ภายในห้องโถงประชุมของจวนตระกูลเหมียว ผู้นำเหมียวเหรินจวินกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์หลัก ทางซ้ายมือคือผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลเหมียวที่นั่งเรียงกันอยู่โดยที่ฝั่งตรงข้ามของพวกเขาคือคนจากตระกูลเถียนที่เพิ่งมาถึง
“ผู้นำเถียน ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดถึงต้องเดินทางมาที่ตระกูลเหมียวด้วยตนเองเช่นนี้รึ ?”
เหมียวเหรินจวินกวาดสายตามองคนตระกูลเถียนและเอ่ยถามโดยไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในภัตตาคารก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม จากความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับลักษณะนิสัยของเถียนโป๋อัน การที่เขาพาคนจากตระกูลเถียนจำนวนมากมาเยือนถึงที่นี่ย่อมมิใช่เรื่องดีแน่
เถียนโป๋อันก็คือผู้นำของตระกูลเถียนซึ่งดูมีอายุประมาณสี่สิบปี เขามีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูธรรมดาทั่วไปทว่ามีกลิ่นอายบางอย่างที่ผู้คนมิอาจมองข้ามได้ ในฐานะที่เป็นผู้นำของตระกูล เขาจึงทรงพลังอย่างมาก เขาบรรลุพลังในขอบเขตราชาเซียนตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนและความแข็งแกร่งในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเหมียวเหรินจวินเท่าไหร่นัก
“สหายเหมียว ข้ามาที่นี่ในวันนี้ก็เนื่องในโอกาสอันดีบางอย่าง”
เถียนโป๋อันกล่าวพร้อมรอยยิ้มระรื่นและกระตือรือร้นโดยไม่มีร่องรอยของความโกรธเคืองใด ๆ
“โอ้ ? เรื่องอะไรรึ ?”
เหมียวเหรินจวินประหลาดใจไม่น้อยทว่าเขาก็ไม่แสดงออกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ เขาเพียงยิ้มบาง ๆ และเอ่ยถามอย่างใจเย็นเท่านั้น
“สหายเหมียว ข้าขอถามท่านก่อนเถอะ ในตระกูลของท่านมีบุรุษแซ่หานอยู่ด้วยหรือไม่ ?”
เถียนโป๋อันกวาดสายตามองไปทั่วห้องโถงทว่าไม่พบคนแปลกหน้าใด อาจเป็นเพราะหานโม่ฉือผู้นั้นยังไม่กลับมาถึงที่จวนก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ผู้นำตระกูลเถียนก็สงสัยใคร่รู้อย่างที่สุด บุรุษที่ทำให้บุตรสาวผู้ทะนงตนของตนชื่นชมอย่างออกนอกหน้าและอดทนต่อความอับอายขายหน้าในที่สาธารณะเช่นนั้นได้เพียงเพราะต้องการแต่งงานกับเขาจะยอดเยี่ยมถึงเพียงใด ?
“อ้อ ผู้นำเถียนคงจะหมายถึงสหายน้อยโม่ฉือสินะ”
แม้เหมียวเหรินจวินจะไม่ทราบถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเถียนโป๋อัน เขาก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ ถึงอย่างไรข้อมูลนี้ก็เป็นสิ่งที่สืบหาได้ไม่ยาก ตลอดการต่อสู้บาดหมางกันมานานหลายปี คงเป็นเรื่องแปลกหากกล่าวว่าตระกูลเถียนไม่ได้ส่งใครสักคนมาแฝงตัวอยู่ในตระกูลเหมียวของเขา
“ข้าก็ละอายใจที่จะกล่าวว่าวันนี้ลูกสาวของข้าได้พบกับคุณชายหานโดยบังเอิญและให้คำมั่นว่าจะแต่งงานกับเขาให้ได้ ข้ามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อหารือเรื่องการแต่งงานระหว่างทั้งสอง นี่ก็จะเป็นผลดีต่อตระกูลของพวกเราเช่นกัน ในอนาคตข้างหน้า ตระกูลเหมียวและตระกูลเถียนของเราทั้งสองจะได้ดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เมื่อถึงตอนนั้นเราจะพัฒนาความแข็งแกร่งได้ไม่น้อยเลยทีเดียว”
เถียนโป๋อันไม่ปิดบังอีกต่อไปและกล่าวจุดประสงค์ออกไปโดยตรง สีหน้าแววตาของเขาดูมั่นใจอย่างมากราวกับคาดว่าเหมียวเหรินจวินผู้นี้จะไม่ปฏิเสธข้อเสนอของตน
“โอ้ ? เช่นนั้นหรือ ?”
เหมียวเหรินจวินพอจะคาดเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้
เกรงว่าเถียนเยี่ยนจือจากตระกูลเถียนคงจะพบกับหานโม่ฉือในเมืองโดยบังเอิญและหมายปองต้องการตบแต่งเป็นภรรยาของเขา ทว่าหานโม่ฉือปฏิเสธอย่างไม่ไยดี เพราะเหตุนั้น เถียนโป๋อันจึงเดินทางมาถึงจวนตระกูลเหมียวด้วยตัวเอง ภายนอกอาจดูเหมือนใบหน้าของเขายิ้มแย้มสบายใจทว่าแท้จริงแล้วเขากำลังกดดันเหมียวเหรินจวินและทั้งตระกูลเหมียวอยู่
อย่างไรก็ตาม นี่มิใช่เรื่องแปลกเกินที่จะเข้าใจ ทั้งรูปลักษณ์และความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือล้วนเหนือชั้นจนไม่มีผู้ใดในเมืองเทียนยินที่จะเทียบด้วยได้ เป็นธรรมดาที่แม้แต่คุณหนูตระกูลเถียนจะชื่นชอบและต้องตาต้องใจหานโม่ฉือ
“จือเอ๋อร์เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของข้าและมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นมาก แม้ข้าไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วหานโม่ฉือผู้นั้นเป็นใคร นางก็จะคู่ควรกับเขาอย่างแน่นอน การแต่งงานของทั้งสองเป็นผลดีสำหรับตระกูลของพวกเราเช่นกัน ข้าเชื่อว่าสหายเหมียวคงจะไม่ปฏิเสธใช่รึไม่ ?”
เถียนโป๋อันยังคงกล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม เขาไม่คิดเลยสักนิดว่าอีกฝ่ายจะทนต่อผลประโยชน์ล่อใจเช่นนี้ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเหมียวและตระกูลเถียนเลวร้ายมาเสมอและทั้งสองตระกูลมิใช่ตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองเทียนยิน หากทั้งสองตระกูลพัฒนาความสัมพันธ์ไปในทางที่ดีและผนึกกำลังร่วมกัน เชื่อว่าพวกเขาอาจมีอิทธิพลมากพอที่จะปกครองทั้งเมืองเทียนยินได้ ยิ่งไปกว่านั้น เหมียวเหรินจวินก็ทราบดีว่าเถียนโป๋อันรักบุตรสาวเพียงคนเดียวอย่างเถียนเยี่ยนจือมากเพียงใด เรื่องนี้เรียกได้ว่าไม่มีผลเสียต่อตระกูลเหมียวแม้แต่น้อย
“เกรงว่าข้าคงออกเสียงในเรื่องนี้ไม่ได้ อันที่จริง…สหายน้อยโม่ฉือมีครอบครัวและมีบุตรสองคนแล้ว คุณหนูตระกูลเถียนเป็นคนมีเกียรติมีชื่อเสียง นางคงไม่อยากเป็นนางสนมของผู้ใด”
เหมียวเหรินจวินปฏิเสธอย่างไม่ลังเล ทว่าเขาเลือกที่จะไม่กล่าววาจาที่ฟังดูรุนแรงหรือชัดเจนจนเกินไปเพื่อทดสอบว่าเถียนโป๋อันจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร
“ข้าทราบเรื่องนี้มาจากบรรดาบุตรของข้าแล้ว เรื่องนี้มิใช่ปัญหาแม้แต่น้อย จือเอ๋อร์ไม่รังเกียจ ตราบใดที่หานโม่ฉือเต็มใจยอมรับ จือเอ๋อร์ก็ยินดีอยู่ในฐานะนางสนมและจะไม่กดดันให้เขาต้องหย่าร้างกับภรรยา”
ในตอนแรกที่เถียนโป๋อันทราบเรื่องนี้ เขาก็โมโหอย่างที่สุด เขาจะยอมให้บุตรสาวที่เขาเฝ้ารักเฝ้าทะนุถนอมมาตลอดไปเป็นนางสนมของคนอื่นได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เถียนเยี่ยนจือตัดสินใจแล้วและแสดงความต้องการอย่างแน่วแน่ นางถึงขั้นข่มขู่ว่าจะอดอาหารประท้วงเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ เพราะเหตุนั้น เถียนโป๋อันจึงต้องตอบตกลงอย่างจนปัญญา
