หลงลั่วอวี๋พูดออกไปเช่นนั้นแล้วจึงหยุดไปเล็กน้อยเขาจ้องมองไปยังยอดฝีมืออีกสี่คน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น..
“หลังคืนงานชุมนุมชาวยุทธหลงเทียนฟางได้ประมือกับหลิงหยุน ทำให้ตระกูลหลงของข้ามีโอกาสได้ล่วงรู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมัน และได้เห็นไพ่ในมือของมันมาแล้ว!”
“ขอบอกทุกท่านตามตรง..ข้าหลงลั่วอวี๋หาใช่ต้องการที่จะเอาชีวิตของเขาให้ได้เพื่อความยิ่งใหญ่ของตระกูลหลง แต่เป็นเพราะหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งมากขึ้นทุกวันจนน่ากลัว!”
“แม้แต่เทียนฟางหลานชายของข้าซึ่งฝึกฝนจนได้กายามังกรที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังยับยั้งขั้นพลังของตนมานานหลายปี ในคืนที่ประมือกับหลิงหยุนถึงกับต้องพัฒนาขั้นพลังของตนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6)..”
“ในขณะที่หลิงหยุนอยู่เพียงแค่ขั้นซานเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-3) แต่กลับกล้าที่จะประมือกับเทียนฟางโดยไม่หวาดหวั่น และไม่ว่ากายเนื้อหรือพลังจิตของเขาในครั้งนั้น กลับไม่ได้ด้อยไปกว่าเทียนฟางเลย..”
“และจากคำบอกเล่าของเทียนซินหลิงหยุนมีไพ่ในมือที่น่ากลัวอยู่มากมาย โดยเฉพาะหอกมังกรทอง ที่แม้แต่เทียนฟางซึ่งพัฒนาพลังของตนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่แล้ว ก็ยังไม่อาจรับมือได้ อีกทั้งเมื่อครั้งที่ประมือกับหลงฮ่าวเฉียนลูกชายคนโตของข้า เขาก็ยังสามารถเสกกระบี่สีทองอร่ามแทงทะลุหน้าอกลูกชายข้า จนได้รับบาดเจ็บสาหัส”
หลงลั่วอวี๋ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ“หลิงหยุนยังอายุน้อยเพียงเท่านี้ แต่กลับสามารถแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆจนน่ากลัว และดูเหมือนจะยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ตระกูลหลงของข้าสืบสายเลือดมาหลายพันปี การที่ตระกูลหลงจะได้เป็นตระกูลยิ่งใหญ่ในประเทศนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด..”
“แต่เด็กหลิงหยุนนี่กลับไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำกล้าทำร้ายคนตระกูลหลงของข้าจนได้รับบาดเจ็บถึงสองคน มิหนำซ้ำยังต้องการเหยียบตระกูลหลงไว้ใต้ฝ่าเท้า การกระทำเช่นนี้ข้าไม่อาจยอมรับได้จริงๆ!”
หลงลั่วอวี๋ก้มลงมองไปยังผืนน้ำทะเลเบื้องล่าง“ท่านนักบวชจาง ท่านนักบวชเล่ยถิง พวกท่านสองคนลองใคร่ครวญดูว่า ก่อนที่หลิงหยุนจะรับทัณฑ์สวรรค์ เขายังแข็งแกร่งจนน่ากลัวถึงเพียงนั้น แต่นี่เขารับทัณฑ์สวรรค์สำเร็จแล้ว พวกท่านคิดว่าจากนี้ไปจะมีผู้ใดบนผืนแผ่นดินจีนที่จะสามารถหยุดเขาได้อีกเล่า”
เหนือท้องทะเลเวลานี้หลงลั่วอวี๋ หลงจ้าวเจียง หลงจ้าวไห่แห่งตระกูลหลง เล่ยถิงนักบวชฝ่ายชางจิงกงจากเขาหลงหู่ และจางหลู่เอวี๋ยนนักบวชฝ่ายเทียนชี่ฝูที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น มีเพียงหลงจ้าวเจียงกับหลงจ้าวไห่เท่านั้นที่อยู่ในระดับกลางขั้นปาเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-8) ส่วนที่เหลืออีกสามคนล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับสูงสุดขั้นปาเฉิงชี่แล้วทั้งสิ้น
การที่ทั้งห้าคนปรากฏตัวขึ้นที่นี่นั้นแน่นอนว่าสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะนักบวชทั้งสองฝ่ายจากเขาหลงหู่ ได้ถูกหลิงหยุนสังหารตายในงานชุมนุมชาวยุทธ
นักบวชเล่ยถิงฝ่ายชางจิงกงนั้นสวมชุดเสื้อคลุมแบบนักบวชสีม่วงส่วนนักบวชจางหลู่เอวี๋ยนนั้นสวมชุดคลุมสีเหลืองคล้ายหลวงจีน..
