ตอนที่ 755 ฉินอวี้โม่เก็บตัวฝึกวิชา

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ภายในภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเทียนยิน บรรยากาศในเวลานี้ตึงเครียดอย่างยิ่ง

เมื่อเถียนเยี่ยนจือถูกฝ่ามือฟาดเข้าไปอย่างจัง บรรดาสมาชิกตระกูลเถียนหลายคนก็เข้าล้อมรอบหานโม่ฉือด้วยสีหน้าแววตามุ่งร้าย

“พวกเจ้าจะทำอะไร ?”

เหมียวเจินเจินวิ่งเข้ามาหยุดข้างหานโม่ฉือและจ้องหน้าคนเหล่านั้นตาเขม็งขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังชัดเจน

“เถียนเยี่ยนจือเป็นฝ่ายที่รังควานพี่หานไม่เลิก พี่หานของข้าจึงอดที่จะเตือนสตินางไม่ได้ก็เท่านั้น ทว่าตอนนี้พวกเจ้ายังคิดจะรุมรังแกพวกเราด้วยจำนวนคนที่มากกว่างั้นรึ ?”

เสียงของนางดังไปทั่วบริเวณจนทุก ๆ คนต่างก็ได้ยิน

หลายคนที่มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนคิดไปในทางเดียวกันว่าคนตระกูลเถียนทำเกินกว่าเหตุ เถียนเยี่ยนจือมักจะรังแกผู้อื่นอย่างหน้าไม่อายเสมอ ครานี้เมื่อนางเป็นฝ่ายที่เผชิญกับเคราะห์ร้ายบ้าง คนตระกูลเถียนกลับไม่ยอมรับและคิดจะใช้กำลังรังแกผู้อื่น พวกเขาช่างน่ารังเกียจอย่างที่สุด

“น่ารังเกียจจริง ๆ คนอย่างคุณชายหานอยู่ไกลเกินกว่าที่นางจะเอื้อมถึง นางควรจะตระหนักว่าตนเองมีรูปลักษณ์หน้าตาเป็นอย่างไร”

ใครบางคนอดกล่าวไม่ได้และไม่เกรงกลัวที่จะทำให้ตระกูลเถียนไม่พอใจ

“ใช่ การชื่นชมคุณชายหานจากระยะไกลก็ถือว่ามากเกินพอ ผู้ที่จะคู่ควรกับเขาคงมีเพียงสตรีงามสิบอันดับแรกของดินแดนเท่านั้น แม้เถียนเยี่ยนจือจะเป็นคุณหนูของตระกูลเถียนและเป็นที่โปรดปรานของผู้นำตระกูล แต่นางก็ไม่คู่ควรกับคุณชายหานเลยสักนิด”

สตรีอีกคนกล่าวอย่างเห็นด้วย ไม่ว่าด้านรูปลักษณ์หรือพรสวรรค์อันโดดเด่นของหานโม่ฉือ แม้แต่สตรีงามสิบอันดับแรกของดินแดนก็อาจไม่ดีพอด้วยซ้ำ แม้เถียนเยี่ยนจือผู้นี้จะเป็นคุณหนูใหญ่คนโปรดของตระกูล ทว่านางก็ด้อยกว่าสตรีเหล่านั้นมากนัก ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่คู่ควรที่จะยืนเคียงข้างหานโม่ฉือ

“หน้าไม่อาย หน้าไม่อายจริง ๆ คิดว่าตนเป็นคุณหนูตระกูลเถียนแล้วจะรังแกใครก็ได้ตามใจชอบรึ ? การกระทำของคุณชายหานถือว่าถูกต้องแล้ว !”

แขกหลายคนในภัตตาคารแห่งนี้เคยถูกคนของตระกูลเถียนรังแกเป็นประจำ และการที่หานโม่ฉือฟาดฝ่ามือใส่เถียนเยี่ยนจือจนกระเด็นออกไปเช่นนี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกสาแก่ใจไม่น้อย หลายคนก็กล่าวเสียงดังอย่างไม่กลัวเกรงว่าจะถูกหมายหัวโดยคนตระกูลเถียน ถึงอย่างไรตอนนี้ก็มีคนรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ต่อให้พลังของตระกูลเถียนจะมากกว่า พวกเขาก็ไม่กล้าเปิดศึกกับคนจำนวนมากและจุดชนวนความโกรธแค้นของสาธารณะชนอย่างแน่นอน

“ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้ !”

