บทที่ 1147 การต่อสู้ที่รุนแรง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1147 การต่อสู้ที่รุนแรง

ตู้ม**! ตู้ม!**

น้ำในทะเลสาบสวรรค์ไหลย้อนกลับ ผนึกอมตะราชันนับไม่ถ้วนระดมยิงย้อนกลับไปหาเซี่ยหยู่

“ไอ้เวร!”

เมื่อมองการโจมตีที่ย้อนกลับมา เซี่ยหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะสบถ เขากัดฟันกรอดด้วยไม่คาดคิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะรับการโจมตีของเขาได้ง่ายขนาดนี้

และการเผชิญกับผนึกอมตะราชันที่พุ่งกลับมา แม้แต่เซี่ยหยู่ก็ยังไม่กล้าที่ดูถูกพลังของตนเอง เพราะเขารู้ชัดเจนว่าหากตราเหล่านั้นโจมตีเข้าใส่ กระทั่งเขาเองก็ต้องจ่ายราคาแพงระยับ

“โฮก!”

ดังนั้นเขาจึงกระทืบเท้า ร่างราชันฟากฟ้าอ้าปากกว้างแผดเสียงคำราม คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระเพื่อมไหวออกมา

“เสียงคำรามราชัน!”

คลื่นกระแทกที่รุนแรงทำให้รอยแตกนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในมิติ ตราศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็พังทลายลงเมื่อสัมผัสกับคลื่นกระแทก

ปัง ปัง ปัง!

ในเวลาไม่กี่อึดใจผนึกอมตะราชันก็ถูกลบออกทั้งหมด น้ำในทะเลสาบรอบๆ ก็เต็มไปด้วยหลุมน้ำที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับสู่สภาพเดิม

เมื่อผู้ชมเห็นพลังทำลายล้างเช่นนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ความแข็งแกร่งที่เซี่ยหยู่แสดงออกมานั้นไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มทั่วไปสามารถเทียบเคียงได้

“ร่างเทห์สวรรค์ที่แกฝึกฝนมีต้นกำเนิดเดียวกันกับของจาโหลหลัวจริงด้วย!” เซี่ยหยู่มองไปที่มู่เฉินอย่างมืดมน เขาสามารถยืนยันได้ว่าร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินเหมือนกับของจาโหลหลัวจากการแลกกระบวนท่ากันเมื่อครู่

เนื่องจากมีดวงตะวันทรงกลดและพลังที่เหมือนกัน

ทว่าร่างเทห์สวรรค์ของจาโหลหลัวมืดมนคล้ายกับหลุมดำลึกและไม่อาจหยั่งรู้ได้ ขณะที่ของมู่เฉินสว่างไสวและยิ่งใหญ่ราวกับดวงอาทิตย์

ใบหน้าของมู่เฉินสงบเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เซี่ยหยู่เคยปะทะกับจาโหลหลัวมาแน่นอนแล้ว ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่เขาจะเคยเห็นร่างเทห์สวรรค์ของจาโหลหลัว

“ส่งวิธีฝึกร่างเทห์สวรรค์ลึกลับของเจ้ามา ไม่เพียงแต่ข้าจะเสนอราคาที่น่าพอใจให้ นอกจากนี้แกยังได้ชื่อว่ามิตรกับแคว้นเซี่ยของข้าอีกด้วย” เซี่ยหยู่มองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาลุกโชน ในอดีตสาเหตุที่เขาพ่ายแพ้จาโหลหลัว เนื่องมาจากร่างเทห์สวรรค์ลึกลับที่อีกฝ่ายได้รับการฝึกฝนซึ่งครอบงำมากกว่าของเขา จากการคาดการณ์ของเขาพลังของร่างลึกลับนี้น่าจะเข้าสู่สามสิบอันดับแรก!

นั่นคือการจัดอันดับที่น่ากลัวแม้แต่ในแคว้นเซี่ยร่างเทห์สวรรค์ที่ทรงพลังที่สุดก็เป็นร่างเทพราชันของบิดาเขาที่อยู่ในอันดับสี่สิบเท่านั้น

หากเขาสามารถได้รับทักษะฝึกฝนร่างลึกลับของมู่เฉิน เขาก็มั่นใจที่จะผงาดเหนือกว่าจาโหลหลัวและแม้แต่จู้เยี่ยน ก้าวขึ้นเป็นเจ้าทำเทียบจอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งทวีปเทียนหลัว

ยิ่งไปกว่านั้นช่วงเวลาที่เขาข้ามเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุน พลังของร่างเทห์สวรรค์ก็จะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างแท้จริง ยิ่งร่างเทห์สวรรค์มีอำนาจมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น

ดังนั้นเขาต้องได้รับร่างลึกลับนี้มาให้ได้!