แม้ว่างานชุมนุมชาวยุทธจะสิ้นสุดลงแล้วแต่นักบวชทั้งสองฝ่ายต่างก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายไปมากมาย ทำให้ทั้งนักบวชเล่ยถิงและนักบวชจางหลู่เอวี๋ยนไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้
ส่วนตระกูลหลงนั้นก็สูญเสียไปไม่น้อยไม่เพียงพวกเขาต้องปล่อยให้มังกรหลุดมือไปถึงสองตัว แม้แต่หลงฮ่าวเฉียนยังได้รับบาดเจ็บสาหัส และเวลานี้ก็ยังไม่ได้สติ ส่วนหลงเท่านั้นที่อยู่ในระดับกลางขั้นปาเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-8) ส่วนที่เหลืออีกสามคนล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับสูงสุดขั้นปาเฉิงชี่แล้วทั้งสิ้น
การที่ทั้งห้าคนปรากฏตัวขึ้นที่นี่นั้นแน่นอนว่าสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะนักบวชทั้งสองฝ่ายจากเขาหลงหู่ ได้ถูกหลิงหยุนสังหารตายในงานชุมนุมชาวยุทธ
นักบวชเล่ยถิงฝ่ายชางจิงกงนั้นสวมชุดเสื้อคลุมแบบนักบวชสีม่วงส่วนนักบวชจางหลู่เอวี๋ยนนั้นสวมชุดคลุมสีเหลืองคล้ายหลวงจีน..
แม้ว่างานชุมนุมชาวยุทธจะสิ้นสุดลงแล้วแต่นักบวชทั้งสองฝ่ายต่างก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายไปมากมาย ทำให้ทั้งนักบวชเล่ยถิงและนักบวชจางหลู่เอวี๋ยนไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้
ส่วนตระกูลหลงนั้นก็สูญเสียไปไม่น้อยไม่เพียงพวกเขาต้องปล่อยให้มังกรหลุดมือไปถึงสองตัว แม้แต่หลงฮ่าวเฉียนยังได้รับบาดเจ็บสาหัส และเวลานี้ก็ยังไม่ได้สติ ส่วนหลงเท่านั้นที่อยู่ในระดับกลางขั้นปาเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-8) ส่วนที่เหลืออีกสามคนล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับสูงสุดขั้นปาเฉิงชี่แล้วทั้งสิ้น
การที่ทั้งห้าคนปรากฏตัวขึ้นที่นี่นั้นแน่นอนว่าสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะนักบวชทั้งสองฝ่ายจากเขาหลงหู่ ได้ถูกหลิงหยุนสังหารตายในงานชุมนุมชาวยุทธ
นักบวชเล่ยถิงฝ่ายชางจิงกงนั้นสวมชุดเสื้อคลุมแบบนักบวชสีม่วงส่วนนักบวชจางหลู่เอวี๋ยนนั้นสวมชุดคลุมสีเหลืองคล้ายหลวงจีน..
