนับว่าเป็นชายหนุ่มรูปงาม ผู้ชายประเภทนี้ชวนใครคุยก็จะสำเร็จอย่างราบรื่น

ถ้าเป็นผู้หญิงอีกคนอื่น ก็อาจจะจีบชายหนุ่มที่เข้ามาชวนคุยด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่ซ่งหวาหย่าไม่ได้เป็นผู้หญิงคนอื่น

เธอเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ ชายหนุ่มรูปงามแบบไหนก็เคยเห็นมาหมดแล้ว?

แค่ชายหนุ่มที่แต่งตัวดีคนเดียว จะทำให้เธอสนใจได้อีกสักแค่ไหน?

ไม่มีทาง!

เธอชำเลืองมองไปที่ชายหนุ่มที่เข้ามาชวนคุยอย่างเฉยเมย จากนั้นก็มองไปที่หยางเฉินแล้วถามว่า “ที่รัก เพื่อนของคุณเหรอ?”

เมื่อได้ยินซ่งหวาหย่าเรียกตัวเองว่าสามี หยางเฉินก็ถึงกับอึ้งไป

พอเห็นสีหน้าไร้เดียงสาของซ่งหวาหย่า หยางเฉินก็รู้ว่าเธอกำลังเสแสร้งอยู่

หยางเฉินส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่รู้จัก!”

“อ้อ!”

ซ่งหวาหย่าตอบรับแล้วจากนั้นพูดอีกว่า “ที่รัก พรุ่งนี้คุณไปสวนสนุกกับฉันเถอะนะ? เราไม่เคยไปมานานแล้ว ฉันอยากเล่นรถไฟเหาะ อยากกระโดดบันจี้จั๊มกับคุณ!”

เมื่อหยางเฉินรู้ว่าซ่งหวาหย่าจงใจเมินเฉยชายหนุ่มที่เข้ามาชวนคุย จึงให้ความร่วมมือกับเธอและพูดว่า “ตกลง! แต่วันนี้จะดื่มเหล้าเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ต้องพักช่วงหนึ่ง เราต้องมีลูกแล้ว”

เมื่อได้ยินหยางเฉินบอกว่าจะมีลูก เธอก็หน้าแดงทันที โชคดีที่ไฟในบาร์สลัว ช่วยให้เธอเก็บซ่อนมันได้ดี

“เรามีลูกสองคนแล้ว คุณยังคิดจะมีลูกอีกเหรอ?”

ซ่งหวาหย่าถ้าไม่เล่นให้สุดก็ไม่ยอมวางมือ เลยกลายเป็นแม่ลูกสองไปเลย

ชายหนุ่มที่เข้ามาชวนคุยถูกเพิกเฉยอย่างสิ้นเชิง สีหน้าดูแย่มาก

ตอนแรกเขายังคิดว่าซ่งหวาหย่าและหยางเฉินเป็นแฟนกัน แต่คิดไม่ถึงว่าทั้งสองจะเป็นสามีภรรยากัน แถมซ่งหวาหย่ายังเป็นแม่ลูกสองอีกด้วย

แล้วเขายังจะชวนเธอคุยต่อไปได้อีกหรือ? จึงรีบหนีเตลิดไป

“ฮ่าๆๆ…”

พอเห็นอีกฝ่ายรีบชิ่งหนีไป ซ่งหวาหย่าก็อดหัวเราะไม่ได้ “พี่หยาง คุณนี่ร้ายกาจมาก มาทำลายชื่อเสียงของฉัน ถ้าฉันขายไม่ออก ฉันจะโทษคุณ”

หยางเฉินพูดสีหน้าจนใจ “ก็คุณพูดเองนะ ว่าเป็นคุณแม่ลูกสองแล้ว! เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ”

“ก็คุณนั่นแหละบอกก่อนว่าจะมีลูก” ซ่งหวาหย่ากล่าวอย่างเขินอาย

หยางเฉินพูดอย่างจนใจ “ผมก็แค่พยายามทำให้อีกฝ่ายลำบากใจจนต้องล่าถอยออกไปไม่ถูกเหรอ?”

หลังผ่านการเล่นละคร ในที่สุดซ่งหวาหย่าก็อารมณ์ดีขึ้น ไม่ได้คิดจะสั่งของมึนเมาแล้ว แต่สั่งไวน์ผลไม้แทน

“เสี่ยวหย่า!”

ทันใดนั้นเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจได้ดังขึ้นอย่างกะทันหัน

เมื่อซ่งหวาหย่าได้ยินเสียงเธอก็เงยหน้าขึ้นมองทันที เมื่อเธอเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย

หยางเฉินเองก็มองไปทางคนที่พูด เขาดูมีอายุราวๆ 25-26 ปี อ่อนกว่าหยางเฉินและหล่อมาก

แต่ทว่าในเวลานี้ข้างกายเขาคือหญิงสาวอายุราวๆ 25-26 ปีเช่นกัน

ผู้หญิงคนนี้หน้าตาธรรมดามาก แต่ทั่วร่างกายของเธอเต็มไปด้วยแบรนด์หรูระดับต้นๆ ในเวลานี้เธอหนีบแขนของชายหนุ่มไว้แน่น

“คุณ คุณยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ?” ซ่งหวาหย่าถามคำถามนี้ออกไปด้วยเสียงสั่นเทา

ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย “ผมก็ต้องมีชีวิตอยู่สิ ทำไมคุณถึงถามแบบนี้ล่ะ?”

“ที่รัก เธอคือใครน่ะ?” หญิงสาวที่ข้างกายชายหนุ่มถามขึ้นมาทันที

“เธอคือเพื่อนผู้หญิงที่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดี ชื่อซ่งหวาหย่า”

ชายหนุ่มกล่าว จากนั้นก็พูดกับซ่งหวาหย่าอีกว่า “อ้อ ขอแนะนำให้คุณรู้จักสักหน่อย เธอคือภรรยาของผม ซุนเหม่ยจวน เราแต่งงานกันมาสามปีแล้ว”

เปรี้ยง!

คำพูดของชายหนุ่มเป็นเหมือนสายฟ้าฟาดกลางวันแสกๆ สำหรับซ่งหวาหย่า เธอตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง

หยางเฉินมองเห็นน้ำตาคลออยู่ในดวงตาของซ่งหวาหย่า