บทที่ 664 เรื่องในอดีตให้เป็นเหมือนควัน

The king of War

“เสี่ยวหย่า จะไม่แนะนำหนุ่มหล่อข้างกายคุณให้ผมรู้จักหน่อยเหรอ?” ชายหนุ่มยังคงมีรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์มาก

ซ่งหวาหย่าถึงได้สติกลับมา สูดหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆ สงบอารมณ์ลง

“เขาเป็นสามีของฉัน หยางเฉิน”

ซ่งหวาหย่าพูดจบก็เหนี่ยวแขนของหยางเฉินมาโดยอัตโนมัติ แล้วพูดแนะนำหยางเฉิน “เขาเป็นเพื่อนของฉัน ม่อตงซวี่”

“สวัสดีครับ ม่อตงซวี่!” ม่อตงซวี่ยิ้มเล็กน้อย แล้วยื่นมือขวาออกไป

หยางเฉินกำลังจะเข้าไปจับมือด้วย แต่ก็ถูกขวางไว้โดยซ่งหวาหย่า เธอพูดอย่างเฉยชา “ไหนคุณบอกว่า คุณไม่เคยจับมือกับผู้ชายไม่ใช่เหรอ?”

หยางเฉินกะพริบตาปริบๆ ฉันเคยพูดแบบนั้นด้วยเหรอ?

แต่ก็ยังเข้าใจว่าซ่งหวาหย่าหมายถึงอะไร เธอไม่ต้องการให้เขาจับมือกับม่อตงซวี่

“ขอโทษนะครับ ภรรยาของผมเป็นคนอนามัยจัด” หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

ม่อตงซวี่อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติกลับมา ความหมายของหยางเฉินคือ มือของเขาสกปรกงั้นหรือ?

แต่ม่อตงซวี่ได้รับการอบรมมาดี ไม่ได้แสดงความโกรธใดๆ ออกมา เขายังคงรักษาภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนและสง่างาม พลางยิ้มเล็กน้อย “ผมยังมีเพื่อนรออยู่ทางนั้น ขอตัวก่อนนะครับ แล้วพบกัน!”

จากนั้นม่อตงซวี่ก็หันหลังเดินจากไปพร้อมกับซุนเหม่ยจวน

“พี่ชายรูปหล่อ เอาเหล้าที่แรงที่สุดของคุณมาให้ฉันขวดหนึ่ง”

พอม่อตงซวี่เดินออกไป ซ่งหวาหย่าก็เรียกหาบาร์เทนเดอร์ที่อยู่แถวนั้น

เห็นได้ชัดว่าเธออารมณ์ไม่ดีเพราะผู้ชายคนเมื่อครู่นี้

แม้หยางเฉินจะไม่รู้ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาระหว่างคนทั้งสอง แต่ดูจากการสนทนาเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าซ่งหวาหย่าจะคิดมาตลอดว่าม่อตงซวี่ตายแล้ว

ตอนที่ซ่งหวาหย่าได้ยินว่าม่อตงซวี่แต่งงานแล้ว เธอก็อารมณ์ไม่ดี

ไม่นานบาร์เทนเดอร์ก็นำบรั่นดีดีกรีสูงออกมาหนึ่งขวด

ซ่งหวาหย่าเทจนเต็มแก้ว แล้วดื่มจนหมด

“แค่กๆๆ…”

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใช่คนที่ดื่มเหล้าบ่อย หลังจากดื่มเหล้าดีกรีสูงหนึ่งแก้วลงท้อง เธอก็ไออย่างรุนแรง น้ำตาไหลเอ่อออกมา

“ช้าลงหน่อย!” หยางเฉินรีบบอกแล้วลุกขึ้นช่วยตบหลังซ่งหวาหย่าเบาๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่งหวาหย่าค่อยดีขึ้น แต่ใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยน้ำตา

“ฉันจะไปห้องน้ำ!”

พอซ่งหวาหย่าพูดจบ ก็รีบออกไปก่อนที่หยางเฉินจะทันได้เอ่ยปาก

หยางเฉินถอนหายใจ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสอง แต่ก็พอจะคาดเดาได้บ้าง

ประมาณสิบนาทีต่อมา ในที่สุดซ่งหวาหย่าก็กลับมา เห็นได้ชัดว่าเธอล้างหน้ามา เครื่องสำอางบนใบหน้าของเธอนั้นเบาบางลงมาก แต่ก็ยังยากที่จะซ่อนใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเธอ

“อันที่จริงเขาเป็นแฟนเก่าของฉัน!”

