บทที่ 1499 คดีใหญ่

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

“อสุราอัคนี? อสุราอัคนีไหนขอรับ?” ซ่างก่วนชิงเหมือนตะลึงมาก สายตาที่เหล่มองประมุขชิงเล็กน้อยกลับดูแปลกๆ

ที่จริงแล้วความสนใจของเขาอยู่ที่คำพูดตอนหลังของประมุขชิง เพียงแต่ไม่อยากให้ประมุขชิงรู้สึกว่าเขากำลังสนใจความพูดในตอนท้ายของประมุขชิง จึงจงใจพูดแบบนี้กลบเกลื่อนก็เท่านั้นเอง

คนอื่นอาจจะไม่รู้ชัด แต่พ่อบ้านวังหลังอย่างเข้าจะไม่รู้กระจ่างเชียวหรือ? ประมุขชิงเคยกังวลเสียที่ไหนกันว่าผู้หญิงในวังหลังจะไม่พอใจและไม่สนใจเรื่องงานของตำหนักสวรรค์? นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่ากังวลว่าสนมสวรรค์จะไม่พอใจเพราะหนิวโหย่วเต๋อรอดชีวิตกลับมา เขาสงสัยนิดหน่อยว่าประมุขชิงรักท่านนั้นที่ตำหนักบูรพาเข้าจริงๆ แล้วหรือเปล่า

ที่จริงเขาก็สังเกตได้ตั้งนานแล้วว่าประมุขชิงปฏิบัติกับท่านนั้นของตำหนักบูรพาแบบไม่ค่อยปกติธรรมดา ที่วังหลังมีสนมสวยๆ เกลื่อนเหมือนเมฆ แต่ประมุขชิงไปตำหนักบูรพาค่อนข้างถี่ ตอนแรกยังนึกว่าประมุขชิงจงใจจะข่มฝั่งราชินีสวรรค์ แต่ตอนหลังเริ่มสังเกตเห็นทีละนิดว่ารสชาติเปลี่ยนไป กอปรกับจู่ๆ พูดประโยคนี้ออกมา ทำให้ซ่างก่วนชิงฉุกใจแล้วนิดหน่อย

เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองประตูใหญ่ของตำหนักบูรพาที่อยู่ด้านหลังเงียบๆ

ประมุขชิงถอนหายใจแล้วบอกว่า “จะเป็นอสุราอัคนีไหนไปได้ล่ะ ก็อสุราอัคนีที่ตายด้วยน้ำมือเจ้าสามไป๋ไงล่ะ นั่นนับว่าเป็นวีรบุรุษแห่งยุค เพียงแต่สิ้นชีพไปแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าในใต้หล้าจะมีคนจำได้สักกี่คน”

ซ่างก่วนชิงเข้าใจในทันที แล้วถามอย่างตกใจนิดหน่อยว่า “อสุราอัคนีตายไปหลายปีแล้ว หนิวโหย่วเต๋อจะเป็นลูกศิษย์ของเขาได้ยังไงขอรับ?”

ประมุขชิงตอบว่า “จากที่สืบมาน่าจะเป็นเพราะโชคชะตานำพาให้ได้รับมรดกตกทอดของอสุราอัคนี ในปีนั้นหลังจากอสุราอัคนีแอบฝึกตนในแดนมรณะดึกดำบรรพ์ พอออกมาแล้วก็มีชื่อเสียงสะท้านใต้หล้า ไม่รู้ว่าลูกศิษย์ต่างยุคของเขาจะได้รับการถ่ายทอดวิชาที่แท้จริงจากอาจารย์ผู้อาวุโสของตัวเองสักกี่ส่วน  ข้าค่อนข้างตั้งตารอดู”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!” ซ่างก่วนชิงพยักหน้าเบาๆ ที่จริงก็ยังแปลกใจอยู่บ้าง

ตำหนักนารีสวรรค์ หลังโต๊ะยาวในตำหนักหลัก เซี่ยโห้วเฉิงอวี่พลันลุกขึ้นยืน ตอนนี้กำลังทีหน้าเย็นเยียบ ตวาดถามเสียงแหลมว่า “สองวันเหรอ? เจ้าบอกว่าฝ่าบาทอยู่ที่ตำหนักบูรพาสองวันเต็มๆ กว่าจะออกมาเหรอ?”

