“หน้าไม่อาย!”
เมื่อได้เห็นร่างเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ของหลิงหยุนเย่ซิงเฉินก็ถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ นางรีบหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว และไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว
เย่ซิงเฉินใจเต้นแรงและเวลานี้นางอับอายเกินกว่าที่จะทำอะไรได้อีก..
ก่อนหน้านี้เย่ซิงเฉินตกใจอย่างที่สุดเพราะทัณฑ์อสุนีบาตชุดสุดท้ายนั้นรุนแรง และน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ทันทีที่หลิงหยุนตกลงไปในท้องทะเลเช่นนั้น นางจึงไม่ทันคิดถึงเรื่องอื่นใดนอกจากความปลอดภัยของหลิงหยุน
นางจึงพุ่งร่างลงสู่ท้องทะเลและดำดิ่งลงไปหาหลิงหยุนอย่างรวดเร็วและเพียงแค่สิบอึดใจเท่านั้น ก็สามารถตามหลิงหยุนลงไปถึงหลุมลึกก้นท้องทะเล แต่เพราะหลุมนั้นกว้างเพียงแค่สามเมตรเย่ซิงเฉินที่พุ่งตามลงไปด้วยความรวดเร็วนั้น จึงเกือบจะชนเข้ากับร่างที่เปลือยเปล่าของหลิงหยุนเข้า
ต่อให้เย่ซิงเฉินเป็นนางมารน้อยแต่นางเองย่อมมีความอับอายดังเช่นหญิงสาวทั่วไป อีกทั้งคำพูดเย้าแหย่สองแง่สามง่ามของหลิงหยุนนั้น ก็ทำให้นางอับอาจจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
เวลานี้คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าใต้ผืนน้ำของทะเลจีนตะวันออกนี้ จะมีหลุมลึกกว่าสองร้อยเมตรอยู่ที่ก้นทะเล และภายในหลุมลึกที่ไม่ต่างจากถ้ำมืดมิดแห่งนี้ จะมีชายเปลื้องผ้าล่อนจ้อนนั่งขัดสมาธิอยู่ ในขณะที่หญิงสาวก็กำลังยืนบิดไปมาด้วยความเขินอาย..
เหนือขึ้นไปห้าสิบเมตรจากปากหลุมเป็นน้ำทะเลที่ถูกแก้วจ้าวสมุทรกันไว้ไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ และภายใต้ความลึกกว่าเจ็ดร้อยเมตรนี้ ก็มีพื้นที่สีน้ำเงินที่ทั้งสว่างและเงียบสงบ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกที่ลึกลับยิ่งนัก นี่กระมังที่เรียกว่าหญิงชายอยู่ตามลำพังสองต่อสองอย่างแท้จริง!
“ฮ่าๆๆๆซิงเฉิน นี่เจ้ารู้จักอายด้วยงั้นรึ”
หลิงหยุนเห็นท่าทางเขินอายของเย่ซิงเฉินก็อดที่จะร้องถามออกไปอย่างมีความสุขไม่ได้แล้วได้แต่หยอกล้อนางต่อ
“ข้าคิดว่าเจ้าจะอายไม่เป็นเสียอีก!”
หลิงหยุนย่อมรู้ดีว่าที่เย่ซิงเฉินพุ่งตามเขาลงมานั้นก็เพราะเป็นห่วงชีวิตของเขา แต่เวลานี้เขาข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ได้สำเร็จ และนับจากนี้เขาจะแข็งแกร่งกว่าเดิมมากถึงสามเท่าเลยทีเดียว แต่ในสถานการณ์ที่หาได้ยากยิ่งเช่นนี้ หลิงหยุนจึงต้องการใช้เวลาอยู่กับเย่ซิงเฉินตามลำพังให้นานที่สุด..
“ข้าต้องรู้จักอายอยู่แล้วแต่เจ้าสิหน้าไม่อาย! ยังไม่รีบสวมเสื้อผ้าอีกรึ!”
เย่ซิงเฉินร้องตะโกนตอบโต้หลิงหยุนกลับไปโดยที่ไม่หันหลังไปมองเพราะนางรู้ดีว่าจนถึงตอนนี้หลิงหยุนยังคงนั่งขัดสมาธิล่อนจ้อนอยู่เช่นเดิม
“สวมเสื้อผ้างั้นรึ!ข้าเองก็อยากจะสวมเช่นกัน แต่เสื้อผ้าของข้าทั้งสองชุดก็ถูกฟ้าผ่าเสียหายหมดแล้ว เจ้าจะให้ข้าเอาเสื้อที่ไหนมาใส่กันเล่า? เฮ้อ..”
