เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา เปิดอ่านเนื้อหาด้านใน สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นำกระดาษส่งให้พระชายาโดยไม่กล่าวอะไร เงยหน้าถามหวงฝู่เย่าเย่ว์ “เจ้าไปพบเขาแล้วอย่างนั้นหรือ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้า จากนั้นส่ายหน้า “ข้าออกไปแล้ว แต่ยังไม่ถึงโรงน้ำชา ข้าคิดว่าไม่เหมาะสม จึงได้กลับมาเจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนขึ้น ลูบหัวนาง “เย่ว์เอ๋อร์ทำดีมากลูก เจ้ามิต้องเป็นกังวลไป เรื่องนี้ให้พ่อกับแม่จัดการเอง”
หวงฝู่เย่าเย่ว์อ้าปากเล็กน้อย ต้องการพูดบางอย่าง “ข้า…”
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่ง “เมิ่งเอ๋อร์ เจ้าอยู่ห้องข้างๆ เป็นเพื่อนเย่ว์เอ๋อร์”
หวงฝู่สือเมิ่งรับคำ ยืนขึ้น สิ่งที่หวงฝู่เย่าเย่ว์ตั้งใจจะพูดจึงได้ถูกกลืนไป หันหลังเดินตามหวงฝู่สือเมิ่งกลับห้องของตนไปเงียบๆ
พระชายากำกระดาษในมือ ใจอยากจะขยำให้เละ “ไปเรียกเสด็จพ่อและเซวียนเอ๋อร์มา พวกเราต้องคุยเรื่องนี้กัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกทั้งสองเข้ามา
พระชายายื่นกระดาษให้อ๋องฉี
อ๋องฉีอ่านจบ สีหน้าเคียดแค้นถึงที่สุด
หวงฝู่อี้เซวียนอ่านจบ ไม่ได้กล่าวอะไร ยืนขึ้นเดินออกไปด้านนอก
“อี้เซวียน ข้าจะไปกับเจ้า” เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจความหมายของเขา พูดพร้อมเดินออกไปด้านนอก
“พวกเจ้าทั้งสองหยุดเดี๋ยวนี้!” อ๋องฉีเรียกทั้งสอง
ทั้งสองหยุดฝีเท้าลง หันกลับมา
อ๋องฉียืนขึ้นแล้ว ยื่นมือไปให้พระชายา “พวกเราทั้งสองไปเอง เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเรา ให้พวกเราไปจัดการเองดีกว่า”
“เสด็จพ่อ ข้าและโยวเอ๋อร์ไปเอง ครานี้ต้องสู้กันจนถึงจุดที่พวกมันจะไม่กล้าเข้ามาเหยียบรัฐอู่อีกแม้แต่ครึ่งก้าว” ไฟในใจของหวงฝู่อี้เซวียนลุกโชนขึ้น มือกำมัดแน่น ท่าป๋ามีบุญคุณกับเรา พวกเราจำใส่ใจ หากภายหน้ามีโอกาสจะต้องตอบแทน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขามีความหมายอื่นแฝง ใช้วิธีชั้นต่ำเช่นนี้หลอกล่อลูกสาวของตน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตนรับไม่ได้ที่จะให้ลูกสาวออกเรือนไปที่ไกลเช่นนั้น เพียงแค่ท่าป๋าเป็นถึงฮ่องเต้แห่งรัฐ ทราบดีว่าทำเช่นนี้จะทำลายชื่อเสียงของเย่ว์เอ๋อร์ได้ แต่กลับยังทำ เห็นชัดว่าใจคิดไม่ซื่อ ไม่ได้คิดถึงชื่อเสียงของเย่ว์แม้แต่น้อย
“อย่างไรเสียเขาก็มีบุญคุณกับเรา หากเราทำเช่นนี้กับเขา จะถูกผู้อื่นวิจารณ์เอาได้ พวกเจ้าอย่าสนใจ ข้ากับแม่ของเจ้าจะไปคุยกับเขาดีๆ เจรจาก่อนลงมือ หากไม่ได้ พวกเจ้าออกหน้าใช้กำลัง พ่อจะไม่เข้าไปยุ่ง”