จู่ๆ ซ่งหวาหย่าก็พูดออกมา

เมื่อได้คำตอบนี้ หยางเฉินก็ไม่แปลกใจ เขาพยักหน้าเล็กน้อย

ซ่งหวาหย่าดูเหมือนจะสงบอารมณ์ลงมากแล้ว เธอไม่ดื่มบรั่นดีดีกรีสูงขวดนั้นอีกต่อไป วางข้อศอกลงบนโต๊ะ แล้วเอามือทั้งสองกุมศีรษะของตัวเองไว้

“พี่หยาง คุณอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างฉันกับเขาไหม?” ซ่งหวาหย่ามองหยางเฉินแล้วถามขึ้น

หยางเฉินยิ้มเล็กน้อย “ถ้าคุณอยากพูด ผมก็จะตั้งใจรับฟัง!”

ซ่งหวาหย่ายิ้มอย่างขมขื่น เผยรอยความคิดถึงออกมาบนใบหน้า จากนั้นเธอก็พูดช้าๆ “ฉันกับเขา เป็นคู่รักที่คบหากันมาสี่ปีตอนเรียนมหาวิทยาลัย”

“เมื่อสี่ปีก่อน เราเรียนจบมหาวิทยาลัยพร้อมกัน เดิมทีวางแผนว่าจะแต่งงาน แต่แล้วเขาก็หายตัวไปในวันก่อนที่เราจะแต่งงานกัน”

ภายในใจของหยางเฉินสั่นไหว ราวกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของซ่งหวาหย่าในเวลานั้น

ไม่เพียงแค่นั้น เขายังนึกถึงฉินซี ห้าปีก่อน เขากับฉินซีเพิ่งแต่งงานกัน เธอก็จากไปโดยไม่บอกลา ผ่านไปห้าปีถึงกลับมา

เมื่อเทียบกับซ่งหวาหย่า ดูเหมือนว่าเขาจะโชคดีกว่า

อย่างน้อยห้าปีต่อมาหลังจากหายตัวไป เขาก็ได้อยู่กับฉินซีอีกครั้ง

ส่วนซ่งหวาหย่าคนที่เธอรักนั้นไม่ได้กลับมา ตรงกันข้ามกลับได้รู้ว่าเขาได้แต่งงานไปแล้ว

“ต่อมาฉันก็หาเขาพบ เขาบอกกับฉันเองว่าทำไมเขาถึงหนีงานแต่งงาน นั่นก็เพราะเขารู้ว่าพวกเราไม่ได้รับความสำคัญในตระกูลซ่ง ถ้าแต่งงานกับฉัน เขาจะไม่มีวันมีความสุขเลย”

“เขายังบอกอีกว่า ตอนแรกที่เขาอยู่กับฉันมันไม่ใช่เพราะความรักเลย แต่เป็นเพราะเขาคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงของตระกูลซ่ง สามารถช่วยเหลือเขาได้”

“นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้พบหน้ากัน จนกระทั่งต่อมาฉันก็ได้ข่าวว่าเขาตายแล้ว!”

พอพูดถึงตรงนี้ ซ่งหวาหย่าก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อีก น้ำตาไหลนองทั่วใบหน้า

“แล้วทำไมคุณถึงได้ข่าวการตายของเขา?” หยางเฉินรู้สึกประหลาดใจมาก

“ใช่แล้ว ฉันไม่เชื่อเลย แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้ เขาตายแล้ว ตายที่ต่างประเทศ ฉันไม่ได้เห็นแม้แต่หน้าเขาด้วยซ้ำ”

ซ่งหวาหย่าตาแดงสะอึกสะอื้น “ฉันเคยต้องทนทุกข์จากภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง เคยพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ ไปพบแพทย์อยู่สองปีเต็มๆ อาการป่วยถึงค่อยดีขึ้น”

“มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฉันที่จะเดินออกมาจากความสัมพันธ์นั้นได้ แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้น แถมยังแต่งงานแล้วอีก? ทำไมล่ะ? ทำไม?”

