บทที่ 2877 พวกเราต้องรักกันหวานชื่น 2
แต่ตอนนี้สองคนสนิทชิดเชื้อกันถึงเพียงนี้ นี่สิถึงเป็นท่าทางที่คู่รักพึงมี
อินจิ่วซือมีสติยิ่งนัก นั่งลงตรงข้ามกับคนทั้งสอง
ระหว่างที่หารือแผนการใหญ่กันอยู่ เขาก็ถูกคนทั้งสองสาดความหวานชื่นใส่อย่างเต็มที่
ยกตัวอย่างเช่นตี้ฝูอีชงชา รินสุราให้กู้ซีจิ่ว คีบอาหารให้นาง ซ้ำยังรักถนอมมือน้อยๆ ของนางยิ่ง ไม่ปล่อยให้นางแกะสิ่งที่มีเปลือกด้วยตัวเองเลย ทุกอย่างล้วนมีเขาจัดการให้
อินจิ่วซือเคยรู้สึกว่าตนคือบุคคลที่ชำนาญการเกี้ยวพาเอาใจสตรีที่สุด และเข้าใจอิสตรีที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าที่แท้ท่านราชครูผู้นี้ก็เกี้ยวพาเอาใจสตรีและอบอุ่นอ่อนโยนได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่ตัวเขาก็ยังทำไม่ได้เลย…
ส่วนกู้ซีจิ่วถึงแม้จะดูขัดขืนอยู่บ้างเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธอย่างชัดเจน
สถานการณ์นี้ของพวกเขาคล้ายคู่รักที่งอนง้อกันอยู่จริงๆ
ด้วยเหตุนี้ พอจบมื้ออาหาร สุดท้ายความคลางแคลงเล็กๆ ในหัวใจของอินจิ่วซือก็เลือนหายไปอย่างสมบูรณ์ ลอบยินดีที่ตนปราดเปรื่องรู้ความ ถอนตัวออกมาทันกาล มิเช่นนั้นคงกลายเป็นตัวรับเคราะห์ไปแล้ว! เกือบแล้ว! เกือบไปแล้ว!
บนโต๊ะอาหาร ตี้ฝูอีก็ได้หารือถึงแผนการขั้นต่อไปกับเขาด้วย
ท่านราชครูตี้ผู้นี้ไม่เสียทีที่เคยเป็นผู้ช่วยราชันของสองภพในการบริหารราชกิจ พรั่งพร้อมด้วยประสบการณ์ วางแผนแยบยล
และเห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจถึงเรื่องความสัมพันธ์อันซับซ้อนของผู้คนในภพมารเป็นอย่างดี ผู้ใดมีนิสัยอย่างไร คนไหนมีประโยชน์ใช้การได้ คนไหนต้องดึงมาเข้าพวก คนไหนต้องระวังไว้ คนไหนสามารถเป็นแขนเป็นขาให้ได้…
เขาวิเคราะห์ออกมาเป็นหัวข้อ วาจาของเขาไม่มากมาย แต่ทุกประโยคแทบจะตรงจุดทั้งหมด ทำให้อินจิ่วซืออดไม่อยู่พยักหน้ารับรัวๆ รู้สึกเหมือนพบทางสว่าง
แน่นอน ตี้ฝูอีก็ได้ให้อินจิ่วซือแสดงความคิดเห็นของเขาออกมาบ้าง เวลาที่อินจิ่วซือพูด เขาจะรับฟังเงียบๆ ไม่เอ่ยแทรก ค่อยชี้จุดบกพร่องของเขาออกมา และอาจเสริมอะไรให้เล็กน้อย รวมถึงบอกสิ่งที่เขาต้องทำเป็นอันดับแรกด้วย…
ทั้งสองคนหารือกันอย่างลึกซึ้งยิ่ง ถึงขั้นที่แม้แต่วิธีจัดการกับผู้สำเร็จราชการก็หารือกันไปแล้ว
เนื้อหาที่เป็นความลับสำคัญเช่นนี้ ถูกกู้ซีจิ่วรับฟังไว้ทุกอย่าง เธอทอดถอนใจอยู่ภายในใจ
ดูเหมือนตี้ฝูอีจะไม่ปิดบังเธอเลยจริงๆ นี่เชื่อใจเธอถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
ถึงแม้เธอจะเป็นเทพผู้สร้างโลก แต่ตัวตนของเธอคือผู้ปกปักษ์ให้หกภพภูมิดำเนินไปตามปกติ ขจัดหรือบรรเทาหายนะ…แต่มิใช่เรื่องต่อสู้ทางการเมืองเหล่านี้ เธอจึงไม่สนใจ ไม่เคยเข้าร่วมเลย
ฐานะของเธอสูงส่งเกินไป หลังจากเธอตื่นขึ้นมา ก็ไม่มีใครกล้าหารือเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าเธอ
แน่นอน เธอมักจะจำแลงกายเป็นคนทั่วไป ท่องไปตามหกภพภูมิอยู่เสมอ เข้าใจประชาชนดี แต่เข้าไม่ถึงราชสำนัก ไม่เข้าใจการแก่งแย่งในราชสำนัก ดังนั้นความรู้ในด้านนี้ของเธอจึงขาดแคลนยิ่ง