หลิงหยุนทำเสียงเคร่งเครียดพร้อมกับถอนหายใจออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย..
“อีกอย่างอสุนีบาตชุดสุดท้ายเมื่อครู่ก็รุนแรงมาก ซัดข้าจนตกลงมาใต้ทะเลลึกถึงเพียงนี้ ต่อให้ข้ามีเสื้อผ้าก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้อยู่ดี..”
และแน่นอนว่าหลิงหยุนพูดโกหกทั้งเพนั่นเพราะในการรับทัณฑ์อสุนีบาตชุดสุดท้ายนั้น หลิงหยุนได้เผาเซียนหยวน อีกทั้งยังสร้างโล่ลมปราณป้องกันไว้ แม้โล่ลมปราณจะถูกทำลายไป และชุดเกราะของเขาจะไหม้จนเหลือเพียงแค่เถ้าถ่าน แต่ร่างกายของหลิงหยุนกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย..
นับว่าครั้งนี้หลิงหยุนลงทุนไปกับการรับทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วไม่น้อยเลยทีเดียวและใช้เวลาในการรับทัณฑ์สวรรค์ไปร่วมสองชั่วโมงครึ่ง แต่ก็ได้รับประโยชน์กลับมาอย่างมากมายมหาศาล!
สิ่งที่หลิงหยุนสูญเสียไปก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าชุดผ้าแพรไหมทองคำและเกราะภูษา..
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่ต่อไปก็แล้วกัน..ข้าจะไปรอเจ้าด้านนอก!”
เย่ซิงเฉินอับอายเกินกว่าที่จะยืนอยู่ตามลำพังกับหลิงหยุนด้านล่างนี้และตั้งใจจะหนีออกไปด้านนอก แต่หลิงหยุนกลับร้องตะโกนห้ามไว้..
“เจ้าออกไปไม่ได้!ด้านบนเวลานี้มีศัตรูรออยู่”
จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนในตอนนี้มีรัศมีกว้างไกลถึงแปดพันเมตรอีกทั้งยังถูกพลังของอสุนีบาตบ่มเพาะอยู่นาน แม้จะอยู่ใต้ทะเลลึก แต่ก็สามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือน้ำได้อย่างชัดเจน หลิงหยุนพบว่า..เวลานี้มีคนสองคนกำลังสนทนากันอยู่ ส่วนที่เหลืออีกสามคนได้แต่นิ่งฟังอย่างเงียบๆ ทันทีที่ร่างของหลิงหยุนถูกอสุนีบาตฟาดตกลงไปในน้ำ ร่างทั้งห้าที่ปรากฏตัวขึ้นทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือห่างไปกว่าสามหมื่นเมตรนี้ ก็ได้เหาะตรงมายังตำแหน่งที่หลิงหยุนตกลงไปอย่างรวดเร็ว
คนทั้งห้านี้ต้องแข็งแกร่งมากเพียงใดจึงจะสามารถเหาะมาได้ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเสียงถึงสองเท่า และระยะทางกว่าสามสิบกิโลเมตรนี้ ทั้งห้าคนก็ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งนาที!
เวลานี้คนทั้งห้ากำลังยืนนิ่งอยู่บนท้องฟ้าเหนือท้องทะเลและต่างคนต่างก็เปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองออกขั้นสุด เพื่อสำรวจดูยังใต้ท้องทะเลด้านล่าง
“ศัตรูงั้นรึ!”
เย่ซิงเฉินแม้จะอยู่ในระดับสูงสุดขั้นซื่อเฉิงชี่แต่นางยังไม่ผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์ จิตหยั่งรู้ของนางจึงไม่สามารถมองทะลุผิวน้ำทะเลขึ้นไปได้ และดูเหมือนจะไม่เชื่อคำพูดของหลิงหยุนนัก จึงร้องถามออกมาพร้อมกับหันไปจ้องตาหลิงหยุนเพื่อจับผิด..
“คนหน้าไม่อาย..นี่เจ้ากล้าโกหกข้าเชียวรึ! เจ้าจะหลอกให้ข้าอยู่ที่นี่กับเจ้าสองต่อสองสินะ?”
เย่ซิงเฉินร้องถามหลิงหยุนออกมาอย่างไม่เชื่อนักและเกรงว่าหลิงหยุนจะหลอกให้นางอยู่ใต้น้ำกับเขาไปเรื่อยๆ
“ข้าไม่ได้โกหกเจ้านะ!ด้านบนมีคนทั้งหมดห้าคน ดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากด้วย และน่าจะแข็งแกร่งกว่าหลงเทียนฟางที่อยู่ในขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) เสียด้วย!”