พระชายาเห็นด้วย “เสด็จพ่อของเจ้าพูดถูก ไม่ว่าเขาจะมีเป้าหมายใดในตอนแรก ใช้คนไปเท่าใด แต่เรื่องที่เขาช่วยเรานั้นเป็นเรื่องจริง บุญคุณช่วยชีวิตลบล้างกันมิได้”
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวจนปัญญา พาพวกเขาออกจากโรงเตี๊ยม ยืนอยู่ที่เดิม มองทั้งสองเดินไปยังโรงน้ำชา
ท่าป๋าหั่นหลินยังคงจมอยู่กับความตกใจที่หวงฝู่เย่าเย่ว์เดินกลับไป ยังไม่ได้สติกลับคืนมา ลูกน้องของเขาเห็นทั้งสองเดินเข้ามา จึงได้รีบเตือนเขา “เจ้านายขอรับ อ๋องฉีและพระชายามาแล้วขอรับ มาหาเรื่องพวกเราใช่หรือไม่ขอรับ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์กลับไป อ๋องฉีเดินมา ไม่ต้องคิด ก็รู้ได้ว่าหวงฝู่เย่าเย่ว์บอกพวกเขาแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้ไปแอบ พวกเขาก็คงต้องตามหาทั้งเมือง นอกเสียจากตนจะกลับรัฐอิงไป มิเช่นนั้นไม่นานก็คงถูกพวกเขาจับได้ ถึงตอนนั้นอย่างไรก็ต้องเจรจากัน ท่าป๋าหั่นหลินมองดูอ๋องฉีและพระชายาค่อยๆ เดินเข้ามา กลับไปนั่งท่าสบายดังเดิม นั่งลงบนตั่ง สั่งว่า “ลงไป ไปรับทั้งสองท่านขึ้นมา ข้าจักดูว่า พวกเขาจะทำอะไร”
ลูกน้องรับคำ เดินลงไปด้านล่างด้วยความรวดเร็ว เมื่อทั้งสองเดินมาถึงหน้าประตูโรงน้ำชา จึงได้เรียนเชิญทั้งสองขึ้นไปชั้นสองด้วยความนอบน้อม
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าพวกเขาเดินขึ้นมา ท่าป๋าหั่นหลินยืนขึ้น เก็บสีหน้าสบายใจของตน เปลี่ยนเป็นสีหน้าเคารพ “ท่านอ๋อง พระชายามาหาท่าป๋าถึงที่ มีเรื่องอะไรหรือขอรับ”
เพียะ! อ๋องฉีวางกระดาษลงบนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
แววตาของท่าป๋าหั่นหลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยว่า “ใจของท่าป๋า ได้แสดงชัดเจนไปแล้วเมื่อครั้งได้เข้าเฝ้าฝ่าบาทรัฐอู่ เพียงแต่ท่านอ๋องมิเต็มใจ ข้าจึงได้วางแผนนี้ ขอท่านอ๋องได้โปรดอภัยด้วย”
อ๋องฉีมองเขาด้วยแววตาเฉียบคม ขณะที่ท่าป๋าหั่นหลินคิดว่าเขากำลังจะลงมือนั้น อ๋องฉีหยิบกริชออกมาจากชายเสื้อของตน วางบนโต๊ะ “เจ้ามีบุญคุณกับเรา ข้าหวงฝู่จิ้งจำใส่ใจ แต่หากเจ้าต้องการสู่ขอหลานสาวของข้านั้นคงมิได้ วันนี้ข้าทั้งสองต้องการชดใช้บุญคุณครั้งนี้ให้เจ้า เจ้าต้องการเงิน หรือต้องการชีวิตพวกเรา เลือกมาอย่างหนึ่งเถอะ”
ท่าป๋าหั่นหลินชะงักไป มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “ท่านอ๋อง ท่าน…”
“หากต้องการเงิน เจ้าว่ามาเลย ไม่ว่าจำนวนเท่าใด ข้าอ๋องฉีจะหามาให้เจ้า หากต้องการชีวิต วันนี้ข้าจะชดใช้ให้เจ้า ภายหน้าเจ้าและพวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
