บทที่ 2875 สินเดิมและสินสอด 4
ตี้ฝูอีเลิกแขนเสื้อขึ้นอย่างเรื่อยเฉื่อย เผยข้อมือออกมา บนข้อมือปรากฏกำไลวงหนึ่งขึ้น “ท่านคงไม่ได้ลืมเรื่องกำไลวงนี้ไปแล้วกระมัง?! นี่คือกำไลบุพเพ ท่านคือภรรยาที่ชะตาลิขิตให้ข้า”
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
กำไลนั้นเธอเคยใช้สารพัดวิธีเพื่อถอดออกแล้ว ล้วนไม่สำเร็จ
ภายหลังกำไลวงนั้นคงจะรู้แล้วว่าขัดนัยน์ตาเธอ จึงล่องหนอยู่บนข้อมือของเธอด้วยตัวอง ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีก
ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ เธอแทบจะลืมมันไปแล้ว!
เธอมองดูบนข้อมือของตนตามสัญชาตญาณ เปลือยเปล่า ไม่มีกำไลสักวงเลยเช่นกัน
เธอสูดหายใจนิดๆ อธิบาย “ข้าเคยบอกแล้วไง นั่นเป็นอุบัติเหตุ ไม่นับ เจ้าดูสิ กำไลวงนั้นก็ไม่ได้…”
ขณะที่เธอกำลังจะบอกว่า ‘ไม่ได้อยู่บนข้อมือของข้า’ คาดไม่ถึงว่าพูดยังไม่ทันจบ บนข้อมือก็ร้อนวาบขึ้นมานิดๆ กำไลที่ไม่เผยร่องรอยมากว่าสิบปีวงนั้นพลันปรากฏกายขึ้น ส่องประกายเจิดจรัสพันอยู่บนข้อมือของเธอ โดดเด่นอย่างยิ่ง!
กู้ซีจิ่วถูกตอกหน้าจนแทบพูดไม่ออกแล้ว เพียงแต่ตี้ฝูอียังเอ่ยถามประโยคหนึ่งอย่างมีใจใฝ่รู้ยิ่ง “กำไลวงนี้ก็ไม่ได้อันใด?”
กู้ซีจิ่วได้แต่เปลี่ยนคำพูดเสีย “กำไลวงนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ มันถูกเก็บเอาไว้นานเกินไปแล้ว ไม่มีประสิทธิภาพขนาดนั้นแล้ว...”
สายตาที่ตี้ฝูอีมองนางลุ่มลึกเล็กน้อย “พวกเรามาคุยกันดีๆ เถอะ!”
“คุยอะไร?”
“คุยเรื่องวิวาห์ของพวกเรา”
….
ชาถูกชงขึ้นใหม่อีกกา ถ้วยชาก็เปลี่ยนเป็นชุดใหม่
แน่นอน นอกจากน้ำที่เป็นของที่นี่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกาชา ถ้วยชาหรือว่าเตาชา ล้วนเป็นของที่ตี้ฝูอีพกมาเอง ถึงขั้นที่ถ่านในเตาชาล้วนทำขึ้นมาอย่างดี
ฝีมือทำอาหารของตี้ฝูอีดาษดื่นทั่วไป แต่ฝีมือการชงชายังคงล้ำเลิศยิ่ง
ใบชาทั้งหมดที่พกมาก็เป็นของชั้นเลิศ ผนวกกับทักษะชงชาอันแสนพิเศษของเขา ชาที่ชงออกมาจึงรสดีกว่าที่อินจิ่วซือชงให้
กู้ซีจิ่วดื่มชาไปสามถ้วย และพูดคุยกับตี้ฝูอีไปพอสมควรแล้ว
เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่คิดจะแต่งงานจริงๆ ขออยากจัดฉากวิวาห์กำมะลอ ให้ลูกศิษย์ตัดใจอย่างแท้จริง
ส่วนตี้ฝูอีก็ยินดีจะเล่นละครฉากนี้กับเธอด้วย เขายังบอกด้วยว่าถ้าให้เขามาเล่น ต้องทำให้เรื่องปลอมๆ ดูสมจริงได้แน่ ทำให้คนอื่นมองไม่ออกเลย
อันที่จริงกู้ซีจิ่วก็ทราบเช่นกันว่าตี้ฝูอีคือตัวเลือกที่เข้าท่าที่สุด เพียงแต่ไม่อยากใช้เขาเป็นเครื่องมืออีก ดังนั้นถึงได้เลือกคนอื่น
