บทที่ 551 ลูกสาวของเขาใกล้จะมาแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 551 ลูกสาวของเขาใกล้จะมาแล้ว

เขามีความรู้สึกบางอย่างว่า เวลาที่ลูกสาวของเขาจะมานั้นใกล้เข้ามาทุกที ตั้งแต่ปีใหม่มานี้เขาฝันมาแล้วถึงสองครั้ง

ไม่อย่างนั้นมีหรือที่วันนั้นเขาจะจุดประเด็นเรื่องนั้นต่อหน้าท่านพ่อท่านแม่โจว?

หลินชิงเหอไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้

โจวชิงไป๋พูด “เดือนนี้ดูเหมือนรอบเดือนของคุณจะยังไม่มาใช่ไหม”

เขาจำได้ขึ้นใจยิ่งกว่าตัวของหลินชิงเหอเองเสียอีก ทุกเดือนเขาจะเฝ้ามองอยู่เสมอ บางครั้งมาช้าหน่อยวันสองวัน เขาก็จะเริ่มคิดวิเคราะห์แล้ว

หลินชิงเหอพูดเสียงเรียบ “คราวที่แล้วมาช้าไปสองสามวันค่ะ”

เธอเอาแต่กินแล้วก็นอน อีกทั้งนี้เพิ่งจะมาช้าไปวันเดียว จะเป็นไปได้อย่างไรที่เธอจะตั้งท้อง

โจวชิงไป๋ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเพียงลูบไปมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาก็ได้แต่เฝ้ารอว่าลูกสาวของเขาจะมาโดยเร็ว

ครอบครัวของพวกเขาในตอนนี้มีพร้อมทุกอย่างแล้ว ลูกสาวของพวกเขาจะต้องมีชีวิตที่ดีได้แน่ แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดคือ ต่อไปภรรยาของเขาจะอายุมากขึ้น ๆ มันจึงทำให้เขารู้สึกกังวลใจ

เพราะว่าปีนี้เธอก็อายุ 39 แล้ว ปีหน้าก็จะเข้าสู่ช่วงวัย 40

“มาออกกำลังกันเยอะ ๆ เถอะนะครับ” โจวชิงไป๋พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เมื่อคืนบนเตียงยังออกไม่พออีกเหรอคะ” หลินชิงเหอตอบกลับเขาหนึ่งประโยค

ไม่รู้เหมือนกันว่าสองสามวันมานี้เกิดอะไรขึ้นกับเขา ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนก็ไม่รู้อย่างกับคนหนุ่ม ๆ อย่างนั้นแหละ

โจวชิงไป๋กระแอมไอแห้งและพูดขึ้น “ออกกำลังกายเยอะ ๆ ดีต่อร่างกายนะครับ”

“ฉันไม่อยากขยับตัวแล้ว” หลินชิงเหอพูดอย่างเกียจคร้าน อากาศหนาวขนาดนี้จะออกกำลังอะไรอีก ไม่สู้อยู่ในบ้านดูทีวีกินผลไม้ดีกว่า “แกะส้มให้ฉันหน่อยสิคะ”

โจวชิงไป๋แกะส้มให้เธอกิน หลินชิงเหอกินไปกินมาก็เริ่มรู้สึกง่วงงุน

“นี่มันกี่โมงแล้วคะ” หลินชิงเหอหาวออกมาก่อนจะเอ่ยพูด

“เหนื่อยแล้วเหรอครับ” โจวชิงไป๋ถาม

“ถึงเย็นแล้วคุณค่อยเรียกฉันก็แล้วกันค่ะ” หลินชิงเหอจ้องไปที่เขาทีหนึ่ง หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นไปนอน

โจวชิงไป๋ตามภรรยามาแล้วนอนกอดกันไปทั้งอย่างนั้น หลินชิงเหอก็ไม่คิดจะสนใจเขาเช่นกัน

เพียงชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงวันที่สิบห้าแล้ว เป็นวันหยวนเซียวหรือเทศกาลโคมไฟ คนภาคใต้จะกินบัวลอย ส่วนคนภาคเหนือจะกินเกี๊ยว

โจวชิงไป๋ส่งเกี๊ยวไปให้คนอื่น ๆ ไม่น้อย มีทั้งทางครอบครัวเวิง ทางท่านพ่อท่านแม่โจว สำหรับหวังหยวนและโจวเอ้อร์นีนั้นพากันมากินถึงที่ร้าน

พอถึงตอนเที่ยงคุณแม่เวิงก็มาหาหลินชิงเหอที่บ้าน

“ชิงเหอ ทางซื่อนีมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง” คุณแม่เวิงถาม

หลินชิงเหอพูดติดตลกว่า “พวกเขาเพิ่งจะคบหาดูใจกันไม่กี่วันเองนะคะ พี่อย่ารีบร้อนเลย ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเถอะค่ะ”