“หากให้ข้าเดาจากพลังปราณของพวกมันที่ข้าสามารถสัมผัสได้สามในห้าน่าจะเป็นคนตระกูลหลง ส่วนอีกสองน่าจะเป็นคนจากเขาหลงหู่..”
หลิงหยุนร้องบอกเย่ซิงเฉินไปตามความจริงและไม่คิดที่จะโกหกนางเลยแม้แต่น้อย.. “คนตระกูลหลงกับเขาหลงหู่งั้นรึ!เช่นนั้นแล้ว.. เจ้าคิดที่จะทำเช่นใดต่อไป?”
เย่ซิงเฉินหันไปมองหลิงหยุนด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและลืมความอับอายไปเสียสิ้น เพราะความกระวนกระวายใจและกังวลใจมีมากกว่า ศัตรูทั้งห้าของหลิงหยุนเวลานี้ สามคนมาจากตระกูลหลง ส่วนอีกสองคนมาจากเขาหลงหู่ และทุกคนล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่าหลงเทียนฟาง เช่นนั้นแล้วทั้งหลิงหยุนและนางจะสามารถรับมือได้อย่างไรกัน
“จะทำเช่นใดได้อีกเล่านอกจากอยู่นิ่งๆดูท่าทีของพวกมันเสียก่อน!”
หลิงหยุนยิ้มกว้างริมฝีปากแดงฉีกออกจนเห็นฟันขาวเรียงราย จากนั้นจึงพูดต่อว่า “หากพวกมันมาเพราะทัณฑ์อสุนีบาตเหล่านั้น ก็นับว่าเป็นโชคดีพวกมันไป! แต่หากพวกมันตั้งใจมาหาเรื่องข้าโดยตรงแล้วล่ะก็ ข้าจะไม่ให้พวกมันได้รอดชีวิตกลับไปแน่..”
เย่ซิงเฉินได้แต่ตกตะลึงไปครู่ใหญ่หลังจากได้สติจึงรีบถามหลิงหยุนกลับไปทันที“หลิงหยุน.. นี่เจ้าสามารถเอาชนะพวกเขาได้แล้วงั้นรึ!”
หลิงหยุนเหลือบมองเย่ซิงเฉินพร้อมตอบกลับไปว่า“อะไรกัน! ตอนนี้ข้ารับทัณฑ์สวรรค์สำเร็จแล้ว แต่จะว่าไป.. ข้าสามารถเอาชนะพวกมันได้ตั้งแต่ก่อนรับทัณฑ์สวรรค์เสียด้วยซ้ำไป !”
“เพียงแต่ตอนนี้ร่างกายของข้ายังอ่อนแอมากและยังไม่สามารถขยับร่างกายได้..”
จากนั้นหลิงหยุนก็ยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับพูดต่อว่า“ถึงแม้ร่างกายของข้าจะอ่อนแอ แต่ก็ไม่มากนัก.. หากเจ้าเข้ามาช่วยบีบนวดไหล่ให้กับเข้า ไม่แน่ว่าข้าอาจจะฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่านี้ก็ได้.. หรือไม่ก็…”
“เจ้าอย่าได้ฝันไปเลย!”
เย่ซิงเฉินไม่โง่นางร้องตะโกนออกไปพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยสายตารู้ทัน
เวลานี้เย่ซิงเฉินเข้าใจแล้วว่าหากศัตรูที่มาแข็งแกร่งกว่าหลิงหยุนมากจริงๆ และเขาไม่สามารถรับมือได้ ป่านนี้หลิงหยุนคงรีบพานางหนีออกไปจากที่นี่แล้ว มีหรือจะมานั่งพูดคุยอยู่เช่นนี้..
“ในเมื่อศัตรูปรากฏตัวแล้วเหตุใดเจ้ายังไม่รีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปประมือกับพวกมันเล่า!”
หลังจากที่เย่ซิงเฉินพบเห็นการรับทัณฑ์สวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวจนแทบเอาชีวิตไม่รอดของหลิงหยุนมาแล้วและทำให้นางต้องวิตกกังวลอย่างที่สุด เวลานี้เมื่อเห็นหลิงหยุนปลอดภัย นางจึงต้องการเห็นหลิงหยุนออกไปบดขยี้ศัตรูของเขา..