“เพคะ ถามกระจ่างแล้ว เมื่อวันซืนหลังจากฝ่าบาทเข้าไปในตำหนักบูรพาก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย เพิ่งจะปรากฏตัวและออกไปเมื่อครู่นี้เพคะ” เอ้อเหมยที่ยืนอยู่เบื้องล่างพยักหน้าอย่างกังวล

ไม่ให้กังวลคงไม่ได้ ตั้งแต่ท่านนั้นของตำหนักบูรพาเข้าวังมา สนมที่ถูกส่งมาจากตระกูลอิ๋ง ตระกูลโค่ว ตระกูลฮ่าว ตระกูลก่วงก็แทบจะยืนฝั่งนั้นหมด พอคนของสี่ตระกูลยืนอยู่ฝ่ายเดียวกัน สนมที่พวกจอมพล เทพประจำดาวส่งเข้าวังก็แทบจะยืนฝั่งตำหนักบูรพากันหมดในทันที คนที่ยามปกติสนิทสนมเป็นเรียกพี่เรียกน้องกับราชินีสวรรค์ล้วนรักษาระยะห่างกับราชินีสวรรค์หมดแล้ว

พอจ้านหรูอี้เข้าวังมาคนเดียว ชั่วพริบตาเดียวก็แทบจะทำให้สถานการณ์ในวังหลังของตำหนักสวรรค์พลิกเป็นอีกแบบ ถ้าจะพูดให้ฟังดูแย่หน่อยก็คือ แทบจะปล้นอำนาจราชินีสวรรค์อย่างเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไปหมดแล้ว ที่จริงทุกคนล้วนเข้าใจ ว่าสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่จ้านหรูอี้ แต่เป็นตระกูลอิ๋งที่อยู่ข้างหลังจ้านหรูอี้ อำนาจที่ตระกูลอิ๋งรวบรวมได้ยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว สามารถสร้างผลกระทบต่อใต้หล้าได้โดยผ่านวังหลัง ทั้งยังสร้างผลกระทบต่อวังหลังได้โดยผ่านใต้หล้าด้วย

หรือพูดได้อีกอย่างก็คือ สถานการณ์ของวังหลังส่งผลเกี่ยวโยงถึงสถานการณ์ในใต้หล้า สถานการณ์ในใต้หล้าก็ต้องบงการสถานการณ์ที่วังหลังได้เช่นกัน ใครด้เปรียบใครเสียเปรียบก็จะแสดงออกในวังหลังนี่แหละ ถ้าไม่ใช่เพราะในมือเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ยังกุมอำนาจของราชินีสวรรค์อยู่ จะลงโทษหรือไม่ลงโทษใครในวังหลังล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนาง สามารถปกป้องคนของตัวเองได้ แล้วค่อยใช้อำนาจในมือโจมตีคนของฝ่ายตรงข้าม สามารถขู่ให้คนกลัวได้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะโดนปล้นอำนาจในตำแหน่งไปหมดแล้วจริงๆ

แต่ใช่ว่าจะไร้เหตุผลกับทุกเรื่องบนโลกนี้ได้ ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอำนาจได้ตามอำเภอใจ ไม่อย่างนั้นสักวันก็จะต้องรับผลกรรมเอง ด้วยเหตุนี้ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จึงเริ่มกลัวแล้วนิดหน่อย นางรู้ดีมากว่าจุดจบของการสูญเสียอำนาจในวังหลังเป็นอย่างไร ถึงตอนนั้นต่อให้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีหน้ามีตาในวังหลังก็จะพากันกล้าเหยียบนางหมด นางอยู่อย่างสูงส่งมาหลายปีขนาดนี้ จะทนรับความอัปยศแบบนั้นได้อย่างไร นางจึงไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลเซี่ยโห้วด้วยความวิตกกังวล

เซี่ยโห้วท่า นายท่านแห่งตระกูลเซี่ยโห้วปลอบใจว่า : ไม่ต้องกังวล ขอเพียงจับจุดอ่อนของใครในวังหลังได้ ตอนนี้ปู่ขอแนะนำเจ้าว่าให้ลงมือได้อย่างไม่ต้องปรานี เล่นงานให้ถึงตายไปเลย ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร ปู่จะหนุนอยู่ข้างหลังเจ้าเอง! ก็อย่างที่บอกไว้ ตราบใดที่ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ล้ม ใครก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้!