ตอนนี้ได้ยินพวกเขาหารือกัน เธอรู้สึกว่าตัวเองก็ได้รับความรู้ไม่น้อยเลยเช่นกัน
ตลอดเวลาเธอไม่ได้พูดอะไรเลย แต่มิใช่เพราะไม่มีอะไรจะพูด แต่เพราะเธอคือเทพผู้สร้างโลก ไม่อาจเลือกฝักใฝ่ฝ่ายใดในการเมืองได้ โดยเฉพาะการเสนอแนะแผนการ นี่คือข้อห้ามในฐานะเทพผู้สร้างโลก
อินจิ่วซือขอตัวลาจากไปอย่างพึงพอใจยิ่ง
กู้ซีจิ่วมองตี้ฝูอีที่ยังคงนั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ตรงนั้น “เจ้าบอกจะไปภพมารมิใช่หรือ?เหตุใดจึงไม่ไปพร้อมกันเล่า?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”
กู้ซีจิ่วจิบชาอึกหนึ่ง “ภารกิจที่เจ้ามอบหมายให้เขาค่อนข้างยากลำบากนะ ประมาทไปเพียงนิดก็อาจมีภัยถึงชีวิต เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะถูกผู้สำเร็จราชการจัดการหรือ? ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นราชันองค์ใหม่แห่งภพมารที่เจ้าเฟ้นหามาจากผู้คนมากมายนะ เจ้าจะสร้างฐานอำนาจในภพมารได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเขานะ”
ตี้ฝูอีตอบอย่างเฉยเมย “หากว่าแม้แต่เรื่องพวกนี้เขาก็ยังทำให้สำเร็จไม่ได้ ข้าไม่คิดว่าวันหน้าเขาจะสามารถเป็นจอมมารที่ดีได้หรอกนะ ถ้าอยากให้ข้าช่วย ตัวเขาก็จำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้น”
“เจ้าต้องการเป็นราชันผู้ไร้มงกุฎของหกภพภูมิหรือ?”
————————————————————————————-
บทที่ 2878 พวกเราต้องรักกันหวานชื่น 3
ตี้ฝูอีดีดนิ้วเปาะ “ไม่ได้หรือไร?” เขาเชิดหน้ายิ้มแวบหนึ่ง “ข้ายินดีจะใช้ความสามารถของข้า กอบกู้โลกหล้าอันวุ่นวายนี้ นำพาหกภพภูมิไปสู่ความสงบสุขรุ่งเรือง”
วาจาประโยคนี้เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งเป็นล้นพ้น ทว่าน่าแปลกที่ไม่ทำให้คนรู้สึกต่อต้านเลย
แสงตะวันส่องลงบนร่างเขา ส่องขนงเนตรเขาให้มีชีวิตชีวา กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงขึ้นมานิดๆ
เธอไม่เคยเลื่อมใสผู้ใดเลย จะผู้ใดล้วนมองเห็นเป็นชนรุ่นหลังทั้งสิ้น แต่ตอนนี้เมื่อมองดูตี้ฝูอีผู้นี้ กลับรู้สึกว่าเขายิ่งใหญ่มากอย่างไม่มีเหตุผลเลย ทำให้จิตใจเธอสั่นไหวนิดๆ คล้ายว่ามีระลอกอารมณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้อย่างหนึ่งก่อตัวขึ้นในหัวใจของเธอ
ความรู้สึกนี้สำหรับเธอประหลาดยิ่ง และแปลกใหม่นัก
ทว่าคล้ายตี้ฝูอีจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สายตาร่อนลงบนร่างเธอ “ท่านวางใจเถอะ!”
กู้ซีจิ่วแปลกใจ “หา?” เธอมีอะไรต้องไม่วางใจกัน?
ตี้ฝูอีเอ่ยว่า “ไม่ว่าเมื่อไหร่ ท่านล้วนเป็นเทพผู้สร้างโลก ข้าไม่มีทางแทนที่ตำแหน่งของท่าน”
กู้ซีจิ่วยิ้มแล้ว อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปตบไหล่เขา “เจ้าคิดมากไปแล้ว อันที่จริง เปิ่นจุนปรารถนาให้เจ้าเข้าแทนที่เปิ่นจุนได้ยิ่งนัก เช่นนี้ข้า…”
วาจาท่อนหลังเธอไม่ได้เอ่ยออกไป อีกอย่างก็เป็นการแพร่งพรายโองการสวรรค์ด้วย
ตี้ฝูอียังคงเฉียบแหลมยิ่ง “ท่านอะไร?”