อย่างไรก็ตาม เถียนโป๋อันเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญเท่าใดนัก การที่หานโม่ฉือผู้นั้นพักอยู่ในตระกูลเหมียวแสดงว่าเขาก็คงไม่มีภูมิหลังใดมากนัก ภรรยาของเขาก็คงเป็นเพียงคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น หลังจากบุตรสาวของตนได้เป็นนางสนมและเข้าไปในชีวิตของหานโม่ฉือได้สำเร็จ มันก็ไม่ยากที่จะจัดการกับสตรีผู้นั้นให้พ้นทาง การยอมเป็นนางสนมเป็นเพียงบันไดขั้นแรกเท่านั้นและในไม่ช้าเถียนเยี่ยนจือก็จะได้กลายเป็นภรรยาของหานโม่ฉือ
“ไม่คิดเลยว่าคุณหนูตระกูลเถียนจะหลงใหลในตัวสหายน้อยโม่ฉือมากถึงเพียงนี้ น่าเสียดายจริง ๆ ที่ข้าตัดสินใจแทนเขาไม่ได้”
เหมียวเหรินจวินคิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูผู้เย่อหยิ่งอย่างเถียนเยี่ยนจือจะตัดสินใจเช่นนี้เพื่อให้ได้หานโม่ฉือมาครอบครอง ทว่าเมื่อเห็นสีหน้ากังวลใจเล็ก ๆ และความไม่สบายใจที่ปรากฏในแววตาของเถียนโป๋อัน ผู้นำตระกูลเหมียวก็นึกสะใจขึ้นมาไม่น้อยเช่นกัน
“ผู้นำเถียนคงไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วสหายน้อยโม่ฉือมิใช่สมาชิกของตระกูลเหมียว ทว่าเพียงเพราะเกิดเรื่องบางอย่าง เขาจึงมาพักอยู่ในตระกูลเหมียวของข้าและถือว่าเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของตระกูลเรา ท่านน่าจะทราบดีว่าตำแหน่งดังกล่าวไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจการควบคุมของตระกูลเหมียว เพราะเหตุนั้นข้าจึงไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาได้”
สิ่งที่เขากล่าวออกไปเป็นความจริงทุกประการ เขาไม่สามารถควบคุมหรือบังคับเรื่องส่วนตัวของหานโม่ฉือได้ แม้ตระกูลเหมียวจะชื่นชมหานโม่ฉือเป็นอย่างมาก ทว่าเขาก็ไม่คิดทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นการบังคับฝืนใจผู้อื่นเพียงเพื่อให้ได้ประโยชน์กับตระกูลของตน ยิ่งไปกว่านั้น เถียนเยี่ยนจือจะคู่ควรกับหานโม่ฉือได้อย่างไร เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างหานโม่ฉือและภรรยาของเขาซาบซึ้งจับใจอย่างที่สุด ไม่เพียงแต่คุณหนูตระกูลเถียนเท่านั้น ทว่าต่อให้เป็นสตรีงามอันดับหนึ่งของดินแดนก็ไม่คู่ควรที่จะอยู่เคียงข้างหานโม่ฉือด้วยซ้ำ
“สหายเหมียว ท่านจะไม่ยินยอมจริง ๆ รึ ?”
สีหน้าของเถียนโป๋อันกลายเป็นเย็นชาทันที เขาคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะตัดสินใจเช่นนี้ทั้งที่ตนกล่าวโน้มน้าวใจอย่างเต็มที่ เขาที่เป็นผู้นำตระกูลเถียนที่ทรงเกียรติมาเยือนถึงจวนตระกูลเหมียวด้วยตัวเองเพื่อเสนอการแต่งงานระหว่างบุตรสาวของเขาและบุรุษผู้ที่เขาไม่เคยเห็นหน้า ทว่ากลับถูกปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า มันช่างเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างที่สุด !