เถียนเยี่ยนจือลุกขึ้นยืนด้วยสภาพที่อับอายไม่น้อย ก่อนหน้านี้นางกระแทกเข้ากับโต๊ะหลายตัวและน้ำซุปหกรดร่างของตนเอง นอกจากนี้ยังมีเศษผักจำนวนหนึ่งติดตามเส้นผมและเครื่องสำอางหนาเตอะบนใบหน้าก็เปื้อนเลอะจนคุณหนูตระกูลเถียนในตอนนี้ดูน่าสมเพชอย่างแท้จริง

“ท่านต้องทำให้ข้าอับอายขายหน้าเช่นนี้เลยรึ ?”

เถียนเยี่ยนจือมองตรงไปที่หานโม่ฉือและไม่คิดเลยว่าตนจะอดทนต่อความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้ หากเป็นใครคนอื่น นางก็คงโกรธแค้นจนอาละวาดไปแล้ว ทว่าสำหรับหานโม่ฉือผู้นี้ นางกลับไม่มีทีท่าโกรธเคืองใด ๆ ต่อให้หานโม่ฉือจะทำให้นางอับอายต่อหน้าคนมากมายถึงเพียงนี้ เถียนเยี่ยนจือก็ยังอยากได้เขามาครอง

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา หานโม่ฉือไม่เคยพบสตรีที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน เขาประกาศจุดยืนของตนเองอย่างชัดเจนแล้ว ทว่านางก็ยังกล่าววาจาแสดงความต้องการครอบครองเขาได้อย่างหน้าตาเฉยและในเวลานี้ก็ยังทำเหมือนว่าเขาทำให้นางผิดหวัง มันช่างเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจอย่างแท้จริง

“เถียนเยี่ยนจือ ไม่ต้องเสแสร้งทำเป็นเศร้าใจหรอก พี่หานของข้าไม่เคยรู้จักเจ้าและไม่คิดที่จะทำให้เจ้าอับอาย เพียงแต่เป็นเจ้าเองที่รังควานเขาอย่างหน้าไม่อาย พี่หานให้โอกาสเจ้ากลับไปแล้วทว่าเจ้ากลับไม่รับมัน ไม่ต้องแปลกใจหรอก อีกอย่าง…คนตระกูลเถียนหน้าไม่อายเช่นนี้ทุกเคยเลยหรือ ?”

เหมียวเจินเจินอดกล่าวออกไปไม่ได้ หากทราบมาก่อนว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเถียนเยี่ยนจือ นางก็คงไม่ชวนหานโม่ฉือออกมาที่นี่ในวันนี้ หัวใจของนางทราบดีว่าเสน่ห์และรูปลักษณ์ของหานโม่ฉือนั้นโดดเด่นจนเกินไป แม้แต่เถียนเยี่ยนจือที่ไม่เคยสนใจบุรุษใดในเมืองเทียนยินก็ยังกล้าแสดงความปรารถนาอย่างเปิดเผยและไร้ยางอายเช่นนี้

“รนหาที่ตายเสียแล้ว !”

เถียนเหล่ยกล่าวขึ้นเบา ๆ และยกฝ่ามือเพื่อฟาดโจมตีเหมียวเจินเจิน

แม้ลึก ๆ เขาก็แอบหวังว่าหานโม่ฉือจะฟาดเถียนเยี่ยนจือจนตายไป ทว่าน่าเสียดายที่เขาไม่อาจปล่อยให้น้องสาวตายอยู่ที่นี่ได้ หากบิดาของเขาทราบว่าเถียนเยี่ยนจือถูกหยามหน้าจนเสียเกียรติเช่นนี้โดยที่พวกเขาไม่ลงมือทำอะไร เกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาจะถูกลงโทษอย่างแสนสาหัส

เนื่องจากไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เขาจึงถือโอกาสนี้เพื่อปล่อยการโจมตีออกไปก่อน ต่อให้เรื่องนี้ทราบไปถึงตระกูลเถียน อย่างน้อยการที่พวกเขาพยายามปกป้องน้องสาวอย่างเต็มที่ พวกเขาก็จะไม่ถูกลงโทษอย่างแน่นอน

โครม !