“เธอก็รู้อายุของเวิงกั๋วต้ง ฉันน่ะเฝ้ารอคอยให้เขาแต่งงานพาภรรยาเข้าบ้านให้ได้เร็ว ๆ ใจจะขาด หลังสิ้นสุดเทศกาลโคมไฟวันนี้ พรุ่งนี้เขาก็ต้องย้ายออกไปอยู่ตัวคนเดียวแล้ว” คุณแม่เวิงพูด

“ฉันไม่ได้ถามซื่อนีเลยค่ะ ว่าแต่ว่ากั๋วต้งมีท่าทางอย่างไรบ้างคะ” หลินชิงเหอพูด

“ทีตอนนี้ขยันไปหาซื่อนีทางนั้นบ่อย ๆ ฉันได้ยินมาว่าเขาไปเล่นหมากล้อมกับพ่อสามีของเธอด้วย” คุณแม่เวิงพูด

หลินชิงเหอเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมาแล้ว และพูดยิ้ม ๆ “ฉันไม่ได้ไปที่นั่นสักพักแล้ว เลยไม่รู้เรื่องนี้ ไว้เดี๋ยวฉันไปถามซื่อนีให้นะคะ”

คุณแม่เวิงพูด “ต้องรบกวนเธอแล้ว ถึงตอนนั้นฉันจะให้อั่งเปาใหญ่ ๆ เธอซองหนึ่งเลย”

“ฉันจะรับไว้นะคะ” หลินชิงเหอเผลอหลุดหัวเราะ และเปลี่ยนไปพูดถึงหน้าร้านขึ้นมา พอคุณแม่เวิงพูดถึงเรื่องนี้ก็บ่นขึ้นมาทันที “พี่โมโหจะตายอยู่แล้วค่ะ เธอรู้ไหมว่าเมื่อวานพวกเราไปเช่าร้านมา ทางเจ้าของร้านกลับขึ้นราคาอีกหนึ่งหยวน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ตกลงกันแล้ว!”

“ถ้ากิจการดี ก็ไม่สนใจเงินส่วนนี้หรอกค่ะ แต่เจ้าของห้องเช่านี่ไม่ไหวเลยจริง ๆ นะคะ คิดเงินตามใจตัวเองแบบนี้ ถ้าเปิดร้านแล้วเขาจะไม่สร้างความวุ่นวายจนน่ารำคาญใจหรือคะ?” หลินชิงเหอพูด

“ฉันก็พูดแบบนี้แหละค่ะ ฉันไม่อยากเช่าแล้ว แต่ว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นหน้าร้านที่ดีที่สุดแล้ว” คุณแม่เวิงพูด

ร้านกำลังจะเปิดอยู่รอมร่อ หน้าร้านกลับเจรจากันยังไม่เสร็จเลย

“ถ้าซื้อเอาไว้ก็ไม่มีเรื่องขนาดนี้แล้วค่ะ ขาดทุนแค่ไม่เท่าไหร่ ดีไซเนอร์สองคนในโรงงานเสื้อผ้าของหวังหยวนก็มาจากโรงเรียนของพวกเรา มีแต่เสื้อผ้าสวย ๆ ทั้งนั้น” หลินชิงเหอพูด

ในอนาคตจะมีคนสักเท่าไรที่โดนเจ้าของที่เอาเปรียบ? พอเห็นว่ากิจการดีก็เก็บค่าเช่าตามใจชอบ รังแกคนนอกพื้นที่ ทั้งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นานา เดี๋ยวก็ค่าน้ำ เดี๋ยวก็ค่าไฟ มากกว่านี้ก็คือทำลายและโกงคนเช่า

ดังนั้นในตอนแรกหลินชิงเหอจึงเสนอความคิดว่าให้เธอซื้อร้านเอาไว้เอง ช่วงนี้ยังซื้อง่ายอยู่ และไม่ต้องกลัวขาดทุนด้วย

“ฉันเห็นแบบนั้นเกรงว่าคงต้องซื้อเอาไว้แล้วล่ะค่ะ แต่ตอนนี้ราคามันแพงยิ่งกว่าเดิมอีกน่ะสิคะ แถมปีนี้ของทุกอย่างก็จะขึ้นราคาด้วย” คุณแม่เวิงพูด

ปีนี้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นมาก ตอนปลายปีที่แล้วหมู 1 ชั่งจากเดิมราคา 1 หยวน 3-4 เหมาก็ได้ขึ้นราคามาเป็น 1 หยวน 7 เหมากว่า ๆ และยืดยาวมาจนถึงปีนี้ กลายเป็น 1 หยวน 7 เหมาและไม่มีท่าทีจะลดลงเลย

