บทที่ 911 คู่หมั้นของซ่างกวนหมิงหลาง

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

“กลับ”

ไป๋หลี่เจิ้นรู้ว่าไป๋หลี่หมิงไม่ยอมกลับง่ายๆแน่ จึงสะกดจุดเขา แล้วก็พากันออกมาจากจวนมู่

เขาก็ไม่อยากถอย

แต่เป็นคำสั่งของประมุข ให้เขาจะต้องรีบถอยโดยเร็ว

เพราะว่า…..เป็นความต้องการของขุนนางผู้อาวุโสต่างแคว้นเย่จิ่งหาน ที่สวมหน้ากากผีคนนั้น

ถึงตอนนี้เขาก็ยังสืบไม่รู้สถานะของเย่จิ่งหาน

ราวกับเขาหลุดออกมาจากในอากาศ ไม่มีร่องรอยอะไรเลย

สิ่งที่ทำให้ไม่คาดคิดก็คือ เขายังวัยหนุ่ม ความสามารถกลับมีถึงระดับหก

ระดับหก…..

เป็นความจริงที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เย่จิ่งหานคือสิ่งลึกลับอะไรหรือเปล่า เพราะฝึกวิทยายุทธอะไรบางอย่าง จึงสามารถรักษาไม่ให้แก่ลง

“ท่านปู่…..”

ไป๋หลี่หมิงที่ไปไกลแล้วไม่พอใจ

จะให้แขนของเขาสูญเสียไปเปล่าๆแบบนี้หรือ?

“คำสั่งของประมุข ปฏิบัติตามไม่ได้ มู่หน่วนเป็นเพียงชีพจรยุทธ์ชั้นหนึ่ง คิดอยากกำจัดนาง ลงมือเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องขัดคำสั่งประมุข”

“ประมุขอยู่อย่างสูงส่ง ทำไมจะต้องมายุ่งเรื่องพวกนี้? แล้วทำไมจะต้องช่วยนางด้วย”

“ข้าก็ไม่รู้ ค่อยหาโอกาสกำจัดนางทิ้งก็พอ”

“เอาล่ะ เชื่อฟังท่านปู่ นอกจากมู่หน่วน ทั้งคนทั้งสัตว์ในตระกูลมู่ล้วนกำจัดให้หมด”

“วางใจ ปู่จะช่วยเจ้า”

คนตระกูลไป๋หลี่กลับไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงคนจวนมู่ที่ต่างมองหน้ากัน

กลับไปกันแบบนี้…..หรือ?

พวกเขาฝันไปหรือเปล่า?

ด้วยนิสัยของตระกูลไป๋หลี่ ไม่ได้ระบายอารมณ์กระหน่ำทำร้ายตระกูลมู่ แล้วจะกลับไปง่ายๆได้อย่างไร

เจ้าบ้านสองกับเจ้าบ้านสามของจวนมู่ กระหน่ำก่นด่ากู้ชูหน่วน

“มู่หน่วน เจ้าไปมีเรื่องกับใครไม่ดี ไปมีเรื่องกับคุณชายไป๋หลี่หมิงทำไม ท่านปู่ของเขาเป็นคนเข้าข้างคนของตนเอง เจ้าไม่รู้หรือ?”

“ใช่ ไป๋หลี่เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ทั้งสี่ พวกเขามีกำลังอำนาจใหญ่โต ใช่ว่าเราจะสามารถไปมีเรื่องได้ เจ้ามีเรื่องกับพวกเขาเอง เจ้าจะต้องไปจัดการด้วยตนเอง อย่าดึงจวนหมู่ทั้งตระกูลของเราไปมีส่วนร่วมด้วย”

มู่ซินยังคงคุกเข่าอยู่ ไม่รู้ว่าเพราะลุกขึ้นมาไม่ได้หรือเปล่า เขาพูดขึ้นว่า “น้องสองน้องสาม กว่าอาหน่วนจะได้กลับมา ครั้งนี้คงตกใจไม่น้อย พวกเจ้าไม่ต้องถือโทษนางแล้ว”

“พี่ใหญ่ เจ้าคิดว่าพวกเราอยากหรือ? จวนมู่มีเรื่องกับตระกูลไป๋หลี่ เดิมชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราก็ไม่ดีอยู่แล้ว ต่อไปจะยิ่งลำบากกว่าเดิมแน่”

“อีกอย่าง ไม่รู้ว่าคนของตระกูลไป๋หลี่แอบสั่งนักฆ่าไว้ไหม เพื่อฆ่าพวกเราทั้งตระกูลมู่ ความผิดของลูกสาวเจ้า ทำไมพวกเราจะต้องช่วยนางแบกรับ”

กู้ชูหน่วนยื่นมือ ประคองมู่ซินไปด้วย พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาไปด้วยว่า “กลัวเดือดร้อนเพราะข้า งั้นตอนนี้พวกเจ้าก็สามารถไปจากจวนมู่ได้เลย ไม่มีใครห้ามพวกเจ้า”

“เจ้า…เจ้านังเด็กชั่ว ออกไปครึ่งเดือนแล้วกล้าหาญขึ้นใช่ไหม กล้าเถียงแม้แต่พวกเรา นี่เป็นบ้านของข้า ทำไมข้าจะต้องจากไป?”

