ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 32 ผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

“ไม่ดูความโง่เง่าและป่าเถื่อนของบรรดาเผ่ามรณะทมิฬ เชาวน์ปัญญาของระดับอ๋องก็ไม่เลวแล้ว เชาวน์ปัญญาของระดับจักรพรรดิก็ย่อมไม่ต่ำต้อยอยู่แล้วล่ะ” จักรพรรดิเป่ยเหอพูด “เผ่ามรณะทมิฬและพวกเรากลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิม ต่างก็ไล่ตามการวิวัฒน์ของการตื่นรู้ขั้นสุดยอด! ต่างก็แย่งชิงวัตถุภายนอกอันล้ำค่านานาชนิด! เพราะเผ่ามรณะทมิฬต่างก็ถือกำเนิดขึ้นบนเกาะลอยคว้าง จึงครองความได้เปรียบ ครอบครองทรัพยากรจำนวนมากเอาไว้”

“น้องหิมะเหิน” จักรพรรดิเป่ยเหอมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ข้าต้องการให้เจ้าช่วย! ข้ากับเจ้าร่วมมือกัน ยังมีจุดบกพร่องน้อยกว่ายอดเคารพเสียอีก”

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองจักรพรรดิเป่ยเหอที่อยู่ตรงหน้า

แววตาของจักรพรรดิเป่ยเหอจริงใจอย่างยิ่ง

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจกระจ่างดีเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาที่มีชีวิตเป็นอมตะนั้นไม่พอใจเพียงใดที่รู้สึกว่าตนเองเป็นมดปลวกที่อยู่ภายในกรงขัง มีความมุ่งมาดปรารถนาเพียงใดต่อการหนีออกจากกรงขังและการยกระดับพื้นฐานชีวิต

แต่ทว่า…

ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่ชมชอบวิธีการของจักรพรรดิเป่ยเหอเอาเสียเลย!

เพื่อเป้าหมายของตนเองก็ไม่เลือกวิธีการ โลกที่อ่อนแอจำนวนหนึ่งในบรรดาโลกมากมายของกลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ จักรพรรดิเป่ยเหอก็ถึงกับจะผลาญสังหารให้สิ้น! เปลี่ยนให้เป็นโลกที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อตน อาศัยวิธีการอันอำมหิตเช่นนี้มาป้องปราม ทำให้โลกอื่นๆ จำนวนหนึ่งยอมสวามิภักดิ์อย่างรวดเร็ว

“ไม่เลือกวิธีการจนเกินไป ไม่สนใจความเป็นความตาย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ

“จักรพรรดิ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปากพูด “ท่านกับข้าร่วมมือกันแล้ว เช่นนั้นในภายภาคหน้า ถ้าหากยอดฝีมือคนอื่นๆ หรือแม้กระทั่งยอดเคารพมาขอให้ข้าช่วยเหลือเล่า”

“ก็ย่อมมิอาจรับปากโดยง่ายอย่างแน่นอน” จักรพรรดิเป่ยเหอพูด “พวกเขาไม่มีเจ้าช่วยเหลือ เช่นนี้พวกเราก็ยิ่งครองความได้เปรียบ! ถึงอย่างไรทรัพยากรก็มีอยู่อย่างจำกัด คนอื่นฉกชิงเอาไป พวกเราก็มีน้อยลงไปแล้ว”

“ข้าเข้าใจแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ขอจักรพรรดิโปรดอภัย ข้ายังไม่คิดจะผูกตัวเองติดกับเรือลำใดลำหนึ่งในตอนนี้”

จักรพรรดิเป่ยเหอนิ่งงันไปชั่วขณะ

“ข้าชอบความเป็นอิสระมากกว่า เผชิญกับเรื่องราวมากมาย ก็ชอบที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่อยากผูกติดกับผู้อื่น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด หนึ่งก็คือเขาไม่ชอบนิสัยของจักรพรรดิเป่ยเหอ! สองก็คือทรัพยากรที่ชนพื้นเมืองดั้งเดิมและเผ่ามรณะทมิฬมุ่งมาดปรารถนาหาใดเปรียบ โดยส่วนใหญ่แล้วเขาก็มิได้สนใจเลย! สิ่งที่ผู้บำเพ็ญสนใจมากกว่าก็คือการยกระดับขั้นของตนเองให้สูงขึ้น

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องผูกติดกับจักรพรรดิเป่ยเหอ ไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่างนั้นหรือ

“เจ้าสามารถช่วยเหลือเผ่าแสงดาว ช่วยเหลือบรรดาโลกที่อ่อนแอ และช่วยเหลือข้าได้กระมัง” จักรพรรดิเป่ยเหอมองตงป๋อเสวี่ยอิง

“ย่อมได้อย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงอมยิ้มน้อยๆ “แต่ก็ต้องดูก่อนว่าเป็นเรื่องอันใด”