ก่อนที่ฝ่ามือของเขาจะไปถึงเป้าหมาย ฝ่ามือวายุของหานโม่ฉือก็พุ่งออกมาทักทายและเมื่อฝ่ามือทั้งสองปะทะกันกลางอากาศมันก็ทำให้เถียนเหล่ยกระเด็นออกไป

ความแข็งแกร่งของเถียนเหล่ยและบรรดาสมาชิกตระกูลเถียนคนอื่น ๆ ในที่นี้ล้วนอยู่เพียงขอบเขตราชาเซียนครึ่งก้าวเท่านั้นและไม่เป็นภัยคุกคามต่อหานโม่ฉือแม้แต่น้อย

คนอื่น ๆ ก็หยุดให้ความสนใจเถียนเยี่ยนจือขณะตรงเข้าไปโจมตีหานโม่ฉือและเหมียวเจินเจินโดยไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย

หานโม่ฉือเพียงพุ่งตัวออกไปและต่อสู้กับคนเหล่านั้นอย่างไม่ทุกข์ร้อน บรรยากาศภายในภัตตาคารในตอนนี้วุ่นวายเกินจะควบคุม…

อีกฟากหนึ่งของดินแดน สถานการณ์ของอำเภอซ่างหยวนก็ดำเนินไปอย่างเงียบสงบ

เป็นจริงดังที่ฉื่อซิ่งและฉื่อไท่หลางกล่าวไว้ เนื่องจากการคัดเลือกศิษย์ที่กำลังจะมาถึง แม้คนตระกูลจูจะต้องอับอายขายหน้าที่หน้าประตูเมือง ทว่าพวกเขาก็ยังไม่บุกมาหาเรื่องตระกูลฉื่อเพื่อล้างแค้น

ทั้งสองฝ่ายทราบดีว่าการคัดเลือกนี้สำคัญกว่าความบาดหมางระหว่างพวกตน ไม่ว่าจากฝ่ายใด หากมีจอมยุทธ์อัจฉริยะที่สามารถผ่านการคัดเลือกทั้งหมดและเข้าร่วมเป็นศิษย์ของสามสำนักและเก้านิกายได้สำเร็จ มันจะส่งผลดีและทำให้ตระกูลเป็นฝ่ายได้เปรียบในการประจันหน้ากันอย่างแน่นอน และอาจถึงขั้นกลายเป็นตระกูลที่มีอำนาจปกครองทั้งอำเภอซ่างหยวนเลยด้วยซ้ำ

ต่อให้ไม่สามารถเข้าร่วมกับสามสำนักและเก้านิกาย ทว่าหากผ่านเข้าไปในรอบลึก ๆ และได้รับความดีความชอบจากขุมกำลังใหญ่ ๆ มันก็จะเป็นผลดีต่อตระกูลเช่นกัน

เพราะเหตุนั้น แม้คนตระกูลจูจะไม่เต็มใจนักและจูโหย่วจ้วงก็ต้องการจะบุกเข้าไปชำระความแค้นกับตระกูลฉื่ออยู่หลายครา ทว่าเขาก็ถูกบิดาอย่างจูปี้ห้ามปรามไว้

“ท่านพ่อ ท่านจะปล่อยพวกบัดซบนั่นไปง่าย ๆ เช่นนี้รึ ?”

จูโหย่วจ้วงจดจำความอัปยศอดสูที่ต้องเผชิญได้เป็นอย่างดีและเขาก็จงเกลียดจงชังฉื่อไท่หลางและฉินอวี้โม่เป็นที่สุด ตราบใดที่จัดการกับตระกูลฉื่อได้ เขาจะทำให้ฉื่อไท่หลางตายไปอย่างทรมานที่สุดและทำให้ฉินอวี้โม่ต้องอยู่เคียงข้างเขาและทุกข์ทรมานไปตลอดทั้งชีวิต เมื่อถึงตอนนั้น ทั้งสองจะได้ตระหนักถึงชะตากรรมของผู้ที่ริอาจทำให้เขาขุ่นเคืองใจ

“จ้วงเอ๋อร์ ใกล้ถึงการคัดเลือกของอำเภอซ่างหยวนแล้ว อำเภอซ่างหยวนของเรามีที่ให้กับจอมยุทธ์เพียงสิบคนเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่พอใจและแทบอดทนกล้ำกลืนไว้ไม่ไหว อย่างไรก็ตาม เจ้าน่าจะเข้าใจความสำคัญของการคัดเลือกนี้ดี ไม่ว่าอย่างไรตระกูลจูของเราก็ต้องเอาชนะคนตระกูลฉื่อให้ได้ ช่วงนี้เราจะอดทนต่อไปก่อน เมื่อถึงเวลาการคัดเลือก มันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะจัดการกับพวกคนตระกูลฉื่อในตอนนั้น !”