“จะรีบร้อนใส่เสื้อผ้าไปทำไมกันแล่า”
หลิงหยุนตอบกลับไปทันทีเขาก้มหน้าลงสำรวจรูปร่างของตนเอง จากนั้นจึงยืดอกขึ้นพร้อมกับพูดต่อว่า
“เจ้าไม่คิดว่าข้าเปลือยกายเช่นนี้น่าดูบ้างเลยรึ” “อีกอย่าง..ตอนที่ข้าถูกฟ้าผ่าร่างกายล่อนจ้อน ข้าเห็นเจ้าเองก็จ้องมองข้าตาไม่กระพริบไม่ใช่รึ !”
เย่ซิงเฉินถึงกับหน้าแดงก่ำและรีบตอบโต้กลับไปทันที “ตอนนั้นมีแต่แสงของสายฟ้าสว่างไสวเต็มไปหมด จนข้าเองมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากแสงสว่างจ้าพวกนั้น..”
หลิงหยุนกรอกตาไปมา..“ข้าไม่เชื่อ.. เพราะแต่ละครั้งที่ทัณฑ์อสุนีบาตสิ้นสุดลง ก็จะทิ้งช่วงระยะเวลาครู่หนึ่ง เจ้าไม่เห็นเลยจริงๆรึ”
เย่ซิงเฉินยังคงโต้เถียงอย่างไม่ยอมแพ้“ข้าอยู่ไกลมากจึงมองไม่เห็นอะไร!”
“ข้าไม่ได้หมายถึงเห็นด้วยสายตาของเจ้านี่!”
ในที่สุดเย่ซิงเฉินก็ได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับหัวเราะออกมา“เฮ้อ.. ข้าไม่จ้องมองสิ่งที่น่าเกลียดให้เสียสายตาข้าหรอกน่า!”
หลิงหยุนยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“คนสวย.. ข้าเพิ่งจะรับทัณฑ์สวรรค์สำเร็จ ได้โปรดซื่อสัตย์ และพูดความจริงด้วย..”
“นี่..เจ้าจะบีบคั้นข้าให้ได้งั้นรึ!”
เย่ซิงเฉินจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับเรียกโทรศัพท์มือถือออกมา“เจ้าอย่าลืมว่าข้ามีโทรศัพท์ที่สามารถบันทึกภาพเปลือยเปล่าของเจ้าตอนนี้ได้ หากเจ้ายังไม่เลิกคาดคั้นข้า ข้าจะบันทึกภาพของเจ้า และนำไปเผยแพร่ในโลกอินเทอร์เน็ตให้ผู้คนได้เห็นกันทั่ว..”
และนี่นับเป็นคำพูดที่สยบหลิงหยุนได้อยู่หมัด!
“ซิงเฉิน..ข้าผิดไปแล้ว!”
หลิงหยุนรีบยกมือขึ้นประสานกันพร้อมกับยอมรับสารภาพผิดกับเย่ซิงเฉินจากนั้นจึงเรียกเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาจากแหวนของตน แล้วรีบสวมทันที
ในที่สุดเย่ซิงเฉินก็เป็นฝ่ายเอาชนะหลิงหยุนจนได้นางได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะออกมา “หึ.. นี่เจ้าคงคิดว่าข้าจะไม่มีวิธีจัดการกับเจ้าสินะ!”
….
บนท้องฟ้าเหนือผืนน้ำในทะเลคนทั้งห้ายังคงยืนนิ่งอยู่บนท้องฟ้าเนิ่นนาน พวกเขาต่างก็หันไปมองหน้ากันพร้อมกับส่ายหน้า และหนึ่งในนั้นก็พูดขึ้นว่า
“ทัณฑ์อสุนีบาตชุดสุดท้ายฟาดลงไปกลางทะเลจนเป็นหลุมลึกแต่ข้ากลับสำรวจไม่พบสิ่งใด”
จากนั้นชายสวมเสื้อคลุมในแบบนักพรตเต๋าก็พูดต่อว่า“ผู้ที่เพิ่งรับทัณฑ์สวรรค์ไปเมื่อครู่ ต้องเป็นหลิงหยุนแน่!”
หลงลั่วอวี๋หันไปมองชายในชุดนักบวชพร้อมกับพูดขึ้นอย่างมั่นใจ“ท่านนักบวชเล่ยถิง ทัณฑ์อสุนีบาตชุดสุดท้ายนั้น แม้แต่เจ้ากับข้ายังยากที่จะผ่านไปได้ ต่อให้หลิงหยุนไม่ตาย แต่ตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของมันอ่อนแอที่สุดทีเดียว!”