“ฮ่าฮ่า ข้าก็เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนแล้วว่าอุปนิสัยของน้องหิมะเหิน รังเกียจความชั่วร้ายดุจคู่แค้น

เกรงว่าคงจะไม่ชมชอบวิธีการจัดการเรื่องราวต่างๆ ของข้าสินะ” จักรพรรดิเป่ยเหอแย้มยิ้มอย่างสบายๆ “แต่ข้าอยากจะขอให้เจ้าช่วยเหลือ วัตถุประสงค์หลักก็คือเพื่อจัดการยอดเคารพคนหนึ่งในเผ่ามรณะทมิฬ”

“หืม”

ตงป๋อเสวี่ยอิงกระจ่างแจ้ง “ได้สิ ข้ารับปากก็ได้”

ถึงแม้ว่าเขาจะมีเคล็ดลับอยู่มากมาย แต่ก็ไม่อยากจะยั่วโมโหจักรพรรดิเป่ยเหอจนทำให้โลกแสงดาวและโลกมากมายต้องเดือดร้อน!

นอกจากนี้ ที่ต้องจัดการก็คือยอดเคารพของเผ่ามรณะทมิฬ

เผ่ามรณะทมิฬมียอดเคารพอยู่ทั้งหมดสามท่าน มีความเป็นไปได้ว่าพวกมันฟูมฟักถือกำเนิดขึ้นมาจากความตายเป็นเหตุ ยอดเคารพสามท่านนี้แต่ละคนมีวิธีลงมืออันโหดเหี้ยม ต่างก็เป็นพญามารร้ายอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง! โชคดีที่มียอดเคารพชนพื้นเมืองดั้งเดิมสองท่านคอยข่มขู่ ขัดขวางในยามคับขัน กลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิมจึงสามารถมีวันวารเช่นนี้ได้

“ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่กล้าคิดเลย มีน้องหิมะเหินอยู่ ข้าจึงมีความมั่นใจมากขึ้นหลายส่วน” จักรพรรดิเป่ยเหอได้ยินตงป๋อเสวี่ยอิงรับปากแล้วก็ปิติยินดีอย่างยิ่งในทันที “ข้ายังต้องเตรียมการให้ดีๆ ก่อน รอให้เตรียมการเสร็จแล้วก็จะแจ้งให้น้องหิมะเหินทราบก็แล้วกัน”

“ข้าจะทิ้งร่างแยกเอาไว้ที่โลกแสงดาว จักรพรรดิต้องการหาตัวข้า ก็ไปหาที่โลกแสงดาวได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

“ดี เจ้าช่วยข้า ข้าก็ย่อมไม่มีทางผิดต่อเจ้าอย่างแน่นอน” จักรพรรดิเป่ยเหออมยิ้ม “ก่อนหน้านี้โจมตีโลกจำนวนมาก ก็จะหยุดเอาไว้ ก็นับได้ว่าเป็นของกำนัลแล้วกระมัง”

ตงป๋อเสวี่ยอิงได้ฟังแล้วก็ยินดียิ่ง “เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณจักรพรรดิแล้ว คิดว่าโลกทั้งหลายก็ต้องซาบซึ้งต่อจักรพรรดิอย่างแน่นอน”

“พวกเขาควรต้องขอบคุณเจ้าต่างหากเล่า!” จักรพรรดิเป่ยเหอพูด

……

รอจนสนทนากับจักรพรรดิเป่ยเหอเสร็จแล้วแยกจากกันแล้ว

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็จากไปพร้อมกับร่างแปรประมุขแสงดาว

“นี่จะไปแล้วหรือ” ประมุขแสงดาวถ่ายเสียงเอ่ยถาม

“อืม”

“จักรพรรดิเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้ งานเลี้ยงดอกนกกางเขนนี้ก็เพื่อต้อนรับเจ้า พูดคุยกับเจ้าเพียงไม่กี่ประโยคก็จะให้เจ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ” ประมุขแสงดาวมีหมอกทึบทึมเต็มหัวสมอง

ตงป๋อเสวี่ยอิงเหลือบมองเขาปราดหนึ่งแล้วมิได้พูดอะไรมาก เหินลอยออกไปข้างนอกในทันที

“รอข้าด้วยสิ” ร่างแปรประมุขแสงดาวตามไปติดๆ

ร่างแปรนั้นไม่สำคัญ! แต่ร่างแปรที่พก ‘กลีบดอกนกกางเขน’ ติดตัวเอาไว้ต่างหากเล่าที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง!