แววตาของจูปี้ในตอนนี้เผยให้เห็นความมุ่งร้ายอย่างชัดเจน การที่เขาจำต้องก้มหัวยอมแพ้ฉื่อซิ่งเป็นสิ่งที่เจ็บใจอย่างที่สุด แม้จะบาดหมางขัดแย้งกันมานานหลายปี ทว่านี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาต้องแบกรับความพ่ายแพ้เช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้นำตระกูล เขาต้องมีสติและตระหนักถึงลำดับความสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่ผู้อาวุโสผู้ทรงพลังของตระกูลจะเข้าสู่ช่วงเก็บตัว เขาได้ย้ำเตือนจูปี้ว่าต้องให้ความสำคัญกับการคัดเลือกนี้อย่างเต็มที่ เพราะเหตุนั้น ตระกูลจูจึงต้องละความเคียดแค้นในใจไว้ก่อนและให้ความสำคัญกับการคัดเลือกนี้เป็นอันดับแรก

“จ้วงเอ๋อร์ หากเจ้าผ่านการคัดเลือกนี้และเข้าร่วมกับขุมกำลังใหญ่ ๆ หรืออาจถึงขั้นเข้าร่วมกับสามสำนักและเก้านิกายได้ การที่จะจัดการกับพวกตระกูลฉื่อในตอนนั้นก็จะง่ายดายไม่ต่างจากการบดขยี้มดตัวเล็ก ๆ ต่อให้เจ้าเข้าร่วมขุมกำลังใหญ่เหล่านั้นไม่สำเร็จ ตราบใดที่เจ้าแสดงผลงานได้ดีและน่าสนใจ เจ้าก็จะได้อยู่ในขุมกำลังของเมืองใหญ่เหล่านั้น อำเภอซ่างหยวนของเราเป็นเพียงอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่แทบไม่สำคัญเลย เมื่อเจ้าได้อยู่ในขุมกำลังที่ใหญ่กว่า พวกมดตัวเล็กอย่างตระกูลฉื่อก็จะอยู่ในกำมือของเจ้า และแม่นางฉินอวี้โม่นั่น เจ้าจะทำอะไรกับนางก็ได้”

หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวเสริมขึ้นมาเนื่องจากทราบดีว่าบุตรชายของตนมีปัญญาไม่มากนักและอาจวู่วามทำสิ่งไม่ดีลงไป

“ท่านพ่อ ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”

จูโหย่วจ้วงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และประโยคสุดท้ายของจูปี้ก็ทำให้เขาฮึดสู้ขึ้นมา ตราบใดที่เข้าร่วมขุมกำลังใหญ่ได้สำเร็จ การจัดการฉื่อไท่หลางและฉินอวี้โม่จะเป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ และเมื่อถึงตอนนั้น เขาจะทรมานคนทั้งสองอย่างสาสม

“ไม่ต้องกังวลขอรับ ข้าจะฝึกฝนอย่างหนักและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ผ่านการคัดเลือกนี้ ท่านพ่อและผู้อาวุโสจะไม่ผิดหวังเลยขอรับ”

ในอำเภอซ่างหยวนแห่งนี้ ความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของจูโหย่วจ้วงถือว่าอยู่ในระดับที่ดีพอสมควร เพราะฉะนั้นเขาคงจะครองตำแหน่งสิบอันดับแรกได้ไม่ยาก เขาจึงกล่าวออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจพลางจินตนาการถึงภาพความทุกข์ทรมานของฉื่อไท่หลางและฉินอวี้โม่…

ณ จวนตระกูลฉื่อ ฉินอวี้โม่ก็เก็บตัวฝึกวิชาตลอดหลายวันมานี้ ก่อนหน้านี้นางบรรลุพลังขอบเขตนภาเซียนขั้นสูงสุดแล้วและต้องการทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตราชาเซียนให้ได้ก่อนถึงการคัดเลือก ดินแดนมหาเทพเต็มไปด้วยเสือหมอบมังกรซ่อนมากมาย ถึงแม้ว่าจอมยุทธ์ของอำเภอซ่างหยวนจะไม่โดดเด่นหรือแข็งแกร่งนัก นางก็จะไม่ประมาทแต่อย่างใด

ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่อยู่ในระดับที่สูงกว่าฉื่อไท่หลางพอสมควร ทว่านางก็ยังเลือกที่จะเก็บตัวฝึกวิชาและพัฒนาตนเองอีก เมื่อเห็นเช่นนี้ แน่นอนว่าฉื่อไท่หลางก็ไม่ต้องการถูกทิ้งอยู่เบื้องหลังเช่นกันและเริ่มเก็บตัวบ่มเพาะวิชาอย่างขยันขันแข็งมากกว่าเดิม