คำเหล่านี้พูดออกมาอย่างหนักแน่น สงบ ไร้ซึ่งความลังเล
พระชายายืนนิ่งอยู่ข้างเขาไม่พูดอะไร แต่จากสีหน้าของนางสามารถมองออกว่า นางเห็นด้วยกับการกระทำของเขา
ท่าป๋าหั่นหลินงุนงง เงิน? ข้าเป็นถึงกษัตริย์แห่งรัฐ มีมากมายนัก ส่วนชีวิตของทั้งสองคน ข้าไม่กล้าเอามา หากเข้าปลิดชีวิตทั้งสอง ใช้เวลาไม่ถึงเดือน เกรงว่าโลกใบนี้คงจะไม่มีรัฐที่ชื่อว่ารัฐอิงหลงเหลืออยู่อีกต่อไป แต่หากไม่สามารถเสนอเงื่อนไขได้ วันนี้ก็คงออกจากโรงน้ำชาไปไม่ได้ บัดนี้ เขารู้ตัวแล้ว ว่าตนได้ทำความผิดมหันต์ลงไป เขาไม่ควรใช้วิธีเช่นนี้เลย
เขาเงียบไม่พูดจา อ๋องฉีไม่เร่งเร้า ยืนรอที่เดิม รอคำตอบจากเขา
นานแสนนาน ท่าป๋าหั่นหลินโน้มเอวลงเล็กน้อย ท่าทีจริงใจ น้ำเสียงจริงจัง “ท่านอ๋อง พระชายา เป็นความผิดของท่าป๋าเอง บัดนี้ท่าป๋าให้สัญญากับพวกท่าน ว่าต่อจากนี้จะไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ขอท่านทั้งสองได้โปรดอภัยด้วย”
อ๋องฉีไม่พูดไม่จา ไม่พูดว่าดีหรือไม่ดี
ท่าป๋าคิดเล็กน้อย จึงได้พูดต่อว่า “ท่านอ๋องวางใจเถิดขอรับ นับจากวันนี้ไป ท่าป๋าจะกลับรัฐอิงทันที จากนี้จะไม่เข้ามารัฐอู่โดยพลการอีก ส่วนท่านหญิงน้อยเย่ว์เอ๋อร์ รอให้ถึงเวลาเสียก่อนแล้วข้าค่อยมาสู่ขอ หวังว่าถึงตอนนั้นท่านอ๋องจะไม่ห้ามปราม”
ห้องส่วนตัวเงียบสงัด
ครู่ใหญ่ อ๋องฉีจึงได้เอ่ยขึ้น “จวนอ๋องของเรามิเคยหวังให้เย่ว์เอ๋อร์ออกเรือนไปไกล แต่ว่าเจ้าเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตเรา ข้าจะให้โอกาสเจ้า รอเย่ว์เอ๋อร์พร้อมแล้ว เจ้ามาสู่ขอ หากนางตกลง พวกเราจะไม่เข้าไปยุ่ง”
อ๋องฉีถอยจนถึงที่สุดแล้ว ท่านหญิงน้อยของอ๋องฉีนับได้ว่าเป็นแก้วตาดวงใจของทั้งตระกูลเรื่องนี้ท่าป๋าหั่นหลินส่งคนมาสืบแล้ว รู้ดีว่าหลังพวกนางโตขึ้น ไม่มีทางได้ออกเรือนไปไกลเป็นแน่ จึงได้คิดหาวิธีติดตามพวกเขา หาโอกาสเข้าใกล้หวงฝู่เย่าเย่ว์ บัดนี้ได้การรับรองจากอ๋องฉีแล้ว เขามิจำเป็นต้องคิดหาวิธีเข้าใกล้หวงฝู่เย่าเย่ว์แล้ว เพียงแต่รอให้นางพร้อมก่อน ตนค่อยมาใหม่ก็พอ และตอนนี้ห่างจากเวลาที่นางจะครบอายุแต่งงานได้อีกเพียงสองปีเท่านั้น สองปีจากนี้ เรื่องในรัฐสงบแล้ว เขาก็มีเวลาเดินทางไปมาระหว่างรัฐอู่และรัฐอิงแล้ว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ จึงได้โน้มเอวลงต่ำกว่าเดิม แสดงความขอบคุณจากใจจริง “ขอขอบพระคุณท่านอ๋องที่มอบโอกาสนี้ให้ข้า เช่นนั้นวันนี้ข้าจะขอกลับรัฐอิงไป ขอให้เรื่องที่ท่านอ๋องจะทำต่อไปราบรื่นขอรับ”
“เดินทางปลอดภัย!”