“ข้าก็จะได้พักสบายๆ ไง อันที่จริงตำแหน่งเทพผู้สร้างโลกนี้เหนื่อยยิ่งนัก ข้ายินดีจะท่องไปทั่วหล้าอย่างอิสระไร้พันธะมากกว่า”
ตี้ฝูอียกมือลูบผมนาง “วางใจเถอะ รอให้หกภพภูมิสงบสุขแล้ว ท่านอยากทำอะไรก็จะได้ทำสิ่งนั้น ข้าจะทำเป็นเพื่อนท่านทุกอย่าง”
กู้ซีจิ่วแข็งทื่อไปแวบหนึ่ง กลั้นยิ้มไม่อยู่ “ตอนนี้ที่นี่มีแค่เราสองคน เจ้าไม่จำเป็นต้องแสดงแล้ว”
น้ำเสียงโอ๋เอาใจเช่นนี้ทำให้เธอไม่คุ้นชินยิ่ง ทำเอาเธอเกือบนึกว่าเป็นความจริงแล้ว…
แววตาตี้ฝูอีลุ่มลึกนิดๆ ยิ้มเช่นกัน เอ่ยอย่างสบายๆ “เล่นละครก็ต้องเล่นให้ครบถ้วน ท่านต้องเคยชินเข้าไว้ มิเช่นนั้นถ้าเล่นไม่ดีไปชั่วขณะ จะถูกคนจับจุดเอาได้ง่ายๆ”
กู้ซีจิ่วยกสองแขนกอดอก มองเขาอย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม “เจ้าเชี่ยวชาญด้านการแสดงยิ่งนัก” จากนั้นก็ถอนหายใจคราหนึ่ง “โชคดีที่เจ้ามิใช่ศัตรูของเปิ่นจุน มิเช่นนั้นเกรงว่าเจ้าต้องทำให้เปิ่นจุนนอนผวาแล้ว”
จากที่ได้ฟังแผนการของเขากับอินจิ่วซือแล้ว มีมากมายที่เป็นวิธีการมืดมิดอำมหิตยิ่ง ทำเอาเธอฟังแล้วต้นคอเย็นวาบขึ้นมา ค่อนข้างปรับเปลี่ยนสามมุมองของเธอยิ่งนัก
เธอเลื่อมใสยิ่งนักที่เขากล้าเอ่ยแผนการเหล่านั้นออกมาอย่างเปิดเผย วางโตต่อหน้าเทพผู้สร้างโลกแบบเธอ เขาไม่กลัวว่าเธอฟังแล้วจะรับไม่ได้จนลงโทษเขาบ้างหรือ?
คนผู้นี้เป็นสหายที่ยอดเยี่ยมนัก หากว่าเป็นศัตรูล่ะก็…
นั่นจะเป็นหายนะฉากหนึ่งทันที!
ตี้ฝูอีถอนหายใจคราหนึ่ง “ซีจิ่ว บางเรื่องไม่อาจใช้ความดีความชั่วมาตัดสินได้ในชั่วขณะ ขอเพียงสุดท้ายเป้าหมายกับผลลัพธ์ออกมาดีก็พอแล้ว ต่อให้วิธีการบางอย่างจะไม่ถูกต้องไปบ้างก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”
ศึกสงครามในใต้หล้า ไหนเลยจะสามารถใช้วิธีการที่เปิดเผยซื่อตรงไปเสียหมดได้? เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องใช้ความรุนแรงสยบความรุนแรง ใช้การสังหารยับยั้งการฆ่าฟัน ถึงขั้นที่ยามสมควรมีใจอำมหิตเหี้ยมหาญก็ไม่อาจใจอ่อนได้…
คนดีอย่างสมบูรณ์ไม่อาจนั่งอย่างมั่นคงในยุทธภพได้
ยกตัวอย่างเช่นจอมมารในปัจจุบันนี้ จอมมารผู้นี้แม้จะเป็นคนมีความสามารถผู้หนึ่ง มักจะประพันธ์กาพย์กลอนบทกวีขับขานไปทั่วหกภพภูมิอยู่เสมอ
แต่ในด้านการบริหารราชกิจเขากลับมีความสามารถดาษดื่นพื้นเพยิ่ง ไม่รู้จักใช้งานคน ไม่เลือกใช้ขุนนางที่จงรักภักดี เชื่อคนง่าย ลุ่มหลงสุรานารี นิสัยขี้ขลาด หูเบา ถึงได้ถูกผู้สำเร็จราชการยึดกุมอำนาจบริหาร ทำให้ประชาชนทุกข์ยาก…
มีทหารทึ่มคนหนึ่ง จะทำให้เสียหายกันไปทั้งกองทัพ มีกษัตริย์ทึ่มก็จะทำให้เสียหายกันไปทั้งอาณาจักร!
คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก แค่ให้ผู้ที่ไม่มีความสามารถขึ้นนั่งในตำแหน่งสูงส่งก็เป็นความผิดแล้ว เพียงแต่ถ้าเขายังคงหมายปองในตำแหน่งนี้ ไม่ยอมสละบัลลังก์ด้วยตัวเอง ก็ทำได้เพียงกำจัดเขาออกไปแล้ว…
แผนการที่ตี้ฝูอีจัดเตรียมให้แก่อินจิ่วซือก็คือกำจัดประมุขผู้นี้ออกไปก่อน แล้วค่อยใช้แผนยืมดาบสังหารคน…