แม้ว่างานชุมนุมชาวยุทธจะสิ้นสุดลงแล้วแต่นักบวชทั้งสองฝ่ายต่างก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายไปมากมาย ทำให้ทั้งนักบวชเล่ยถิงและนักบวชจางหลู่เอวี๋ยนไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้
ส่วนตระกูลหลงนั้นก็สูญเสียไปไม่น้อยไม่เพียงพวกเขาต้องปล่อยให้มังกรหลุดมือไปถึงสองตัว แม้แต่หลงฮ่าวเฉียนยังได้รับบาดเจ็บสาหัส และเวลานี้ก็ยังไม่ได้สติ ส่วนหลงเทียนฟางหลานชายสุดที่รักของหลงลั่วอวี๋นั้น เวลานี้เป็นตายเช่นใดก็ยังไม่อาจรู้ได้..
หลงลั่วอวี๋ไม่เพียงนำลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนออกค้นหลงเทียนฟางในทะเลสาบผอหยางแต่ยังขอให้นักบวชเล่ยถิงกับนักบวชจางหลู่เอวี๋ยนช่วยกันค้นหาด้วย ทั้งห้าคนช่วยกันตามหาหลงเทียนฟางนานถึงสองวันเต็มๆ แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของเขา
แม้ว่าหลงลั่วอวี๋จะกระวนกระวายใจมากเพียงใดแต่ก็หยุดการค้นหาไว้ชั่วคราว และได้ตัดสินใจไปเมืองจิงฉูเพื่อที่จะนำหินมังกรเขียวที่หลงเทียนซินบอกกลับไปตระกูลหลง
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเวลาสองวันที่เขาใช้ตามหาร่างของหลงเทียนฟางนั้น จะทำให้เขาไปช้าเพียงแค่หนึ่งก้าว เพราะเมื่อหลงลั่วอวี๋ลงไปใต้หลุมยักษ์ เขากลับพบว่าค่ายกลกำแพงศิลาที่หลงเทียนฟางสร้างไว้นั้นได้ถูกทำลายลงแล้ว และหินมังกรเขียวก็ถูกคนนำออกไปแล้วเช่นกัน จากนั้นหลงลั่วอวี๋จึงเข้าไปภายในถ้ำค้างคาวดูดเลือด แต่ก็ต้องพบว่าพลังหยินและหยางภายในดวงตาค่ายกลหยินและหยางนั้น ได้อันตธานหายไปจนหมดสิ้น
นั่นเพราะหลิงหยุนได้ใช้พลังหยินและหยางภายในดวงตาค่ายกลทั้งสอง ไปกับพัฒนาขั้นพลังของตนเองจนหมด จากนั้นจึงได้ออกเดินทางไปยังทะเลจีนตะวันออกพร้อมเย่ซิงเฉินเพื่อรับทัณฑ์สวรรค์
หลงลั่วอวี๋รู้ตัวทันทีว่าตระกูลหลงจะค่อยๆถดถอยลงไปทีละก้าวหากหลิงหยุนยังมีชีวิตอยู่ เมื่อคิดได้เช่นนี้จึงได้ตัดสินใจชักชวนคนที่เหลือทั้งหมดออกจากหลุมยักษ์ไป และเป็นเวลาเดียวกันกับที่ทัณฑ์เมฆาดำทะมึนได้ลอยมุ่งหน้าไปทางทะเลจีนตะวันออกพอดี..
ยอดฝีมือทั้งห้าคนต่างก็รู้ดีว่าทัณฑ์เมฆาดำทะมึนนี้ลอยไปตามร่างของหลิงหยุนนั่นเอง แต่ที่ทำให้พวกเขาทั้งห้าตกใจอย่างที่สุดนั้น ก็คือความเร็วในการเคลื่อนที่ของทัณฑ์เมฆานั้น แม้แต่พวกเขายังเหาะตามไปแทบไม่ทัน..
