ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 650 เยี่ยนจ้าวเกอตกปลา ตัวไหนเต็มใจมาติดเบ็ด

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมื่อมาถึงบริเวณใกล้ๆ เกาะเฉวียนหลิง เยี่ยนจ้าวเกอที่ยืนอยู่ในวังฝูงมังกรก็หันไปมองเยว่เป่าฉีด้วอยรอยยิ้ม

เยว่เป่าฉีสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้ามีวิธีทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติจริงๆ หรือ?”

เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “หากบอกว่ามั่นใจเต็มเปี่ยมคงเป็นการโกหก แต่ที่ข้ามีวิธีแน่นอน”

อีกฝ่ายครุ่นคิดครู่หนึ่งค่อยพยักหน้าเบาๆ ออกจากวังฝูงมังกร บินเข้าไปในน่านน้ำของเกาะเฉวียนหลิง

ศิษย์รุ่นหลังจากหอกระบี่ทะเลเหนือของนางกับจอมยุทธ์พรรคหลีซานที่ช่วยไว้ก่อนหน้า ถูกปล่อยลงกลางทาง พากันหนีไป

นางที่ไม่กังวลอะไรแล้วเดินมาถึงวันนี้ได้ ย่อมไม่ใช่เป็นคนกลัวความลำบาก ตัดสินใจร่วมมือกับเยี่ยนจ้าวเกอทันที

ถึงอย่างไรการให้นางใช้พลังของคนคนเดียวช่วยเหลือสำนักแก้ไขการคุกคามจากค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ ก็ยังนับว่าทำไม่ได้

แต่นางก็ไม่ได้เชื่อใจเยี่ยนจ้าวเกอเต็มร้อย ยังคงรักษาความระวังไว้

เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่คิดจะหลอกลวงนาง อย่าน้อยตอนนี้ก็ยังไม่คิดจะทำร้ายนาง

เยว่เป่าฉีปรากฏตัวขึ้นที่เกาะเฉวียนหลิง ดึงดูดความสนใจของจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่อยู่ที่นี่ มียอดฝีมือตามรอยมาล้อมเข้ามาทันที

ชายหนุ่มแอบช่วยเหลือนางรับมือ สลัดคู่ต่อสู้เหล่านี้จนหลุดได้

จนกระทั่งมีประกายกระบี่สายหนึ่งพาดผ่านท้องฟ้ามาแต่ไกล พุ่งใส่เยว่เป่าฉี

เป็นประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสน้ำนั้น เยี่ยนจ้าวเกอพลันยิ้มขึ้นมา “ข้าตกปลา ตัวที่เต็มใจงับเบ็ดแล้ว”

เยว่เป่าฉีเห็นประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสน้ำสายนั้น ในใจก็รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร รีบหลบหลีกไปไกล

พลังฝึกปรือของอีกฝ่ายเหนือกว่านาง ประกายกระบี่ของวิชากระบี่กาลเคลื่อนคล้อยมีความเร็วสูงยิ่ง แทบจะมาถึงด้านหลังของนางในชั่วพริบตา

แสงสว่างอันน่าสะพรึงม้วนพัดฟ้าดิน หยุดเวลาบนน่านน้ำด้านหน้าไว้ ประกายกระบี่ครอบลง การไหลของเวลาเปลี่ยนเป็นเชื่องช้าเหลือประมาณ

เยว่เป่าฉีไม่มีความคิดจะหมุนกายโต้ตอบ เพียงแต่หนีไปต่อ

ในขณะเดียวกัน เสียงคำรามของมังกรดังขึ้น แสงสว่างหลายสายขับเน้นวังขนาดมหึมาวังหนึ่งที่ลอยออกจากผิวทะเล

แสงสีทองสาดไปทั่ว ประกายกระที่หมือนกับกระแสเวลานั้นพลันกระจายไปหลายส่วน

การเคลื่อนไหวที่ช้าลงในตอนแรกของเยว่เป่าฉี กลับสู่ความเร็วปกติอีกครั้ง

ประกายกระบี่เปล่งประกาย ปรากฏร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง เป็นคังจิ่นหยวน ผู้สืบทอดคัมภีร์นภากาลเวลาที่เยี่ยนจ้าวเกอเคยเจอ

คังจิ่นหยวนแค่นเสียง “คิดว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่พบการมีอยู่ของเจ้าหรือ?”