คนไม่น้อยเริ่มที่จะทำงานกันแล้ว จากการปฏิรูปเงินเดือนในปีใหม่นี้ จะทำให้เงินเดือนปรับขึ้นไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เงินเดือนระดับมาตรฐานจะกลายเป็น 60 ถึง 80 หยวน และแน่นอนว่าฐานเงินเดือนจะถูกปรับขึ้นอีก ดูได้จากคนที่มีตำแหน่งอย่างเวิงกั๋วต้ง ที่เงินเดือนปีนี้ก็ขึ้นไป 120 หยวนแล้ว บวกเบี้ยเลี้ยงอะไรไปก็เป็น 130 กว่าหยวน

แต่เงินเดือนปรับขึ้นแล้ว ราคาสินค้าก็จะถูกปรับขึ้นเช่นเดียวกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราคาอสังหาริมทรัพย์ทั้งหลายเลย

“หากอยากซื้อล่ะก็ ให้รีบหน่อยดีกว่าค่ะ ปีที่แล้วฉันแนะนำให้พี่ซื้อแล้ว เพราะหลังจากนี้มันจะขึ้นราคาขึ้นอีก ไม่ทำธุรกิจก็ช่างเถอะ แต่ถ้าทำธุรกิจล่ะก็ต้องซื้อหน้าร้านเอาไว้สักร้านจึงจะดีนะคะ” หลินชิงเหอพูด

คุณแม่เวิงกลับไปพูดกับคุณพ่อเวิงเรื่องนี้ คุณพ่อเวิงได้ยินก็จนใจ แต่พอเห็นภรรยาของเขาแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างไม่ลังเล เขาก็ทำได้เพียงไปหาร้านมาแล้ว

ราคาค่าที่สูงกว่าปีที่แล้ว 200 หยวน คุณพ่อเวิงที่เป็นคนอารมณ์ดีเสมอมาถึงกับมีใบหน้าดำทะมึน

200 หยวนไม่ใช่จำนวนเงินน้อย ๆ เลยนะ นี้เป็นเงินเดือนหนึ่งเดือนกว่า ๆ ของเขาก็ว่าได้ เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน ทำไมถึงขึ้นราคามากขนาดนี้ได้?

แต่คุณแม่เวิงกลับอยากได้ร้านค้าร้านนี้ แม้คุณพ่อเวิงจะไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายเขาก็จ่ายเงินซื้อไป และมารับโฉนดที่ให้วันนี้เอง

หลินชิงเหอไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก ท่านแม่โจวเชือดไก่มาให้ 1 ตัว ส่วนหนึ่งเอาไว้ตุ๋นซุป ส่วนหนึ่งแบ่งไว้ให้โจวซื่อนีมาเอาที่นี่

หลินชิงเหอเรียกโจวชิงไป๋มาตุ๋นไก่ และถามเรื่องของโจวซื่อนีกับเวิงกั๋วต้ง

“ยังดู ๆ กันอยู่น่ะค่ะ” โจวซื่อนีพูด รอจนชายหนุ่มรุ่นใหญ่คนนั้นจะรู้สึกว่าหล่อนไม่ดีเมื่อใด เขาก็คงไม่มาอีกแล้ว

หลินชิงเหอเหลือบมองหลานสาวคนนี้ ทำไมเธอเหมือนจะรู้สึกว่าหล่อนไม่ค่อยชอบเขากันนะ? แต่เธอไม่คิดพูดอะไรให้มากความ หากมีวาสนาต่อกันย่อมได้คบไปจนตลอดรอดฝั่ง หากไม่มีวาสนาแล้วบังคับไปจะได้อะไร

โจวซื่อนีไม่ได้อยู่นาน แฝดชายหญิงยังต้องการให้หล่อนไปดูแล หล่อนคิดว่าจะช่วยดูแลถึงเดือนมีนาคมช่วงฤดูใบไม้ผลิก็พอแล้ว ถึงตอนนั้นหล่อนก็จะย้ายมาทำงานที่นี่ และส่งมอบเด็ก ๆ ให้พี่สาวของตัวเองต่อ

โจวชิงไป๋ตุ๋นซุปไก่มาให้ หลังจากนั้นก็เอาซุปไก่มาให้ภรรยาและใส่เกี๊ยวลงในชามด้วย

หลินชิงเหอกินเกี๊ยวแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย เธอรู้สึกว่ามันเลี่ยนมาก จึงพูดขึ้นมา “ในซุปมีทั้งไก่มีทั้งเกี๊ยวเนื้อแกะ ฉันรู้สึกทานไม่ลงเลยค่ะ”

“ผมเอาน้ำมันออกแล้วนะ” โจวชิงไป๋พูด

หลินชิงเหอกินไปหนึ่งชามก็ไม่กินอีกแล้ว และรีบหยิบส้มมากินอย่างไม่คิดอะไร

แต่ตกดึกขณะที่กำลังนอน เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าเดือนนี้รอบเดือนของเธอมาช้าผิดปกติ และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มา?

…………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พ่อนี่พยายามทุกวิถีทางจริง ๆ นับถือเลยค่ะ

แม่มีอาการแปลก ๆ แล้ว หรือว่า…

ไหหม่า(海馬)