เมื่อเห็นท่าทางอันเจ็บปวดของซ่งหวาหย่า หยางเฉินเองก็เศร้าไปด้วย ความรู้สึกเช่นนี้เขารู้ซึ้งดี

“จะมีเรื่องอะไรที่ปกปิดไว้หรือเปล่า?” จู่ๆ หยางเฉินก็ถามขึ้น

ซ่งหวาหย่าดวงตาทั้งสองแดงก่ำ ส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “ไม่ว่าจะมีเรื่องที่ปกปิดไว้หรือไม่ก็ตาม เขาก็แต่งงานไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

ใช่แล้ว!

แม้ว่าการหายตัวไปของม่อตงซวี่จะมีบางสิ่งบางอย่างที่ปกปิดไว้จริงๆ เขาก็แต่งงานไปแล้ว ระหว่างเขากับซ่งหวาหย่า ไม่มีความหวังใดๆ หลงเหลืออยู่อีกแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนแรกม่อตงซวี่ก็หายตัวไปก่อนพิธีแต่งงานของทั้งสองเพียงวันเดียว เมื่อซ่งหวาหย่าพบเขา เขาก็บอกเธอว่า เพราะซ่งหวาหย่าไม่ได้รับความสำคัญในตระกูลซ่ง เขาจึงไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับเธอ

ไม่ว่าจะมองอย่างไร มันก็เป็นปัญหาของม่อตงซวี่ทั้งหมด

แน่นอน ทั้งหมดนี้เป็นการคาดเดาของหยางเฉินในฐานะผู้ชม ส่วนม่อตงซวี่จะมีเรื่องที่ปกปิดไว้หรือไม่ ก็ไม่อาจรู้ได้

“เอาล่ะ ไม่ต้องเศร้าแล้ว ในเมื่อมันผ่านมาแล้ว ให้อดีตที่ผ่านมาจางหายไปพร้อมกับกาลเวลา อ้าแขนทั้งสองเพื่อต้อนรับอนาคตใหม่”

หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

ซ่งหวาหย่าขยี้ดวงตาอันแดงก่ำ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า เทเหล้าให้ตัวเองแก้วหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่หยางพูดถูก ทุกอย่างมันผ่านไปหมดแล้ว เขาได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ฉันก็มีคนที่ชอบแล้ว”

“เอ๊ะ? คุณมีคนที่คุณชอบแล้วเหรอ? ขอแสดงความยินดีด้วยนะ!” หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ

แต่กลับไม่ได้สังเกตเห็นความโดดเดี่ยวที่ปรากฏลึกเข้าไปในดวงตาของซ่งหวาหย่าเพียงชั่วพริบตา เธอดื่มจนหมดแก้ว รอยยิ้มกลับมาปรากฏบนใบหน้าของเธอเช่นเดิม

ที่หยางเฉินรู้สึกได้ ซ่งหวาหย่าที่ตื่นเต้นมากเมื่อได้พบกับม่อตงซวี่ ตอนนี้นั้นค่อยๆ ดีขึ้น แต่ก็ยังคงดูมีเรื่องหนักใจอยู่ดี

ถึงอย่างไรความรักสี่ปีกับอดีตแฟนหนุ่ม และตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าเพราะผู้ชายคนนั้นเป็นเวลาถึงสองปี จะบอกให้ปล่อยวางก็ใช่ว่าจะทำได้อย่างง่ายดาย

และในเวลานี้เอง หนุ่มสาวหลายคนก็เดินเข้ามาหาหยางเฉิน รวมทั้งม่อตงซวี่ด้วย

“นี่ซ่งหวาหย่าหรือเปล่านะ!”

“เมื่อกี้ได้ยินม่อตงซวี่บอกว่าได้พบกับเสี่ยวหย่า คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคุณจริงๆ”

“เสี่ยวหย่า คุณยังจำฉันได้ไหม?”

หลังจากที่พวกเขาเดินเข้ามา ก็เริ่มพูดคุยกันไปต่างๆ นานา พอเห็นซ่งหวาหย่าก็ดูเหมือนจะตื่นเต้นมาก

“จำได้แน่นอนอยู่แล้ว!”

ซ่งหวาหย่าก็มีความสุขมากเช่นกัน พลางชี้ไปที่หญิงสาวหนึ่งในนั้นแล้วพูดว่า “คุณคือซูถิง”