“ผู้นำเถียน เรื่องนี้มิใช่สิ่งที่ข้าจะตอบรับได้ ประการแรก ข้าไม่สามารถควบคุมเรื่องส่วนตัวของสหายน้อยโม่ฉือ และประการที่สอง…บอกตามตรง บุตรสาวของท่านไม่คู่ควรกับสหายน้อยโม่ฉือจริง ๆ โม่ฉือและภรรยาของเขารักกันมากและไม่มีช่องว่างให้ผู้ใดแทรกได้ หากผู้นำเถียนไม่อยากก่อให้เกิดปัญหาตามมา ข้าแนะนำให้ท่านกลับไปก่อนเถอะ”
เหมียวเหรินจวินทราบดีว่าหานโม่ฉือไม่ธรรมดาอย่างที่ผู้ใดคาดคิดอย่างแน่นอน ด้วยอายุของเขาในตอนนี้ เขาสามารถทะลวงพลังจนบรรลุขอบเขตราชาเซียนได้ อีกทั้งยังมีกลิ่นอายของความทรงพลังที่ทำให้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกได้ถึงความกดดันไม่น้อย ผู้ที่ทรงพลังเช่นนี้จะเป็นบุคคลธรรมดา ๆ ได้อย่างไร ? หากตระกูลเถียนทำให้หานโม่ฉือหงุดหงิดใจ เกรงว่าเรื่องนี้คงจบไม่สวยแน่
“เหอะ หากไม่รับปากก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาไร้สาระพวกนี้ หานโม่ฉือและเหมียวเจินเจินทำร้ายคนตระกูลเถียนในภัตตาคารและทำให้จือเอ๋อร์ของข้าต้องอับอายต่อหน้าผู้คนมากมาย หากหานโม่ฉือไม่ยอมตบแต่งจือเอ๋อร์เป็นภรรยา พวกเราไม่ยอมยุติเรื่องนี้ง่าย ๆ แน่ !”
เถียนโป๋อันยืนขึ้นและแค่นเสียงเย็นชา เวลานี้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยและน้ำเสียงแสดงถึงการข่มขู่อย่างชัดเจน
“เหอะ เถียนโป๋อัน คิดว่าตระกูลเหมียวของเราจะกลัวพวกเจ้ารึ ? เจ้ารู้นิสัยบรรดาบุตรของเจ้าเป็นอย่างดี หากมิใช่เพราะพวกเขาทำเกินไป สหายน้อยโม่ฉือก็ไม่มีทางลงไม้ลงมือแน่ อีกอย่าง…ก่อนหน้านี้บุตรชายและบุตรสาวของเจ้าก็ร่วมมือกันรังแกคนของตระกูลข้ามาโดยตลอด ข้ายังไม่ได้สะสางเรื่องนี้กับเจ้าด้วยซ้ำ !”
เหมียวเหรินจวินยืนขึ้นเช่นกันและแค่นเสียงตอบโต้อย่างไม่เกรงกลัว
“เหมียวเหรินจวิน ในเมื่อพูดดี ๆ ด้วยไม่ได้ ข้าก็คงต้องใช้กำลัง !”
แรงกดดันของเถียนโป๋อันแผ่ตรงไปที่เหมียวเหรินจวินทันทีขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม
“เถียนโป๋อัน อย่างเจ้าจะทำอะไรข้าได้ ?!”
เหมียวเหรินจวินยังคงไม่สะทกสะท้านใด ๆ ความแข็งแกร่งของเขาและเถียนโป๋อันอยู่ในระดับไล่เลี่ยกันและแน่นอนว่าเขาไม่หวาดหวั่นต่อแรงกดดันของอีกฝ่าย
จากนั้นแรงกดดันของผู้นำตระกูลทั้งสองก็ปะทะกันกลางอากาศก่อให้เกิดความปั่นป่วนของพลังงานในทั่วบริเวณ
“ท่านพ่อ พวกเรากลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
ในเวลานี้ เหมียวเจินเจินและหานโม่ฉือก็กลับมาถึงและสัมผัสได้ถึงแรงกดดันในห้องโถงทันที
ทั้งสองไม่รอช้าขณะเดินตรงเข้ามาและกล่าวทักทายเหมียวเหรินจวินพร้อมรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่หานโม่ฉือปรากฏตัว สายตาของเถียนโป๋อันและเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลก็บรรจบลงที่ตัวเขาทันที ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดเถียนเยี่ยนจือจึงต้องการแต่งงานกับบุรุษผู้นี้ แม้ว่าจะถูกหยามหน้าให้อับอายต่อหน้าสาธารณะ นางก็ยังยืนกรานที่จะแต่งงานกับหานโม่ฉือให้จงได้
บุรุษผู้นี้รูปงามและมีเสน่ห์มากเกินไปจริง ๆ แม้เคยพบบุรุษหนุ่มมาแล้วมากมาย พวกเขาก็ต้องยอมรับเลยว่าคนเหล่านั้นเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเส้นผมของหานโม่ฉือผู้นี้
ไม่ว่าด้านรูปลักษณ์ภายนอกหรือพรสวรรค์ หานโม่ฉือก็เป็นบุรุษที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติอย่างแท้จริง พวกเขาไม่สามารถหาจุดบกพร่องใดได้แม้แต่น้อย ไม่แปลกใจเลยที่คุณหนูตระกูลเถียนจะหลงใหลในตัวเขาถึงเพียงนี้
“เจ้าคือหานโม่ฉือรึ ?”