“ท่านผู้นำขอรับ ในช่วงนี้ดูเหมือนว่านายน้อยจะได้รับอิทธิพลจากผู้อาวุโสอวี้โม่และเก็บตัวฝึกฝนอย่างหนัก”

ทุกคนในตระกูลฉื่อต่างก็แปลกใจกับความพยายามอย่างผิดปกติของฉื่อไท่หลาง โดยปกติแล้วเขามิใช่คนที่ชอบการฝึกยุทธ์มากนักและมักใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการท่องเที่ยวเตร็ดเตร่ไปทั่ว หากว่าเขาฝึกฝนอย่างหนักเช่นนี้ตั้งแต่แรก ความแข็งแกร่งของเขาก็คงจะทิ้งห่างจูโหย่วจ้วงไปนานแล้ว

“คนหนุ่มสาวมักจะต้องเห็นคนที่ดีกว่าตนเพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวเอง การปรากฏตัวของแม่นางอวี้โม่เป็นเรื่องดีสำหรับบุตรตัวดีของข้า น่าเสียดายที่นางแต่งงานแล้ว มิฉะนั้นข้าจะยินดีมากหากบุตรตัวดีของข้าได้ลงเอยกับนาง”

ฉื่อซิ่งลูบคางตนเองเบา ๆ ขณะกล่าวชื่นชมฉินอวี้โม่อย่างเปิดเผย

“ท่านผู้นำ ท่านคิดว่าผู้อาวุโสอวี้โม่มีภูมิหลังใดที่ซ่อนไว้รึไม่ขอรับ ?”

พ่อบ้านตระกูลฉื่อกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง ด้วยเหตุผลบางประการ เขามักรู้สึกเสมอว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้ไม่ธรรมดาและลึกลับมากกว่าที่เห็นภายนอก

“ไม่ว่าจะมีภูมิหลังที่ซ่อนไว้รึไม่ นางก็มิใช่สตรีที่ธรรมดาเลย ในอนาคตข้างหน้า นางจะต้องกลายเป็นจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงร่ำลือในดินแดนนี้อย่างแน่นอนหรืออาจจะกลายเป็นจอมยุทธ์อันดับต้น ๆ ของดินแดนมหาเทพก็เป็นได้”

ฉื่อซิ่งกล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ การที่ฉินอวี้โม่เดินทางมาจากดินแดนระดับต่ำและสามารถพัฒนาพลังมาจนถึงจุดนี้ได้ แค่นี้ก็มากพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงพรสวรรค์และจิตใจที่แกร่งกล้าของนาง

แม้พลังของนางในปัจจุบันจะยังไม่ทรงพลังจนเกินไป มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ครานี้นางจะได้รับเลือกอย่างแน่นอนและอาจผ่านไปถึงรอบลึก ๆ จนเข้าร่วมกับสามสำนักและเก้านิกายได้ในท้ายที่สุด อีกไม่นาน ชื่อของฉินอวี้โม่ก็จะเลื่องลือกว้างไกลไปทั่วดินแดน…

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่มิได้รับรู้ถึงบทสนทนานี้ นางเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ภายในเรือนของตนและเข้าใกล้การทะลวงพลังเต็มที อีกไม่เกินเจ็ดวัน นางจะทะลวงพลังได้สำเร็จอย่างแน่นอน…

อีกฟากหนึ่งของดินแดน หลังจากที่หานโม่ฉือ ‘สั่งสอน’ คนตระกูลเถียนไปอย่างสบาย ๆ เขาก็ออกไปจากภัตตาคารพร้อมกับเหมียวเจินเจิน

“พี่หาน ท่านสุดยอดไปเลย !”

เหมียวเจินเจินในตอนนี้มีความสุขอย่างมาก นางต้องการสั่งสอนคนตระกูลเถียนมานานแล้วและในที่สุดวันนี้ความปรารถนาของนางก็เป็นจริง

“กลับไปที่จวนกันเถอะ เกรงว่าตระกูลเถียนคงจะกลับมาในไม่ช้าแน่”

สีหน้าของหานโม่ฉือยังคงเรียบเฉยโดยไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังทิศทางของจวนตระกูลเหมียวพลางครุ่นคิดวิธีรับมือกับตระกูลเถียนต่อไป

และเป็นจริงดังที่คิดไว้ ทันทีที่กลับไปถึงจวน พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในภัตตาคารให้เหมียวเหรินจวินได้ทราบด้วยซ้ำ เพราะกลุ่มคนจากตระกูลเถียนมาถึงที่นี่ก่อนพวกเขาเสียอีก