“งั้นก็หุบปากของพวกเจ้าเสีย น่ารำคาญจะแย่”

ซี๊ด…..

ทุกคนต่างนิ่งอึ้ง

แน่ใจว่านี่เป็นคำพูดของมู่หน่วน?

นี่เห็นผีหรือเปล่า?

เจ้าบ้านสองกับเจ้าบ้านสามยังอยากพูดอะไรอีก

ประมุขตระกูลมู่ พูดขึ้นมาอย่างรำคาญว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าพูดกันน้อย ๆ หน่อยดูการบาดเจ็บของเจ้าใหญ่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

“ซี๊ด……”

มู่ซินบาดเจ็บสาหัส ต่อให้มีกู้ชูหน่วนประคองไว้ก็ยืนไม่ไหว เลือกสดสีแดงยังคงไหลออกจากร่างกายของเขาไม่หยุด

กู้ชูหน่วนพบว่า ขาของเขาก็พิการ เดินกระโผลกกระเผลก

“พวกเจ้า ประคองเจ้าใหญ่ไปในห้อง พวกเจ้า รีบไปตามหมอมา”

“ขอรับ”

ภายในห้องมู่ซิน

ประมุขตระกูลมู่เจ้าบ้านสองเจ้าบ้านสาม กลับผู้อาวุโสหลายคนคุยกันอยู่ในห้องโถง ปรึกษากันว่าต่อไปจะทำอย่างไรดี

มีเพียงกู้ชูหน่วนที่เฝ้าอยู่เคียงข้างมู่ซิน

มู่ซินบาดเจ็บสาหัส หมอก็ยังไม่มาสักที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวิทยายุทธของมู่ซินด้อยหรือเปล่า แม้แต่ขั้นหนึ่งก็ไม่ถึง คนในจวนจึงไม่มีใครเหลียวแลเขา

กู้ชูหน่วนจำต้องลงมือด้วยตนเอง ช่วยเขาล้างแผลรักษาบาดแผล

มู่ซินพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “อาหน่วน เจ้าไม่ต้องสนใจข้า ฉวยโอกาสตอนที่คนตระกูลไป๋หลี่ไม่อยู่ รีบหนีไปให้ไกลที่สุด หนีออกไปจากแคว้นปิง แล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีก”

“คนเผ่าไป๋หลี่ไม่เพียงมีอำนาจในแคว้นปิง ต่อให้ข้าหนีออกไปจากแคว้นปิง ขอเพียงพวกเขาอยากตามหา ยังไงก็สามารถหาเจอ”

“แต่นี่ก็ยังมีโอกาส”

“หนีได้ครั้งหนึ่ง แต่หนีไม่ได้ตลอด หลบหนีอยู่ตลอดก็ไม่ใช่วิธีที่ดี”

“งั้น…เจ้าคิดจะทำอย่างไร?”

“ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออก จะคิดมากมายขนาดนั้นทำไม” กู้ชูหน่วนไม่หวั่นเกรง ไม่สะทกสะท้านต่อตระกูลไป๋หลี่ เพียงแค่ช่วยเขาทำความสะอาดรักษาบาดแผลอยู่อย่างตั้งใจ กลัวว่าหากกระทำรุนแรง จะทำให้เขาเจ็บ

อาจเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากกู้ชูหน่วน ความตื่นเต้นในใจมู่ซินค่อยผ่อนลง

“ใช่ หลบหนีอยู่ตลอดไม่ใช่วิธีที่ดี วันนี้พวกเขาจากไปอย่างกะทันหัน จะต้องมีคนแอบช่วยเจ้าไว้แน่ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรากับราชวงศ์เบาบางลงแล้ว หลายปีมานี้ ราชวงศ์แทบไม่สนใจพวกเรา แม้แต่ยาสมุนไพรก็ไม่อยากที่จะให้พวกเรา พวกเขาคงไม่คิดช่วยพวกเราแน่”

“มีเพียงคนเดียวที่อาจจะช่วยพวกเรา นั่นก็คือตระกูลซ่างกวน เจ้ากับซ่างกวนหมิงหลางเป็นคู่หมั้นกัน ต่อหน้าตระกูลซ่างกวนเย็นชา แต่ความจริงก็ยังคิดถึงบุญคุณในตอนนั้น ยังไงก็ช่วยพวกเราอยู่อย่างลับหลัง”

“มีตระกูลซ่างกวนคอยปกป้อง พวกตระกูลไป๋หลี่ก็คงไม่กล้าเหิมเกริมอะไรมาก”

กู้ชูหน่วนไม่เชื่อเรื่องปกป้องหรือไม่ปกป้อง

พึ่งฟ้าพึ่งดิน สู้พึ่งตนเองไม่ได้

บนโลกนี้คนที่สามารถปกป้องนางได้ มีเพียงตัวนางเอง

“ข้ากับซ่างกวนหมิงหลางเป็นคู่หมั้นกันได้อย่างไร?”