ประกายกระบี่สว่างวาบ ความเร็วของวังฝูงมังกรและเยว่ฉีเป่าช้าลงอีกครั้ง ความเร็วของคังจิ่นหยวนกลับสูงขั้นขั้นหนึ่ง

ยามนี้ ประตูวังฝูงมังกรเปิดออก ปราณมังกรหลายสายพุ่งออกมาจากด้านใน เยี่ยนจ้าวเกอปราฏตัว พุ่งไปอยู่บนยอดวังฝูงมังกร

เขาตบสองมือลงด้านล่างพร้อมกัน ทำให้วังฝูงมังกรสั่นไหวอย่างรุนแรง

ประกายกระบี่หลายสายรวมตัวกันกลายเป็นมังกรมากมาย ทะยานขึ้นสู่ฟ้า ก่อนจะกลายเป็นซีดขาวและเสื่อมโทรมท่ามกลางประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสน้ำ แต่ประกายกระบี่กลับริบหรี่ลงหลายส่วน

เยว่เป่าฉีฉวยโอกาสนี้หนีออกจากอาณาเขตที่ประกายกระบี่ครอบคลุม ออกห่างไปในพริบตา

คังจิ่นหยวนมีสีหน้าเคร่งเครียด พลางจับจ้องเยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาคังจิ่นหยวนอย่างสนอกสนใจ ก่อนจะยิ้มกล่าวว่า “พลังฝึกปรือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้ายของท่าน ไม่น่ามีความสามารถเพียงเท่านี้ เป็นเพราะได้รับบาดเจ็บหรือ?”

“อาการบาดเจ็บไม่เหมือนปัญหาที่เกิดขึ้นไม่นาน น่าจะได้รับมานานแล้ว

“เช่นนั้นดูเหมือนว่า เป็นท่านได้รับบาดเจ็บในตอนที่ไล่ตามหนงอวี่ซวนกระมัง?”

ในตอนนั้นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่น้อย ใช้คัมภีร์นภากาลเวลารักษาอาการบาดเจ็บได้ผลดีเยี่ยม อีกทั้งคังจิ่นหยวนผู้นี้ยังมีผู้อาวุโสที่มีระดับพลังฝึกปรือสูงกว่าอีกหลายคน

อาการบาดเจ็บคงอยู่มาถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับการรักษาโดยสมบูรณ์ แสดงให้เห็นว่าในตอนนั้นบาดเจ็บสาหัสยิ่ง

ครั้นได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ สีหน้าของคังจิ่นหนวนพลันถมึงทึงกว่าเดิม

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็แค่นหัวเราะ “ที่แท้เป็นเจ้า”

ปล่อยให้เยว่เป่าฉีหนีไปได้ ซ้ำถูกรื้อฟื้นแผลเก่า สีหน้าของคังจิ่นหยวนจึงบึ้งตึงถึงขีดสุด

แต่ไม่ทันไรเขาก็หัวเราะขึ้น “ข้าคิดออกแล้ว ในตอนนั้นคนแซ่หนงต่อสู้กับเจ้า สู้ได้ครึ่งทาง ตัวเขาก็เกิดปัญหาขึ้น”

“นั่นไม่น่าจะใช่ความบังเอิญ แต่เจ้ามีวิชาหรือของวิเศษที่สะกดเขาได้”

คังจิ่นหยวนยิ้มอย่างดุร้าย กล่าว “เอาของออกมาเสียดีๆ แล้วข้าจะเหลือศพไว้ให้”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็ไม่ขุ่นเคือง แค่นเสียงขึ้นมาบ้าง “อ้อ อยากได้ของที่สะกดหนงอวี่ซงในมือข้า หมายความว่าตอนนั้นท่านจัดการหนงอวี่ซวนไม่ได้สินะ?”

สีหน้าของคังจิ่งหยวนพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง

ชายหนุ่มพูดต่อ “เมื่อครู่ข้ายังนึกว่า ท่านสังหารหนงอวี๋ซวนไปแล้ว ตนเลยต้องจ่ายค่าตอบแทนบางส่วน”

“แต่ดูจากตอนนี้ ทุกอย่างไม่ได้เป็นเช่นนั้น หนงอวี่ซวนที่ได้รับบาดเจ็บเพราะข้า แต่ยังเล่นงานท่านจนมีสภาพนี้ได้อีก? หรือว่ามีจอมยุทธ์สำนักแสงสว่างคนอื่นมารับหนงอวี่ซวน?”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดยังไม่ทันจบ คังจิ่นหยวนที่อยู่อีกฝั่งก็มีสีหน้าดุร้ายกว่าเดิม แทงกระบี่เข้ามาหา!

ประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสน้ำ ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ครอบฟ้าครอบแผ่นดิน

สถานที่ที่ประกายกระบี่ผ่านไปถึง การไหลเวียนของเวลาในมิติคล้ายกับหยุดนิ่ง สรรพสิ่งไม่เคลื่อนไหว มีเพียงคังจิ่นหยวนที่ไม่ได้รับผลกระทบ

ใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอไร้แววหวาดกลัว เกราะเหมันต์ทระนงคลุมร่าง แสงสีทองสว่างขึ้นกลางฝ่ามือ หอกขนอีกาสังหารสีดำเข้มโผล่ขึ้นในมือ

เขาใช้สองมือถือหอก ยกขึ้นบนฟ้า พลังอันคลุ้มคลั่งเหมือนกับคุนเผิงออกทะเล กลายเป็นนกเผิงยักษ์ กระพือปีกบินขึ้นด้านบนสู่สวรรค์ชั้นฟ้า

มังกรน้ำแข็งหลายตัวกับนกเผิงสีทองมากมาย ติดตามคุนเผิงยักษ์อยู่ซ้ายขวา บินทะยานพร้อมกัน

พลังอันมหาศาลทำลายประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสน้ำอย่างเหี้ยมหาญ ทำให้การไหลของเวลาของฟ้าดินรอบๆ เยี่ยนจ้าวเกอกลับคืนสู่สภาพเดิม

คังจิ่นหยวนหัวเราะอย่างเย็นชาไม่หยุด “เด็กน้อยโอหัง คนที่ข้ารังเกียจที่สุดก็คือคนอย่างเจ้า”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะ เขาทิ่มกระบี่สั้นในมือติดต่อกัน ประกายกระบี่แปรเปลี่ยนอีกครั้ง กลายเป็นเส้นสายนับหมื่นนับพัน พุ่งเข้าไปพันรอบๆ เยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ แทงหอกขนอีกาสังหารใส่ประกายกระบี่ที่เหมือนกับเส้นด้ายมากมายนับร้อยนับพันครั้ง

หอกขนอีกาสังหารและกระบี่วารีเคลื่อน อันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำของอีกฝ่ายปะทะกันเป็นพันครั้งในชั่วอึดใจ

พลังอันกล้าแกร่งสั่นไหวและลุกลามตามหอกขนอีกาสังหาร เข้าไปในร่างเยี่ยนจ้าวเกอ

ฝ่ามือที่ถือหอกของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏสภาพโรยราลงในชั่วพริบตา สูญเสียสัดส่วนน้ำ เกิดเป็นรอยเหี่ยวย่น

เกราะเหมันต์ทระนงเปล่งแสงสีฟ้าหลายสายครอบคลุมสองมือของเยี่ยนจ้าวเกอ ประกอบกันเป็นพลังแช่แข็ง บรรเทาการกัดกร่อนจากจิตวรยุทธ์ของศัตรู

ทว่าถึงแม้คังจิ่นหยวนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่สุดท้ายก็ยังมีพลังไม่ธรรมดา กอปรกับฝึกฝนวรยุทธ์สะท้านภพอย่างคัมภีร์นภากาลเวลา

เวลาดุจวารี มิเคยมีความปราณี

แม้แต่น้ำแข็งอันเย็นเยือก ก็เสื่อมโทรมลงพร้อมกัน

น้ำแข็งไม่ละลาย แต่กลายเป็นไอ สลายไปตรงๆ

เยี่ยนจ้าวเกอกลับมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปราณในร่างกายกลายเป็นความโกลาหลกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ไร้ด้านหน้าไร้ด้านหลัง ไร้เริ่มต้นไร้สิ้นสุด แม้แต่การไหลของเวลาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ผิวของเขากลายเป็นชรา ทว่าญาณจริงแท้ในร่างหมุนวนครั้งหนึ่ง ขับเคลื่อนไปทั่วร่าง กลับคืนสู่ความเยาว์วัย กระจ่างใสผุดผ่องเหมือนเดิม

คังจิ่นหยวนงงงวย ‘ไม่ได้รับผลกระทบเลยหรือ?’

เยี่ยนจ้าวเกอใช้หอกเทพสมุทรสุดขอบโลก รวดเร็วดั่งสายฟ้า หอกที่มีสภาวะดุจสายฟ้าแทงใส่คังจิ่นหยวน

อีกฝ่ายเคลื่อนท่าร่าง คล้ายช้าคล้ายเร็ว เตรียมหลบคมหอกของเขา

แต่ครั้งนี้วังฝูงมังกรสาดแสงออกมาหลายสาย กลายเป็นมังกรแสงพันร่างของคังจิ่นหยวน ทำให้เขาหลบหลีกไม่ได้

คมหอกอันน่าสะพรึงของหอกขนอีกาสังหาร เสียบอกของคังจิ่นหยวนอย่างรุนแรง

ทว่าในตอนนั้นเอง ที่ทรวงอกของคังจิ่นหยวนพลันปรากฏแสงที่ละลานตาสายหนึ่ง เหมือนกับกระจกกลมบานหนึ่ง

แสงนั้นขยายการคุ้มกันไปทั่วร่างของเขาอย่างรวดเร็ว ทำให้หอกขนอีกาสังหารไม่อาจขยับได้แม้แต่นิดเดียว

คังจิ่นหยวนใบหน้าเผยรอยยิ้มดุร้าย ฉวยโอกาสยืดตัวขึ้นด้านหน้า คว้าด้ามหอกของเยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนจะแทงกระบี่ใส่อกของชายหนุ่ม