……

หลังจากที่งานเลี้ยงนี้สิ้นสุดลง

นามของจ้าวหิมะเหินก็ค่อยๆ แพร่สะพัดออกไป โดยเฉพาะระดับสูงสุดของกลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิมทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหักก็ยิ่งสั่นสะเทือนเพราะเรื่องนี้

“หืม เคล็ดวิชาวิญญาณ ถึงกับสามารถทำให้ระดับจักรพรรดิจมดิ่งลงไปได้อย่างง่ายดาย

แม้กระทั่งแม่ทัพเทพควันวายุของสามสิบหกแม่ทัพเทพก็ยังจมดิ่งลงไปชั่วขณะอย่างนั้นหรือ” ชายชราอาภรณ์ม่วงร่างผอมสูง กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นเหนือธรรมดาแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกทิศทุกทาง บริเวณรอบๆ ก็มีสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า ล้อมรอบอยู่รอบกายเขา เขาก็คือ ‘ยอดเคารพนภาอสนี’ หนึ่งในสองมหายอดเคารพของกลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิมนั่นเอง

เขาปลุกพลังสายโลหิตไปถึงระดับจักรพรรดิขั้นสมบูรณ์แล้ว สามารถสัมผัสได้ถึงพลังของอีกระดับขั้นหนึ่งได้ตลอดเวลา

นั่นคือพลังที่น่าหวั่นเกรงชนิดหนึ่ง

สามารถหนีออกไปจากโลกทางนี้ได้ หนีออกไปจากการสกัดกั้นกฎเกณฑ์ของ ‘หยวน’ สามารถทะลุผ่านห้วงมิติอันไร้ที่สิ้นสุดได้อย่างแท้จริง มุ่งหน้าไปสู่สถานที่อันเร้นลับต่างๆ นานาได้

“ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเคล็ดวิชาวิญญาณเช่นนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ เกรงว่าแม้แต่ยอดเคารพก็ยังต้องแบ่งพลังจิตมากมายไปต้านทาน” ชายชราอาภรณ์ม่วงพึมพำ “เป่ยเหอผู้นั้นก็เจ้าเล่ห์น่าดูเลยจริงๆ เชิญตัวจ้าวหิมะเหินผู้นั้นไปในทันทีเลย”

……

“จ้าวหิมะเหินถึงกับมีเคล็ดวิชาวิญญาณเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ”

ยอดเคารพเฮ่ากู่มีคลื่นความร้อนแผ่ซ่านทั่วร่าง ถึงขนาดที่ผู้ที่พลังยุทธ์อ่อนแอต่างก็ไม่สามารถมองตรงๆ ได้ ยอดเคารพเฮ่ากู่แผ่ประกายระยับจับตาตามธรรมชาติ ราวกับลูกไฟขนาดมหึมาลูกหนึ่ง

“ถึงแม้ว่าพลังรบซึ่งๆ หน้าของเขาจะธรรมดาอย่างยิ่ง พลังยุทธ์ในการต่อสู้ระยะประชิดก็ต่ำเสียจนสามารถมองข้ามได้ แต่เคล็ดวิชาวิญญาณกลับสามารถส่งผลกระทบต่อพวกเราได้เลยทีเดียว ดินแดนจิตโลกานี่ก็นับได้ว่ามีผู้แกร่งกล้าล้ำเลิศเกิดขึ้นมาคนหนึ่งแล้ว” ยอดเคารพเฮ่ากู่พึมพำ ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยใส่ใจผู้บำเพ็ญของดินแดนจิตโลกามาก่อนเลย แต่คราวนี้เขาก็เห็นความสำคัญขึ้นมาเสียแล้ว

ถึงขนาดที่ในใจของเขา ‘พลังคุกคาม’ ของจ้าวหิมะเหินผู้นี้ยังสูงกว่าบรรดาจักรพรรดิเสียอีก

……

“เป่ยเหอผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง ริเริ่มเชิญตัวไป จัดงานเลี้ยงรวมตัวในทันที! เขาเคลื่อนไหวได้เร็วน่าดู กว่าข้าจะได้ข่าวก็สายไปเสียแล้ว” บุรุษเขาเดี่ยวอาภรณ์ดำคนหนึ่งส่ายหน้าน้อยๆ

……

“ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว หวังว่าจ้าวหิมะเหินผู้นั้นจะมิได้สวามิภักดิ์ต่อเป่ยเหอเสียล่ะ” หญิงสาวงามล้ำที่พลังฟ้าดินรวมตัวกันประกอบเป็นร่างนางผู้หนึ่งมองไปยังทิศทางของโลกแสงดาวอยู่ห่างๆ พลางเอ่ยเสียงต่ำ “เป่ยเหอมีความทะเยอทะยานมากเกินไป จักรพรรดิคนอื่นอีกสามคนภายใต้บังคับบัญชาของยอดเคารพเฮ่ากู่ต่างก็ถูกเขาลอบคิดบัญชีจนพ่ายแพ้หมดหน้าตัก คราวนี้ถ้าหากได้รับความช่วยเหลือจากจ้าวหิมะเหินผู้นี้อีก ก็ไม่แน่ว่าเผ่าของข้าอาจจะมียอดเคารพท่านที่สามปรากฏขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว”