“เจ้า….เจ้าจำไม่ได้แล้วหรือ?”

“ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย สมองได้รับผลกระทบกระเทือน จึงลืมเรื่องราวไปแล้วมากมาย”

“ใช่ พ่อเกือบลืมไป ได้ยินว่าไป๋หลี่หมิงกับพวกพี่น้องทุบตีทารุณเจ้า เจ้าเป็นอะไรไหม?”

“ไม่เป็นไร หายดีขึ้นมากแล้ว”

กู้ชูหน่วนรู้สึกอบอุ่นใจ

พ่อคนนี้ถึงแม้จะดูไม่มีอะไร แต่ความห่วงที่มีต่อนางนั้นออกมาจากใจจริง

“เดรัจฉานพวกนั้น ต้องโทษที่พ่อไร้ค่า ปกป้องเจ้าไม่ได้”

“ชีพจรยุทธ์ของพ่อถูกตัดขาด?” จู่ๆกู้ชูหน่วนก็ถามขึ้นมา

“ใช่ เจ้ารู้ได้อย่างไร ลุงสองกับลุงสามบอกเจ้าหรือ”

ชีพจรที่เห็นได้ชัดเจนขนาดนี้ นางไม่ได้โง่ ทำไมจะดูไม่ออก

มู่ซินถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าว่า “ขาดไปแล้วก็ช่างเถอะ ขอเพียงเจ้าปลอดภัยก็พอ”

คำพูดประโยคนี้…..

ชีพจรยุทธ์ของเขาขาดเพราะนางหรือ?

“ตอนนั้นฮูหยินซ่างกวนตั้งครรภ์ แล้วไปไหว้พระที่วัด ระหว่างทางเจอกับโจร แม่ของเจ้าถูกโจรฆ่าตาย เพราะช่วยฮูหยินซ่างกวน เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ ตระกูลซ่างกวนยอมยกเด็กในท้องฮูหยินซ่างกวนให้ครองคู่กับเจ้า ซึ่งก็คือซ่างกวนหมิงหลาง”

“ซ่างกวนหมิงหลางรูปงามมีความสามารถ อายุอย่างน้อยก็มีกำลังถึงระดับสาม เป็นเหมือนดั่งเทพอยู่ในแคว้นปิง หากเจ้าได้แต่งงานกับเขา ชีวิตครึ่งหลังของพ่อก็วางใจแล้ว”

อัจฉริยะคลองคู่กับขยะหรือ?

ตระกูลซ่างกวนคงกำลังคิดหาวิธีถอนหมั้นกับนางเสียมากกว่า

มู่ซินพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ไม่กี่วันก็จะเป็นวันชุมนุมหลอมยาในรอบสิบปีแล้ว กับงานชุมนุมล่าสัตว์ในรอบยี่สิบปี เจ้ามีเรื่องกับตระกูลไป๋หลี่ ข้ากลัวว่าพวกเขาจะไม่ยอมให้เจ้าเข้าร่วม”

“งานชุมนุมหลอมยากับงานชุมนุมล่าสัตว์เป็นงานชุมนุมที่ยิ่งใหญ่ของแคว้นปิง ปีนี้งานชนกัน หากสามารถได้เข้าร่วม บางทีอาจโชคดีได้สัตว์เลี้ยงมาครอบครอง หรือบางทีได้ยาชั้นเลิศมาสักลูกสองลูก แต่ตอนนี้….”

“งานชุมนุมหลอมยา? งานชุมนุมล่าสัตว์?”

“ใช่ ภายในสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลซ่างกวนเชี่ยวชาญเรื่องหลอมยา ได้ยินว่าปีนี้พวกเขาเชิญคนลึกลับแซ่เซียวคนหนึ่งมา มีความสามารถในการหลอมยาอย่างมาก หากไม่ผิดพลาดผู้ชนะในปีนี้คงเป็นพวกเขาอีก”

“ตระกูลไป๋หลี่เชี่ยวชาญควบคุมสัตว์ ที่ผ่านมาผู้ชนะล้วนเป็นตระกูลไป๋หลี่ ปีนี้ข้าคิดว่ายังคงเป็นพวกเขา เพราะพวกเขาหาเจอราชางูเก้าหัวมรกตตัวหนึ่ง มีความสามารถถึงระดับห้า ถือเป็นราชาแห่งงู และก็เป็นราชาแห่งสัตว์อสูร”