เถียนโป๋อันตกตะลึงไปครู่ใหญ่ก่อนเรียกสติกลับคืนมาและถอนแรงกดดันขณะเอ่ยถาม
“โอ้ มาถึงที่นี่เพื่อเรื่องไร้สาระเหล่านั้นอีกรึ !”
หานโม่ฉือหัวเราะเบา ๆ ขณะเขาและเหมียวเจินเจินเดินตรงเข้าไปหาเหมียวเหรินจวิน
“พวกคนตระกูลเถียนหน้าไม่อายเลยจริง ๆ พี่หานแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่มีทางแต่งงานกับเถียนเยี่ยนจือผู้น่ารังเกียจนั่น ทว่าพวกเจ้ายังหน้าด้านพาคนมากมายมาถึงที่นี่เพื่อคุกคามพวกเรา พวกเจ้าไม่มีความละอายใจกันบ้างเลยรึ ?”
เหมียวเจินเจินกล่าวด้วยน้ำเสียงรังเกียจเดียดฉันท์และไม่เกรงกลัวต่อแรงกดดันของเถียนโป๋อันแม้แต่น้อย นางไม่เคยหวาดหวั่นต่อสิ่งใดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากมิใช่เพราะคำสั่งของบิดาที่กำชับมิให้นางก่อเรื่องสร้างความวุ่นวาย นางก็คงไม่อดทนอดกลั้นต่อการกระทำทั้งหมดของคนตระกูลเถียนในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้
“เหมียวเหรินจวิน เหตุใดบุตรสาวของเจ้าจึงได้หยาบคายยิ่งนัก ?”
เถียนโป๋อันหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธทันทีที่ได้ยินวาจาไม่ไว้หน้าของเด็กสาวรุ่นลูก เขามองเหมียวเจินเจินตาเขม็งก่อนกล่าวกับเหมียวเหรินจวิน
“ตระกูลเหมียวของเรามีใบหน้าที่ลีบบาง ไม่เหมือนพวกตระกูลเถียนที่หน้าด้านหน้าทนอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ข้อดีที่สำคัญที่สุดของตระกูลเราคือทุกคนโกหกไม่เป็น การที่เจินเจินกล่าวเช่นนั้นออกมา…แสดงมันจะต้องเป็นความจริง”
แน่นอนว่าเหมียวเหรินจวินต้องปกป้องบุตรสาวของตนเอง เขาก็กล่าววาจาถากถางเถียนโป๋อันเช่นกันและไม่คิดว่าเหมียวเจินเจินทำสิ่งใดผิดไป
“พวกเจ้า…”
เถียนโป๋อันถึงกับพูดไม่ออกทันที คนตระกูลเหมียวช่างน่าชิงชังเป็นที่สุด
“ผู้นำเถียน บุตรสาวของท่านไม่ได้อยู่ในสายตาของข้าแม้แต่น้อย และชีวิตนี้ข้าจะมีโม่เอ๋อร์เป็นภรรยาและเป็นคู่ครองเพียงคนเดียวเท่านั้น กลับไปบอกบุตรสาวของท่านให้เลิกตามตอแยข้าเสียที ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยมเกินไปก็แล้วกัน !”
หานโม่ฉือกล่าวอย่างเย็นชาเจือความรังเกียจและแสดงถึงจุดยืนของตนเองอย่างชัดเจน
“บัดซบ คิดว่าการที่มีตระกูลเหมียวคุ้มกะลาหัวแล้วข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้รึ ! เหมียวเหรินจวิน วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าเด็กเมื่อวานซืนผู้นี้เสีย ! หากเจ้าคิดเข้ามาขวาง อย่ามากล่าวโทษที่ตระกูลเถียนของข้าจะประกาศสงครามกับตระกูลเหมียวของเจ้าก็แล้วกัน !”
เถียนโป๋อันเดือดดาลอย่างที่สุดและออกแรงเหวี่ยงฝ่ามือเพื่อปลดปล่อยก้อนพลังมายาเข้าใส่หานโม่ฉือทันที