ท่าป๋าหั่นหลินขอบคุณ พาลูกน้องเดินลงจากโรงน้ำชา เดินตรงไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก
อ๋องฉียืนอยู่ที่เดิม มองดูร่างของเขาหายลับตาไป จึงได้เก็บสายตาลง เก็บกริช หยิบกระดาษขึ้นมา หลังใช้กำลังภายในบีบทำลายจนป่นปี้แล้ว จึงได้กล่าวกับพระชายาว่า “ไปกันเถิด พวกเรากลับกัน”
เมื่อเห็นท่าป๋าหั่นหลินออกจากโรงน้ำชาไป หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวจึงได้เข้ามา พยุงทั้งสองกลับโรงเตี๊ยมไปโดยไม่ได้ถามอะไร
ผ่านไปอีกสองวัน อาการป่วยของหลิวอวี้เอ๋อร์ดีขึ้นมาก นายน้อยอู่โหวอดทน นำข้อดีข้อเสียของเรื่องบอกนางรอบแล้วรอบเล่า บอกนางว่า หากนางไม่พูดอย่างที่ตนบอก จวนอู่โหวจะต้องจบสิ้น นางเองก็จะสูญเสียฐานะที่มีอยู่บัดนี้ อย่างดีก็พอมีพอกิน พอใช้ชีวิตได้ แต่หากแย่ที่สุดไม่แน่ว่าทั้งครอบครัวอาจถูกจับขังคุก ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันตลอดไป
เขาพูดให้ดูร้ายแรง นางฟังแล้วก็กลัว ไม่ว่าจะอย่างใด ล้วนแต่เป็นสิ่งที่นางไม่ต้องการ นางคุ้นชินแล้วกับชีวิตเหนือผู้อื่น ไม่ต้องการติดคุก โดยเฉพาะเพิ่งออกมาจากคุกได้ไม่กี่วัน ภายในเป็นดั่งฝันร้าย นางไม่ลังเลอีกต่อไป พยักหน้าตอบรับ “ข้าเชื่อฟังท่านพ่อทุกอย่างเจ้าค่ะ ท่านพ่อให้ข้าว่าอย่างไร ข้าจะว่าเช่นนั้น”
น้อยน้อยอู่โหวพอใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ถามด้วยความเป็นห่วงสองสามคำ จากนั้นออกจากโรงเตี๊ยมไปด้วยความรีบร้อน เพื่อมารายงานท่านอ๋อง
หลิวอวี้เอ๋อร์ให้การ บัดนี้ไม่ยากแล้ว เมิ่งชิงจึงได้เปิดการพิพากษาเรื่องนี้ทันที
ฮั่วเจี่ยถูกนำตัวออกมา เวลาไม่กี่วัน เขาดูแก่ลงไปหลายสิบปี แต่ยังคงยืนยันไม่ยอมรับผิด บอกว่าทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของฮั่วต้า ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับตน กระทั่งหลิวอวี้เอ๋อร์ปรากฏกายขึ้นที่ที่ว่าการ เขาจึงได้ทนไม่ไหว โดยเฉพาะเมื่อได้ยินหลิวอวี้เอ๋อร์เล่าถึงตั้งแต่เรื่องที่พบท่านอ๋องบนสะพานอย่างละเอียด กระทั่งสีหน้าของพวกเขาขณะวางแผนยังเล่าออกมาได้ละเอียดชัดเจน ไม่ปิดบังแม้แต่น้อย จึงโกรธจนกระอักเลือดออกมา ร่างกายสั่นสะท้าน “เจ้าคนอกตัญญู เจ้ากล้า เจ้ากล้า…”
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าตนจะเลี้ยงสุนัขจิ้งจอกไว้กับตัว ตนและฮูหยินรักนางถึงเช่นนั้น รักยิ่งกว่าหลานแซ่ฮั่วของตนเสียอีก เพื่อแก้แค้นแทนนาง จึงได้วางแผนทั้งหมดออกมา คิดไม่ถึงว่านางไม่เพียงไม่ขอบคุณ แต่กลับเป็นเหมือนพ่อ ที่ลืมบุญคุณคน แทงข้างหลังเขา เช่นนี้จะไม่ให้กระอักเลือด โกรธมากได้อย่างไร
เมื่อหลิวอวี้เอ๋อร์เข้ามาในที่ว่าการ เห็นท่าทางของเขา ในใจก็เจ็บปวดไม่น้อย แต่หากเทียบกับที่ตนต้องเข้าคุกแล้ว ช่างเล็กน้อยเหลือเกิน จึงได้สูดหายใจลึก เอ่ยว่า “ท่านตา อวี้เอ๋อร์ยังเล็กนัก ไม่มีปัญญาพิจารณาปัญหา หากตอนนั้นท่านห้ามปรามข้า บางทีข้าอาจปล่อยวางได้ คงไม่ต้องถูกคนจับตัวไปในภายหลัง แต่ท่านมิได้ทำเช่นนั้น แต่ท่านกลับใช้เรื่องนี้ข่มขู่ท่านเจ้าเมือง เข่นฆ่าผู้คน วางแผนฆ่าครอบครัวท่านอ๋อง ได้โปรดอภัยที่อวี้เอ๋อร์มิได้เห็นควรกับสิ่งที่ท่านทำ แต่เลือกสิ่งที่ถูกต้อง ถือว่าได้จัดการกับความอันตรายให้กับชาวบ้านในเจียงหนานนะเจ้าคะ”