“เอายังไง? ไม่ว่าจะราคาเท่าไรแคว้นเซี่ยของข้าก็ยินดีจ่าย!” เซี่ยหยู่จับจ้องไปที่มู่เฉิน

ทว่าเผชิญหน้ากับแววโลภมากของเซี่ยหยู่ มู่เฉินก็ไม่พูดอะไร เขากระทืบเท้าโดยไม่แสดงออกใดๆ รัศมีสีทองลอยอยู่บนฝ่ามือของร่างเทพสุริยะ ก่อร่างเป็นคทาสีทองขนาดใหญ่ในพริบตา

“เปิดเจ็ดตะวัน คทาขวางฟ้า!”

นิ้วของมู่เฉินชี้ออกไป คทาทะลุผ่านมิติราวกับพายุทองคำพุ่งเข้าหาร่างราชันฟากฟ้า

ชัดเจนว่านี่คือคำตอบของเขา

“ไอ้สามหาว! ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าจะซัดแกให้เดี้ยงก่อนแล้วก็เอาทักษะลึกลับของแกมา!” เมื่อเซี่ยหยู่เห็นฉากนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นดุร้ายทันที

ตู้ม!

เขาวาดตราประทับด้วยมือทั้งสองข้าง จุดจื้อจุนไห่ปรากฏขึ้นข้างหลังพร้อมกับพลังงานไร้ขอบเขตพุ่งเข้าสู่ร่างราชันฟากฟ้า

“ทักษะเทห์สวรรค์ คทาราชัน!”

คลื่นหลิงทรงพลังระเบิดออกพร้อมกับลำแสงนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากร่างราชันฟากฟ้ากลายเป็นคทาเปล่งประกายแวววาวไม่มีที่สิ้นสุด

ทะเลสาบสวรรค์แหวกออกจากกันเมื่อกระบวนท่าโจมตีครั้งใหญ่สองสายปะทะกัน

ครืน! ครืน!

ทันใดนั้นเสียงราวกับฟ้าฟาดก็โหมกระหน่ำไม่รู้จบ คลื่นหลิงรุนแรงพัดออกมาทำให้เกิดคลื่นขนาดหมื่นจั้งในทะเลสาบสวรรค์โดยรอบ

เมื่อผู้ชมเห็นกระบวนท่าฟาดฟันดุร้าย พวกเขาก็อึ้งไปด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาตระหนักว่าร่างเทห์สวรรค์ที่อยู่ใต้เท้าของมู่เฉินยังคงพราวไปด้วยประกายสีทองโดยไม่จางลงแม้แต่น้อย

“มู่เฉินสามารถสู้กับเซี่ยหยู่ถึงขั้นนี้ได้หรือเนี่ย?!” มีคนอดอุทานออกมาไม่ได้ เพราะตอนนี้เซี่ยหยู่ได้ดึงพลังทั้งหมดออกมารวมทั้งทักษะเทห์สวรรค์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เปรียบอย่างชัดเจน

“ร่างเทห์สวรรค์ร่างนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน!” มีคนสายตาเฉียบแหลมสามารถบอกได้เหตุผลสำคัญที่มู่เฉินสามารถต่อสู้กับเซี่ยหยู่ถึงระดับนี้ได้ด้วยพลังระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้น ก็เพราะร่างเทห์สวรรค์ลึกลับของเขา

“ถ้าการต่อสู้ยังดำเนินต่อไปและเซี่ยหยู่ไม่มีกระบวนท่าอื่นๆ อีก เขาก็คงทำอะไรมู่เฉินไม่ได้แล้วจริงๆ…” ใครบางคนถอนหายใจขณะที่มองมู่เฉินด้วยสายตาตกตะลึง เนื่องจากการที่สามารถต่อสู้กับเซี่ยหยู่ได้อย่างทัดเทียมด้วยพลังระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้น บ่งบอกว่ามู่เฉินทรงพลังเพียงใด

“หลังจากการต่อสู้นี้อันดับห้าบนทำเนียบจะเป็นของมู่เฉินแน่นอน”

ขณะที่มู่เฉินและเซี่ยหยู่ต่อสู้กัน

ลำแสงสีทองก็พุ่งทะยานออกมาจากระยะไกล

จาโหลหลัวยืนบนเรือมังกรทองคำโดยสองมือไพล่หลัง กระจกทองแดงลอยคว้างอยู่ แสงหลิงวูบไหวบนกระจกซึ่งแสดงให้เห็นภาพการต่อสู้ระหว่างมู่เฉินและเซี่ยหยู่

“ร่างเทพสุริยะที่มันฝึกฝนแตกต่างจากของข้า ดูเหมือนว่าร่างนั่นมีความลึกซึ้งอย่างแท้จริง ต่อให้การฝึกคล้ายกันแต่ก็ชำระร่างเทห์สวรรค์ที่แตกต่างกัน” จาโหลหลัวมองไปที่ร่างเทพสุริยะในกระจกขณะที่สายตาวูบไหว

“ดูเหมือนเซี่ยหยู่จะต้องใช้เวลาสักพักเพื่อจัดการกับมู่เฉิน เมื่อคลื่นหลิงของเจ้านั่นหมดลงอย่างสมบูรณ์ ข้าก็จะเคลื่อนไหวฆ่ามันได้” จาโหลหลัวยิ้มบาง เขาไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับมู่เฉินอย่างยุติธรรมและปะทะกันตรงๆ เขาคิดจะฆ่ามู่เฉินในขณะที่อีกฝ่ายอ่อนแอ

จาโหลหลัวไม่สนใจสำหรับคนนอกจะมองว่าเขาชนะการต่อสู้แบบไร้ศักดิ์ศรี! ในโลกนี้คนที่ยืนหยัดสุดท้ายเท่านั้นที่จะชนะ!

เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้นในใจ จาโหลหลัวก็ควบคุมเรือมังกรทองคำเตรียมเข้าสู่สนามรบก่อนที่เซี่ยหยู่จะสังหารมู่เฉิน

ฟิ้ว!

ทว่าสายตาของจาโหลหลัวก็ต้องหดเกร็งทันที สองนิ้วแตะออกไปบนมิติที่ท้องฟ้าเบื้องหน้าขณะที่กระบี่ยาวที่ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยือกอย่างน่ากลัว ฉีกท้องฟ้าเข้ามา

เคร้ง!

ดัชนีปะทะกับกระบี่ยาว ทำให้กระบี่แตกเป็นน้ำแข็งชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในเวลาเดียวกันภาพเงาก็ปรากฏขึ้นในอากาศอย่างลึกลับ

“หุ่นเงา?” จาโหลหลัวมองไปที่ร่างนั้นพร้อมกับขมวดคิ้ว ก่อนที่จะมองไปยังระยะไกล มีคนคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนเรือมังกรทองคำแล้วพุ่งมาเบื้องหน้าเขาในช่วงสั้นๆ

เมื่อเห็นการมาถึงของคนผู้นี้ คิ้วของจาโหลหลัวก็เลิกขึ้น เนื่องจากเขาพบว่านางก็คือหญิงสาวลึกลับที่อยู่ข้างมู่เฉิน—หลินจิ้ง

“เฮ้ ทำตัวดีๆ หน่อย ไปหาจิตทะเลสาบสวรรค์โน้นไป อย่าวิ่งวุ่นวาย” หลินจิ้งโยนไข่มุกดำที่ปกคลุมไปด้วยอักขระโบราณในมือ ขณะมองไปที่จาโหลหลัวและพูดขึ้น

จาโหลหลัวหรี่ตามองไปที่หลินจิ้ง ก่อนจะหยุดสายตาจ้องไข่มุกดำแล้วม่านตาหดเกร็ง

นั่นเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงรัศมีอันตรายที่มาจากไข่มุกนั่น

ไข่มุกชิ้นนี้เป็นอาวุธมหสวรรค์?! ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? ทำไมนางถึงมีของล้ำค่าเช่นนี้เหมือนเป็นของธรรมดาได้?!

สายตาจาโหลหลัววูบไหว จากนั้นก็หยุดการควบคุมเรือพลางยิ้ม “แม้ว่าเจ้าจะหยุดข้าได้ มันก็ตายอยู่ดี”

เซี่ยหยู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จัดการได้ง่าย แม้จะมีร่างเทพสุริยะมู่เฉินก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

ทว่าเมื่อหลินจิ้งได้ยิน นางก็ยิ้มอ่อน “งั้นเรามาพนันกันหน่อยไหมล่ะ?”

“ฮ่าๆ”

จาโหลหลัวยิ้มแต่ไม่ตอบ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจจะวางเดิมพัน แต่เขาก็หยุดเคลื่อนไหวลงแล้วเนื่องจากเขารู้ว่าต่อให้เขาฝ่าการขัดขวางของหลินจิ้งไปได้ สมรภูมิตรงนั้นก็จบลงแล้ว

“แม้ว่าเจ้าจะขัดขวางข้า แต่ก็ไม่มีใครช่วยเขาได้… เซี่ยหยู่เชิญคนมาช่วยก่อนหน้านี้” จาโหลหลัวเงยหน้าขึ้นมองระยะไกลด้วยความหมายลึกซึ้ง

เวลาเดียวกันอีกสองจุดในทะเลสาบสวรรค์

จู้เยี่ยนก็ปรากฏตัวต่อหน้าเซียวเซียว แต่ไม่ได้ขยับ เขาเพียงแค่หยุดเซียวเซียวไม่ให้ไปยังทิศทางของมู่เฉิน

อีกจุดหนึ่งใบหน้าของจิ่วโยวเย็นชาลงขณะมองไปที่ซูชิงหยิงที่มาปรากฏตัวต่อหน้า ซูชิงหยิงยักไหล่ใส่อย่างไม่ยี่หระ “เซี่ยหยู่จ้างข้าแพงมากเพื่อขัดขวางเจ้า ข้าไม่ต้องการลงมือหนัก ดังนั้นรบกวนเจ้าอยู่ที่นี่ก่อนได้ไหม?”

สายตาของจิ่วโยวเต็มไปด้วยแววเย็นเยือก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขยับ นางจ้องไปที่ซูชิงหยิง “เซี่ยหยู่-ตาย-แน่!”