นอกจากความเร็วที่น่าอัศจรรย์ยิ่งแล้วทั้งหมดที่เหาะตามทัณฑ์เมฆาไปนั้น ยังไม่พบร่างของหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย หลงลั่วอวี๋ที่คิดขึ้นมาได้ว่า หลิงหยุนน่าจะไปตามเส้นทางในแม่น้ำที่อยู่ใต้หลุมยักษ์นั่น ก็ต้องถึงกับตกใจอย่างที่สุดอีกครั้ง
หลังจากที่คนทั้งห้าได้เหาะตามไปถึงทะเลจีนตะวันออกนั้นพวกเขาก็พบอสุนีบาตหลายสายที่ฟาดลงมาบนผืนดิน และรู้ได้ทันทีว่าหลิงหยุนเริ่มทำการรับทัณฑ์สวรรค์แล้ว จึงไม่กล้าที่จะเข้าไปในรัศมีของทัณฑ์เมฆา และได้แต่เหาะอยู่ห่างๆไม่กล้าเข้าใกล้ แล้วรอจนกระทั่งหลิงหยุนรับทัณฑ์สวรรค์เสร็จสิ้น..
หลังจากที่ได้ฟังความคิดเห็นของหลงลั่วอวี๋นักบวชทั้งสองฝ่ายก็ได้แต่แอบสื่อสารกันผ่านทางกระแสจิต
–ท่านจาง..ฟังจากที่หลงลั่วอวี๋พูด ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะไม่คำนึงถึงฐานะและความเป็นอาวุโสของตนเองแม้แต่น้อย ปรารถนาที่จะสังหารหลิงหยุนให้จงได้!–
–ข้าเองก็คิดเช่นนั้นในเมื่อหลิงหยุนแข็งแกร่งขึ้นรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์เช่นนี้ตระกูลหลงย่อมไม่สามารถทนนิ่งเฉยต่อไปได้ แม้พวกเราทั้งหมดจะมีศัตรูคนเดียวกันก็จริง แต่การที่พวกเราทั้งห้าคนจะร่วมมือกันจัดการกับคนที่เด็กกว่า อีกทั้งยังอ่อนแอกว่าเช่นนี้ มันจะเป็นการดีรึ!–
จางหลู่เอวี๋ยนเองก็สูญเสียนักบวชในสำนักไปพร้อมกันถึงสี่คนแต่ก็ยังคงลังเลกับวิธีการของหลงลั่วอวี๋..
–ข้าว่าไม่ดีแน่..-
นักบวชเล่ยถิงรู้สึกกระดากใจกับวิธีการที่น่าอายเช่นนี้จึงได้แต่เอ่ยออกมาเขายังคงนึกถึงฐานะของตนเองไม่น้อย..
–แม้นักบวชฝ่ายชางจิงจะตายด้วยน้ำมือของหลิงหยุนไปมากมายแต่หากต้องการจะแก้แค้น ก็ควรต้องทำตามกฏของยุทธภพ การกระทำเช่นนี้ อาจนำหายนะใหญ่หลวงมาสู่พวกเราได้..-
นักบวชเล่ยถิงนั้นบ่มเพาะตนตามหลักเต๋ามานานย่อมมีจิตใจที่เข้าถึงกฏธรรมชาติได้ดี จึงมิได้สนใจเพียงแค่เรื่องชีวิตและความตายเท่านั้น แต่ยังคงระลึกถึงความบริสุทธิ์และถูกต้องด้วย!
หากวันนี้พวกเขาลงมือกับหลิงหยุนในช่วงเวลาที่เขาอ่อนแอที่สุดเช่นนี้วันหน้าชาวยุทธอาจตราหน้าและตำหนิพวกเขาว่า รังแกข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า..
นักบวชเล่ยถิงและนักบวชจางหลู่เอวี๋ยนต่างก็เป็นผู้บ่มเพาะตนตามแนวเต๋า และเข้าสู่ขั้นปาเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-8) แล้ว มีหรือที่จะไม่ใคร่ครวญถึงกาลควรไม่ควร..
“พวกเจ้าสองคนรีบลงไปสำรวจดูใต้ท้องทะเลก่อนดูว่าหลิงหยุนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
“หากไม่ตายต้องพบคนแต่หากตายต้องพบศพ!”