“ตี้ฝูอี อันที่จริงมีเรื่องหนึ่งที่เปิ่นจุนไม่เข้าใจเลยจริงๆ อยากจะถามเจ้าหน่อย”
“ท่านถามมาสิ”
“แม้แต่ศิษย์ของเปิ่นจุนเจ้าก็ไม่ยินยอมเป็น แล้วเหตุใดถึงยอมเล่นละครฉากนี้กับเปิ่นจุน? เจ้าต้องรู้เอาไว้นะ เจ้าต้องเล่นละครเป็นสามีของเปิ่นจุนไปสามปี และไม่อาจรับสตรีอื่นเข้าเรือนได้”
นิ้วของตี้ฝูอีแตะลงที่กำไลบนข้อมือ “ข้าไม่เคยมีความคิดจะแต่งผู้อื่น ดังนั้นท่านไม่จำเป็นต้องกังวลถึงปัญหาข้อนี้”
กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “นี่ก็ว่ากันยาก บางครั้งหัวใจคนก็หวั่นไหวได้ในพริบตาเดียว ตอนนี้เจ้ายังไม่มีนางในดวงใจ ไม่ได้แปลว่าภายหน้าจะไม่มี ยังมีอีกข้อที่ข้าต้องบอกให้ชัดเจน ถึงอย่างไรเปิ่นจุนก็เป็นเทพผู้สร้างโลก เทพผู้สร้างโลกต่อให้แต่งงานก็ไม่มีทางจะแต่งเข้าบ้านของฝ่ายชาย แต่ต้องแต่งฝ่ายชายเข้าสู่หุบเขาเสียงสวรรค์ เจ้าจะไม่ใส่ใจเช่นกันหรือ? เรื่องพวกนี้เจ้าต้องคิดให้ถี่ถ้วนนะ อันที่จริง…อันที่จริงเจ้าไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองก็ได้”
ถึงอย่างไรนี่ก็คล้ายการแต่งเข้าบ้านภรรยา คนอื่นอาจจะไม่ใส่ใจเรื่องนี้ แต่นิสัยของตี้ฝูอีหยิ่งทะนงปานนี้ เขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้ยังไง?
เห็นได้ชัดว่าเธอประเมินความอดทนทางด้านจิตใจของตี้ฝูอีไว้ต่ำเกินไป เขายกชาขึ้นจิบอึกหนึ่ง “ข้าได้ไคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนยิ่งแล้ว ยอมรับเงื่อนไขท่านทุกอย่าง”
————————————————————————————-
บทที่ 2876 พวกเราต้องรักกันหวานชื่น
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
หนนี้กลายเป็นเธอเสียแล้วที่มีลาภก้อนใหญ่ตกใส่ศีรษะ เธอสูดหายใจเบาๆ “เจ้ามีเงื่อนไขอะไร?”
เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาตอบตกลงง่ายเกินไป รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง
สายตาตี้ฝูอีร่อนลงบนดวงหน้าเฉิดฉันของนาง เอ่ยเนิบๆ “ข้ามีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อให้สมจริง ต่อไปท่านต้องให้ความร่วมมือกับข้าในเรื่องนี้อย่างเต็มที่”
“ได้!” กู้ซีจิ่วตอบรับว่องไวยิ่ง
ทักษะการแสดงของตี้ฝูอียอดเยี่ยมเสมอมา ถ้าให้เขาออกหน้าแสดงบทบาทนี้ จะต้องไม่เผยพิรุธแน่นอน และสามารถทำให้ฟั่นเชียนซื่อตัดใจอย่างสิ้นเชิงได้ ตั้งใจฝึกฝนวรยุทธ์
ตี้ฝูอีมองสินเดิมที่กู้ซีจิ่วนำออกมาวางบนโต๊ะ และอินจิ่วซือก็ยังไม่ได้เก็บไป พลันยื่นแขนเสื้ออกไป เก็บข้าวของทั้งหมดนี้เข้ากระเป๋าของตัวเอง “สินเดิมของท่านข้าขอรับไปก่อนแล้วกัน”
กู้ซีจิ่วไม่นึกเลยว่าเขาจะเป็นคนเห็นแก่ทรัพย์สินเช่นนี้ เอ่ยโพล่งออกไป “แล้วสินสอดของเจ้าล่ะ?”
