ยืนอยู่ที่ข้างทาง เฉินโม่วางตัวเล่หรูหั่วลง
เล่หรูหั่วเหมือนยังอยู่ในฝัน มองเฉินโม่ด้วยสีหน้างงเซ่อ
“ไม่เป็นไรแล้ว มีผมอยู่ เธอจะไม่มีอันตรายใด ๆ อีก” เฉินโม่ปลอบประโลมเสียงอ่อนโยน
เล่หรูหั่วร้องไห้โฮลั่นออกมาในทันที ถึงแม้หล่อนจะมีจิตใจที่กล้าแข็งกว่าคนในวัยเดียวกันอยู่มาก แต่หล่อนก็ยังเพียงแค่นักศึกษามหาวิทยาลัย ใช้ชีวิตในสังคมสันติสุข เคยคิดว่าต้องเจอเหตุการณ์แบบวันนี้ที่ไหน!
เฉินโม่มองเล่หรูหั่ว ไม่มีการปลอบ ในเวลานี้ การร้องไห้น่าจะเป็นการระบายความหวาดกลัวที่ผ่านมาของเล่หรูหั่วได้
ใคร ๆ ก็ว่าอายุผู้หญิงยืนยาวกว่าผู้ชาย สาเหตุใหญ่ก็น่าจะเป็นเพราะผู้หญิงนึกอยากร้องไห้ก็ร้องเลย ไม่ต้องเก็บกดอารมณ์ และการร้องไห้ก็เป็นการปล่อยทิ้งสารพิษบางอย่างในร่างกายด้วย
รอจนเล่หรูหั่วหยุดการร้องไห้ เฉินโม่จึงตบเบา ๆ ที่ไหล่เนียนของเล่หรูหั่ว พูดปลอบเสียงนุ่มว่า “ดีแล้ว จบเรื่องแล้ว”
เล่หรูหั่วถอยจากอ้อมกอดของเฉินโม่ มองหน้าเฉินโม่อย่างไม่ค่อยสบายใจ พูดด้วยอารมณ์กลัวที่ยังค้างอยู่ในใจ “ต้องขอโทษด้วย ฉัน ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ หลายวันมานี้ฉันกลัวมากจริง ๆ”
เฉินโม่พูดเสียงเรียบ ๆ ว่า “ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ที่ไม่สามารถดูแลปกป้องเธอให้ดีได้”
หน้าจุ๋มจิ๋มของเล่หรูหั่วแดงขึ้นมาเล็กน้อย “นายจะไปคิดถึงได้ยังไงว่าพวกนี้จะบ้าคลั่งจนไร้สติ กล้าถึงขนาดจับฉันมาจากหัวเซี่ย ไม่ใช่เพราะนาย เพราะคนพวกนั้นมันบ้าเกินไป”
ในใจเฉินโม่ก็ก็มีความกลัวค้างอยู่ ยังดีว่าคนของบ้านตระกูลยามาดะไม่ได้ทำอะไรกับเล่หรูหั่ว ถ้าเกิดเล่หรูหั่วเป็นอะไรไป ต่อให้เขาล้างบางหมดทั้งประเทศต้าเหอก็ช่วยอะไรไม่ได้
“เอาละ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ฉันขอรับรองกับเธอ ต่อจากนี้จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก” เฉินโม่พูดอย่างหนักแน่น
เล่หรูหั่งผงกหัว “อือฮึ ฉันเชื่อคะ”
“พวกเรากลับหัวเซี่ยกันเถอะ ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่แม้แต่นาทีเดียว คนที่บ้านฉันคงห่วงกันแย่แล้ว”
เฉินโม่ผงกหัว “ดี เธอโทรศัพท์ไปบอกที่บ้านก่อนเลย บอกพวกเขาว่าเธอปลอดภัยแล้ว”
“อือม์”
เฉินโม่พาเล่หรูหั่วจากไป เตรียมเดินทางกลับหัวเซี่ย
แต่ว่า เฉินโม่เพิ่งกลับมาถึงในเมืองด้วยกันสองคน ก็ได้ถูกคนสกัดขวางไว้
“นายก็คือเฉินไต้ซือนะ?” ที่มากันเป็นคนหนุ่มสองนาย เฉินโม่สัมผัสได้ด้วยจิตถึงสองคนนี้ไม่ธรรมดา น่าจะฝึกบำเพ็ญมาระดับนินจาชั้นกลาง ซึ่งเทียบเท่ากับนักบู๊แดนใน
เฉินโม่ผงกหัว ถามไปว่า “พวกคุณเป็นใครกัน?”