หลังจากที่พบว่านักบวชทั้งสองยังคงลังเลไม่ตัดสินใจหลงลั่วอวี๋จึงร้องตะโกนบอกลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนให้รีบลงไปสำรวจดูใต้ท้องทะเลเสียก่อน เพราะเกรงว่าหากหลิงหยุนฟื้นคืนกำลังบ้างแล้ว ก็จะรีบอาศัยจังหวะนี้หลบหนีไปเสียก่อน เมื่อหลงจ้าวเจียงและหลงจ้าวไห่ได้ยินคำสั่งของหลงลั่วอวี๋ทั้งสองคนต่างก็รีบยักหน้ารับคำสั่งทันที เพราะรอคอยเวลานี้มานานแล้ว อีกอย่าง.. พวกเขาทั้งคู่ต่างก็รู้สึกหงุดหงิด และไม่พอใจกับท่าทีลังเลของนักบวชทั้งสอง จึงรีบพุ่งลงท้องทะเลไปทันที!
……
“แย่แล้ว!”
เมื่อได้ยินว่าจะมีคนลงมาสำรวจที่ใต้ท้องทะเลเย่ซิงเฉินก็หันไปมองหน้าหลิงหยุนทีเวลานี้สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับร้องตะโกนถามออกไปด้วยความกังวล แต่แล้วก็ถึงกับต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เมื่อเห็นชุดที่หลิงหยุนใส่..
เย่ซิงเฉินเชื่อว่าในแหวนจักรวาลของหลิงหยุนนั้นต้องมีเสื้อผ้าอยู่มากมายหลายชุดแต่เขากลับเลือกที่จะใส่ชุดนี้!
เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขายาวสีดำ และรองเท้าหนังมันวับ! ไม่เพียงเท่านั้น..หลิงหยุนยังเรียกเสื้อสูทออกมา และให้เย่ซิงเฉินช่วยใส่ให้อีกด้วย
“นี่เจ้าไม่สบายงั้นรึ!”เย่ซิงเฉินร้องถามออกมาด้วยความงุนงง
“ทำไมรึ!”หลิงหยุนหันไปยิ้มกว้างให้กับเย่ซิงเฉินพร้อมกับขยิบตาให้นาง และถามต่อว่า
“ชุดนี้ไม่หล่องั้นรึ!”
เย่ซิงเฉินถึงกับถอนหายใจออกมา“เฮ้อ.. หล่อสิ! แต่เวลานี้ศัตรูอยู่บนศรีษะของเจ้า เจ้าแต่งตัวเช่นนี้ไม่คิดหรือว่ามันไม่เหมาะกับสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย! ”
เย่ซิงเฉินช่วยหลิงหยุนใส่สูทอย่างพิถีพิถันจนเรียบร้อยในขณะที่ปากก็บ่มพึมพำไม่หยุด..
“นี่..จัดการกับพวกมันทั้งห้าคน ข้าก็แค่ใช้สามหมัดจัดการกับสามคน และฝ่าเท้าสองข้างจัดการกับอีกสองคน เพียงแค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว! อีกอย่าง.. หลังจากนี้ข้าก็ต้องรีบกลับจิงฉูจะได้ไม่เสียเวลาแต่งตัวใหม่ ฮ่าๆๆๆ”
หลิงหยุนพูดจบก็หัวเราะเสียงดังจากนั้นจึงถอนจิตหยั่งรู้ของตนเองซึ่งใช้วิชาเคลื่อนย้ายธาตุปกปิดไว้กลับมา และหลิงหยุนก็ได้ล่วงรู้บทสนทนาของนักบวชทั้งสองที่แอบสื่อสารกันผ่านทางจิต
หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีกเพราะรู้ว่าอีกไม่นานหลงจ้าวเจียงกับหลงจ้าวไห่ ก็จะมาถึงก้นทะเลที่เขาอยู่แล้ว
“นี่..พวกเจ้าทั้งสองคนไม่ต้องเสียเวลาค้นหาก็ได้ ข้าอยู่ที่นี่แล้ว!”