ตี้ฝูอีกะพริบตาปริบๆ “ข้ามีแต่ตัวไร้สมบัติ นอกจากร่างกายแล้ว เกรงว่าจะไม่มีสิ่งที่ท่านพึงใจเลย อีกอย่างข้าก็เป็นฝ่ายแต่งเข้าหุบเขาเสียงสวรรค์ของท่านนะ ท่านละอายใจบ้างไหมที่มาขอสินสอดจากข้า?”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
เอาเถอะ อันที่จริงเธอก็ไม่ใส่ใจหรอกว่าจะมีสินสอดหรือไม่มี อย่างไรก็เป็นแค่ละครฉากหนึ่ง เขายอมร่วมมือกับเธอก็พอแล้ว
ทั้งสองหารือปัญหายิบย่อยบางอย่างกันต่ออีกครั้ง บรรลุข้อตกลงส่วนใหญ่แล้ว
กำหนดว่าจะจัดงานวิวาห์ขึ้นในหนึ่งเดือนให้หลัง ก่อนหน้านั้น กู้ซีจิ่วจะต้องเดินทางไปยังภพมารกับเขาเที่ยวหนึ่งก่อน
ตี้ฝูอีก็กล่าวเอาไว้เช่นกัน บนโลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่ลมลอดเข้าไปไม่ได้ ดังนั้นละครเรื่องนี้ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ดีที่สุดคือมีแค่เขากับเธอรู้กันสองคน คนอื่นควรจะปิดบังไว้ให้หมด มิเช่นนั้นจะถูกคนฉลาดอย่างฟั่นเชียนซื่อจับได้ง่ายๆ
กู้ซีจิ่วยังคงละล้าละลังอยู่บ้าง “แต่ก่อนหน้านี้ข้าไปหาอินจิ่วซือมา เขารู้เรื่องแล้วนะ…”
ตี้ฝูอีตบหลังมือของนางเบาๆ “วางใจเถอะ อินจิ่วซือนึกว่าท่านอยากจัดฉากวิวาห์เพื่อยั่วโมโหข้า ไม่รู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของพวกเรา และเขาก็ไม่มีทางรู้ด้วยว่างานแต่งของพวกเราก็เป็นเรื่องกำมะลอ…”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก เข้าใจสาเหตุที่อินจิ่วซือรีบร้อนจากไปเช่นนั้นแล้ว เธอหลงนึกว่าอินจิ่วซือกลัวตี้ฝูอีสุดขีด ดังนั้นพอตี้ฝูอีสั่งคำเดียวเขาก็หันหลังเผ่นหนีไปเลย!
ที่แท้ก็เข้าใจผิดแล้ว
เธอยื่นมือไปหมายจะเทชามาจิบให้ชุ่มคอ ถึงได้พบว่าฝ่ามือของเขายังคงทาบอยู่บนหลังมือของเธอ
ฝ่ามือเขาอุ่นร้อน ยามที่ทาบทับอยู่บนหลังมือเธอเช่นนี้ ไอร้อนบางเบาไหลซึมเข้าสู่ชีพจรเธอ ทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่บ้าง
เธอชักกลับเล็กน้อย แต่ชักออกมาไม่ได้ ขณะที่กำลังจะออกแรงเพิ่มขึ้นอีกหน่อย ก็มีเสียงคนกระแอมแว่วมาจากด้านนอก เป็นอินจิ่วซือที่กลับมาแล้ว
อินจิ่วซือยังคงเข้าอกเข้าใจผู้อื่นดียิ่ง เอ่ยถามอยู่ด้านนอกประตูก่อนประโยคหนึ่ง “ทั้งสองท่าน ให้ตั้งโต๊ะได้หรือยัง?”
“ได้สิ ได้เลย ท่านอ๋อง เข้ามากินด้วยกันเถิด” กู้ซีจิ่วไม่รอให้ตู้ฝูอีได้เปิดปากก็ส่งเสียงไปแล้ว รีบชักมือของตนออกมาอีกครั้ง “เจ้าปล่อยข้าก่อน”
“ทูนหัว พวกเราต้องรักกันหวานชื่นต่อหน้าเขานะ”
ตี้ฝูอีหัวเราะแผ่วๆ ไม่ยอมปล่อยมือนาง
กู้ซีจิ่วเงียบไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ยามที่อินจิ่วซือเข้าห้องมาจึงได้เห็นคนทั้งสองแสดงความรักหวานชื่นให้ชม ตี้ฝูอีนั่งอยู่ข้างกายกู้ซีจิ่ว มือข้างหนึ่งยังคงกุมมือนางไว้ ร่างของคนทั้งสองแนบชิดจนแทบจะเป็นร่างเดียวกันแล้ว
อินจิ่วซือละสายตาไปอย่างเงียบเชียบ หากว่าก่อนหน้านี้เขายังคงคลางแคลงอยู่บ้าง ยามนี้ความคลางแคลงนั้นก็ลดทอนลงกว่าครึ่งแล้ว
ต้องทราบก่อนว่าก่อนหน้านี้ถึงแม้เขาจะได้รับสมอ้างว่าเป็นคู่หมั้นของนางเช่นกัน แต่ว่าแม้กระทั้งมือก็ไม่กล้าแตะเลยด้วยซ้ำ จะเข้าใกล้สักนิดก็ต้องทำใจให้ดีอยู่พักหนึ่งเลย