คนหนุ่มนายนั้นแสดงสีหน้าหยิ่งยโส “พวกเราเป็นศิษย์ของยากิวยิโตะดาบเดียว อาจารย์ฉันขอเชิญ!”
เฉินโม่มองสองหนุ่มอย่างเย็นชา พูดไปว่า “อาจารย์พวกคุณเป็นใครฉันไม่สนที่จะไปรู้ ตอนนี้ฉันช่วยเพื่อนของฉันออกมาได้แล้ว ต้องรีบกลับหัวเซี่ย”
ชายหนุ่มคนนั้นบันดาลโทสะขึ้นมาพลันพูดว่า “ไอ้หนู อุตส่าห์เรียกแกเฉินไต้ซือเป็นการให้เกียรติแล้วนะ แกรู้หรือเปล่าว่าฐานะอาจารย์ของฉันในประเทศต้าเหอสูงส่งขนาดไหน?”
“ท่านขอเชิญนายเอง นายยังไม่กล้าไปหรือนี่?”
เฉินโม่ขี้เกียจจะไปยุ่งกับสองคนนี้ พูดออกไปตรง ๆ ว่า “หลีกไป!”
พูดจบ พลังที่ไม่มีตัวตนผลักใส่คนทั้งสองห่างออกไป
เฉินโม่พาเล่หรูหั่ว เดินออกจากไปในแววตาที่ตื่นผวาของคนทั้งสอง
คนหนุ่มทั้งสองหันมองหน้ากัน คนหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า “เห็นทีที่อาจารย์คาดไว้ไม่ผิด เฉินไต้ซือไม่ใช่จะเชิญได้ง่าย ๆ”
“ดีที่อาจารย์ท่านได้เตรียมการไว้ก่อนแล้ว”
คนหนุ่มที่ออกมาขวางเฉินโม่ก่อนหน้านี้ตะโกนบอกกับเฉินโม่ว่า “เฉินไต้ซือ อาจารย์ฉันบอกว่า ถ้าหากเฉินไต้ซือไม่ยอมไปพบท่าน งั้นเฉินไต้ซือก็อย่าหวังที่จะซื้อตั๋วเรือหรือตั๋วเครื่องบินไปหัวเซี่ยได้!”
เฉินโม่ขมวดคิ้วย่น ได้แต่หยุดลง หันกลับไปมองสองคนนั้น
“อาจารย์พวกแกอยู่ที่ไหน?พาฉันไปพบเขาซิ”
ทั้งสองยิ้มออกมาได้ในทันที
“เฉินไต้ซือ เชิญ!”
ทั้งสองใช้รถที่สั่งพิเศษรับเฉินโม่มายังวิลล่าแห่งหนึ่ง
ที่นี่มีบริเวณที่วิจิตรมาก ธารน้ำ ภูเขาจำลอง เขียวชอุ่มด้วยต้นสนกอไผ่ เปรียบได้ดั่งวิมานเซียน
ดูจากการตกแต่งจัดบริเวณ เจ้าของที่นี่ต้องเป็นคนประสบความสำเร็จในระดับสูง
แม้นเป็นผู้ประสบความสำเร็จในระดับสูง อีกยังต้องเป็นผู้สูงศักดิ์ที่เพียบพร้อมในคุณธรรมด้วย