บทที่ 912 ตระกูลเวินที่ลึกลับ

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 912 ตระกูลเวินที่ลึกลับ
“สัตว์อสูรระดับห้า ถูกตระกูลไป๋หลี่ควบคุม? ประมุขตระกูลไป๋หลี่ควบคุมได้ด้วยตนเองหรือ?”

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้ชัดเจน ข้าก็แค่ได้ยินประมุขของเราพูดขึ้นมาเท่านั้น ราชางูเก้าหัวมรกตเป็นสัตว์เทพในตำนาน เห็นว่าความสามารถของมันสามารถไปถึงมากกว่าระดับเจ็ด หากราชางูเก้าหัวมรกตถูกตระกูลไป๋หลี่ควบคุมได้จริงๆ แคว้นปิงคงถูกพวกเขาครอบงำตามอำเภอใจ”

กู้ชูหน่วนหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เกรงกลัวว่าพวกเขาจะควบคุมงูน้อยเก้าหัวไม่ได้”

“ลูกเอ๋ย ราชางูไม่ใช่งูน้อย ร่างกายของมันใหญ่โตมาก แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าตระกูลไป๋หลี่ควบคุมไม่ได้”

“ไมรู้ อาศัยความรู้สึก สัตว์อสูรมีความรู้สึก โดยเฉพาะสัตว์อสูรชั้นสูง คนตระกูลไป๋หลี่นิสัยแย่ สัตว์อสูรที่แท้จริงที่ไหนจะไปยอมพวกเขา”

“ถึงแม้เช่นนี้ ไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่น ไม่เพียงตระกูลมู่ของเรา ทุกครอบครัวตระกูลใหญ่ก็ล้วนรู้หมดแล้ว แค่กๆ….”

“ยังมีตระกูลใหญ่อีกสองตระกูลล่ะ พวกเขาชำนาญอะไร?”

“ยังมีตระกูลเวินกับตระกูลหนิง ประมุขของตระกูลเวิน เป็นผู้ลึกลับ ไม่ชอบเปิดเผย ลึกลับอย่างมาก แม้แต่ประมุขสามตระกูลใหญ่ ก็ไม่รู้จักประมุขตระกูลเวิน และประมุขตระกูลเวินก็ไม่เคยปรากฏตัวในกิจกรรมชุมนุมใดๆ แต่ตระกูลเวินมีผู้มีความสามารถมากมาย ในสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลเวินลึกล้ำที่สุด ไม่มีใครกล้าแตะต้อง”

“มีข่าวลือว่า ที่จริงตระกูลเวินไม่มีประมุข มีเพียงผู้อาวุโส และก็มีคนพูดว่าประมุขตระกูลเวินกักตัวฝึกฝนอยู่ตลอด ดังนั้นจึงไม่พบใคร ส่วนความจริงเป็นอย่างไรนั้น คงมีเพียงผู้อาวุโสของตระกูลเวินเท่านั้นที่รู้”

“ส่วนตระกูลหนิง ตระกูลหนิงเป็นตระกูลที่ด้อยที่สุดในสี่ตระกูล พวกเขาชำนาญเรื่องอาวุธ แต่ร้อยปีมานี้ ด้อยลงยุคแล้วยุคเล่า ตอนนี้ถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้ว”

ไม่รู้ว่าพูดมากไปหรือเปล่า หรือเพราะเดิมบาดเจ็บสาหัส อาการมู่ซินไม่ดีเลย

กู้ชูหน่วนถอนหายใจ จัดการอยู่ตั้งนาน ในที่สุดก็สามารถล้างบาดแผลจนสะอาดแล้ว

“เจ้าบาดเจ็บสาหัส พักผ่อนให้ดี เรื่องอื่นไม่ต้องคิดมาก”

มู่ซินจะวางใจพักผ่อนได้อย่างไร

มีเรื่องกับตระกูลไป๋หลี่ เขาเป็นห่วงลูกตนเองมาก

กู้ชูหน่วนยุ่งอยู่ในห้องตั้งนาน แต่ก็หายาสมุนไพรอะไรไม่เจอเลย

เขาหันไปถามขึ้นว่า “ตอบคำถามข้าหนึ่งคำถามแล้วค่อยพักผ่อน ที่นี่มียาจื่อหยางไหม”

“ยาจื่อหยาง? เจ้าบอกพ่อมาตรงๆ เจ้า….”

“พ่อคิดมากไปแล้ว ข้าต้องการยาจื่อหยางเพียงเพื่อรักษาบาดแผลของพ่อ”

มู่ซินค่อยโล่งอก เขาพูดขึ้นอย่างขมขื่นว่า “ยาจื่อหยางเป็นยาชั้นเลิศขนาดไหน ตระกูลมู่เราจะมีได้อย่างไร เกรงว่าทั่วใต้หล้าก็คงมียาจื่อหยางเพียงไม่กี่ลูก เพื่อหลอมยากขนาดนั้น”

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

ยาจื่อหยางล้ำค่ามากหรือ?

หลอมยากหรือ?

ทำไมในหัวสมองของนางถึงปรากฏขั้นตอนการหลอมยายาจื่อหยาง?

ตอนนี้นางขาดหม้อสามขา และยาสมุนไพร ไม่อย่างนั้นยาจื่อหยางนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ

“งั้นยาฟู่จื่อล่ะ?”

ถึงแม้ยาฟู่จื่อประสิทธิภาพจะแย่ แต่ใช้ห้ามเลือดได้ก็พอแล้ว

“อาหน่วน พ่อผิวหนังหยาบหนา บาดเจ็บนิดหน่อยไม่เป็นไร ไม่กี่วันพ่อก็หายแล้ว เจ้าอย่าเป็นห่วงพ่อ”

ยาฟู่จื่อก็ล้ำค่าอย่างมาก เขาไม่กล้าคิดหรอก

กู้ชูหน่วนก็ไม่โง่

เห็นได้จากแววตาของเขา ตระกูลมู่คงไม่มีปัญญาซื้อยาฟู่จื่อ ต่อให้มีปัญญาซื้อก็คงไม่ให้คนที่มีกำลังไม่ถึงระดับหนึ่ง

เขาบาดเจ็บสาหัส ขาข้างหนึ่งก็พิการแล้ว หากไม่ใช่เพราะร่างกายเขาแข็งแรง คงไม่ไหวแต่แรกแล้ว

บาดแผลเต็มตัวแล้ว ไม่ทายาไม่ได้

“ก๊อกๆ….” เสียงเคาะประตูดังขึ้น

คนใช้คนหนึ่งผลักประตูเข้ามา พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหนูสาม ประมุขให้มาตามท่านไปพบ”

“รู้แล้ว เจ้าออกไปก่อน”

มู่ซินดิ้นรนจะลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “อาหน่วน พ่อไปกับเจ้า พ่อไปขอร้องท่านประมุขให้ปล่อยเจ้า”

“พ่อรู้ได้อย่างไรว่า ประมุขจะตามข้าไปคิดบัญชี พักผ่อนเถอะ ข้าไปแปบเดียวก็กลับ”