******

ระดับสูงสุดของกลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิมก็ย่อมได้รับข่าวคราวอย่างฉับไวอยู่แล้ว ต่างก็ให้ความสนใจกับจ้าวหิมะเหินผู้นี้

ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงก็กลับมาถึงยังโลกแสงดาวแล้ว

นอกจากนี้เพียงไม่นานข่าวหนึ่งก็แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว…

พลทหารใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิเป่ยเหอที่เดิมทีโจมตีโลกชนพื้นเมืองดั้งเดิมนั้นพากันถอยทัพกลับไปจนหมดสิ้น!

“ถอนทัพกันไปแล้ว”

“ถอนทัพกันไปหมดแล้ว พลทหารใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิเป่ยเหอ อาณาเขตที่จักรพรรดิเฉินเย่าเคยเป็นผู้บัญชาการแต่เดิมต่างก็กลับเป็นอิสระแล้ว”

“ทหารที่ถอยทัพกลับไปเหล่านั้นก็บอกแล้วว่าเป็นคำขอของจ้าวหิมะเหิน! จักรพรรดิเป่ยเหอรับปากแล้วว่าจะไม่โจมตีอีก”

“เป็นจ้าวหิมะเหินที่มีเมตตาต่อโลกทุกแห่ง จักรพรรดิเป่ยเหอจึงรับปากว่าจะหยุดมือ”

ข่าวคราวต่างๆ แพร่สะพัดอย่างบ้าคลั่ง

เดิมทีโลกจำนวนมากต่างก็สิ้นไร้ความหวังไปเสียแล้ว ตอนนี้จักรพรรดิเป่ยเหอถอนทัพกลับไป บ้านเกิดของพวกเขาก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบ พวกเขาก็สามารถสุขสบายเป็นอิสระดังเช่นในอดีต หลังจากที่เคย ‘สิ้นหวัง’ ไปแล้ว กลับมามีอิสรภาพใหม่ พวกเขาจึงยิ่งซาบซึ้งมากขึ้นไปอีก

เป็นที่รู้กันว่าเป็นข้อตกลงระหว่างจ้าวหิมะเหินกับจักรพรรดิเป่ยเหอ จักรพรรดิเป่ยเหอจึงได้ยอมถอยไป

ทุกฝ่ายต่างก็ซาบซึ้งหาใดเปรียบ

นี่คือบุญคุณช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่ต่อทั้งโลกบ้านเกิด! บุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่ช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของพวกเขา!

“ผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่”

“จ้าวหิมะเหินช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของพวกเรา!”

“ด้วยอุปนิสัยของจักรพรรดิเป่ยเหอ ไม่มีทางหยุดการโจมตีอย่างไม่มีเหตุมีผลหรอก ถึงอย่างไรก็เป็นอาณาเขตที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าจ้าวหิมะเหินต้องเสียสละสิ่งใดแน่”

“ขอบคุณจ้าวหิมะเหินมาก”

โลกแต่ละแห่งต่างก็ส่งพลพรรคมุ่งหน้ามายังโลกแสงดาวเพื่อคารวะ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ของพวกเขา

……

พลพรรคเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย

“จักรพรรดิ”

“จ้าวหิมะเหิน”

พลพรรคเทวทูตที่มาจากโลกต่างๆ มีจำนวนมากที่เป็นประมุขโลกสักแห่งหนึ่งนำทัพมาด้วยตนเอง ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและขอบคุณ ต่างก็มาคารวะตงป๋อเสวี่ยอิง พวกเขาแต่ละคนต่างก็ตระเตรียมของกำนัลมา! บุญคุณยิ่งใหญ่อย่างการช่วยเหลือโลกบ้านเกิด ช่วยเหลือเผ่าพันธุ์นี้… พวกเขาจะเตรียมมาน้อยนิดได้อย่างไรกัน สิ่งใดก็ตามที่รู้สึกว่ามีประโยชน์ต่อ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ที่เป็นผู้บำเพ็ญจิตโดยกำเนิด พวกเขาก็ตระเตรียมมากันเป็นอย่างดีแล้ว

เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงเผชิญกับพลพรรคที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย พบกับสมบัติล้ำค่าที่กองเป็นภูเขาเลากาแล้วกลับปากอ้าตาค้างอยู่บ้าง

“จักรพรรดิเป่ยเหอท่านนี้เจตนาพูดว่าเป็นเพราะข้าขอเอาไว้ บอกว่าเป็นเพราะข้า ก็เพื่อจะมอบน้ำใจนี้ให้แก่ข้าสินะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในความคิดของจักรพรรดิเป่ยเหอ

……………………………………………………