ในระหว่างนั้นหลิงหยุนก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังผืนน้ำเบื้องบน พร้อมกับใช้มังกรคำรามร้องบอกคนทั้งสองที่กำลังดำลงเพื่อค้นหาตนเองทันที!
หลงจ้าวเจียงและหลงจ้าวไห่ต่างก็ดำลงมาถึงปากหลุมใต้ท้องทะเลแล้วแต่เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนของหลิงหยุน พวกเขาทั้งสองคนก็ถึงกับตกใจอย่างมาก และได้แต่คิดในใจว่า หลิงหยุนควรจะต้องอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมากไม่ใช่รึ!
แต่เมื่อภายใต้จิตหยั่งรู้ของพวกเขาพบภาพของหลิงหยุนเวลานี้ทั้งสองคนถึงกับชะงัก และไม่กล้าดำเข้าไปในหลุมลึกอีกเลย และได้แต่หยุดอยู่ที่ปากหลุมอย่างระมัดระวัง เพราะสภาพของหลิงหยุนเวลานี้ไม่เหมือนผู้ที่อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย..
และทันทีที่หลงลั่วอวี๋ซึ่งอยู่บนท้องฟ้าพบว่าหลิงหยุนปรากกฏตัวแล้ว เขาก็ไม่รอช้ารีบใช้วิชามังกรดำน้ำดำดิ่งลงไปใต้ท้องทะเลทันที และไปหยุดอยู่ที่ีหน้าปากหลุม
พลังปราณในขั้นปาเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-8) ระดับสูงสุดของหลงลั่วอวี๋นั้น ไม่ได้ทำให้หลิงหยุนรู้สึกตกใจและหวาดกลัวได้เลยแม้แต่น้อย และที่เขารีบรุดดำดิ่งลงมานั้น ก็เพราะเกรงว่าหลิงหยุนจะฉวยโอกาสหนีไปเสียก่อน จึงต้องรีบมาดักไว้
“หลิงหยุน..ข้าหลงลั่วอวี๋แห่งตระกูลหลงอยู่ที่นี่แล้ว หากเจ้ากล้า ก็ออกมาสู้กับข้าด้านนอก!”
ยอดฝีมือทั้งสามแห่งตระกูลหลงนั้นไม่ได้หวาดกลัวที่จะประมือกับหลิงหยุนใต้น้ำ เพียงแค่พื้นที่ในหลุมนั้นค่อนข้างแคบ ไม่สะดวกที่พวกเขาทั้งสามจะเข้าไปต่อสู้กันด้านใน
หลิงหยุนทำเสียงขึ้นจมูกอย่างเย้ยหยันเขาคว้าแก้วจ้าวสมุทรมาจากมือของเย่ซิงเฉิน จากนั้นจึงเหาะนำทุกคนขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที!
ครืน..
เพียงแค่อึดใจเดียวเสาน้ำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเหนือท้องทะเลทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างของหลิงหยุนและเย่ซิงเฉินซ่อนอยู่ภายในเสาน้ำขนาดใหญ่นี้ และหาได้สนใจกับยอดฝีมือของตระกูลหลงทั้งสามคนที่ยังคงอยู่ใต้ทะเล
หลังจากที่ขึ้นจากน้ำทะเลได้แล้วหลิงหยุนก็จัดการเก็บแก้วจ้าวสมุทรเข้าไปในแหวนจักรวาลทันที จากนั้นก็พาร่างของเย่ซิงเฉินทะยานออกจากเสาน้ำขนาดใหญ่ ไปเผชิญหน้ากับนักบวชอาวุโสทั้งสองกลางอากาศ
เสียงเสาน้ำขนาดใหญ่ร่วงลงตกกระทบกับพื้นผิวของท้องทะเลจนน้ำแตกกระจายกระเด็นออกไปไกล และเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ..
นักบวชทั้งสองแห่งชางจิงกงและเทียนชี่ฝูต่างก็จ้องมองภาพที่เห็นตรงหน้าด้วยความตกตะลึง!