อิ๋ง โค่ว ฮ่าว ก่วง สี่ตระกูลนี้เผยไพ่ต่อตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว พวกเขาต้องการจะแทรกแซงอำนาจใต้ดิน ตระกูลเซี่ยโห้วไม่แม้แต่จะแยด้วยซ้ำ

สี่ตระกูลนั้นไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุดไปหรอก ขนาดยินดีจะตัดแบ่งอำนาจในตำหนักสวรรค์มาแลกกับอำนาจใต้ดินของตระกูลเซี่ยโห้ว ตระกูลเซี่ยโห้วก็ยังไม่แยแสเลย

การเจรจาการค้าล้วนเป็นการเสนอราคาที่สูงไร้ขีดจำกัดไว้ก่อน คุยไปคุยมาราคาก็ย่อมลดลงเองอย่างช้าๆ สุดท้ายก็ต้องให้ฝั่งเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ปิดตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง ยอมให้สี่ตระกูลยัดคนเข้าไปในตลาดสวรรค์ นี่คือขั้นตอนของการควบคุมตลาดสวรรค์ใหม่อีกครั้ง

เดิมทีก็เป็นราชันสวรรค์ที่ปล่อยอำนาจของตลาดสวรรค์ให้ตระกูลเซี่ยโห้ ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้ตักตวงผลประโยชน์ในตลาดสวรรค์เยอะสักเท่าไรนัก เรื่องบางเรื่องจะมีหรือไม่มีก็ได้ ทว่าตอนนี้ตระกูลเซี่ยโห้วกลับเหมือนเต่าที่กินลูกตุ้มมา ใจแข็งสุดๆ ใจแข็งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่มีการเจรจาใดๆ ทั้งนั้น แน่วแน่ว่าจะไม่ยอมถอยอะไรทั้งสิ้น!

ฉีกหน้ากันไปแล้ว เดินมาถึงขั้นนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องดูความสามารถแล้ว ถ้าไม่สร้างผลลัพธ์ขึ้นมาก็ไม่มีใครยอมถอย ทั้งสี่ตระกูลถูกทำให้เดือดดาลแล้ว ตัดสินใจที่จะใช้ไม้แข็ง ลงมือกับตำแหน่งของตระกูลเซี่ยโห้วที่มีอยู่ในเยอะในตำหนักสวรรค์ ทั้งยังส่งทัพใหญ่ไปล้างเลือดสถานที่ที่เกี่ยวโยงกับอำนาจใต้ดินซ้ำแล้วซ้ำอีก คนกลุ่มหนึ่งตำหนิชี้ความผิดว่าราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ใช้อำนาจในทางที่ผิดที่วังหลัง เสียงร้องขอให้ถอดราชินีสวรรค์ออกจากตำแหน่งดังขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ล้อเล่นอะไรกัน ถ้าในราชสำนักไม่มีคนของตระกูลเซี่ยโห้วคอยออกเสียงให้ ถ้าแม้แต่สัญลักษณ์ของตระกูลเซี่ยโห้วในตำหนักสวรรค์ก็ถูกถอดทิ้งไปเหมือนกัน แล้วถ้าตระกูลเซี่ยโห้วกุมอำนาจใต้ดินไว้แต่เพียงฝ่ายเดียวไม่ยอมปล่อยอีก แบบนั้นมันจะกลายเป็นเรื่องแบบไหนกัน อยากจะตั้งตนเป็นอิสระอยู่นอกตำหนักสวรรค์งั้นหรือ? ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วเป็นแบบนั้น ตำหนักสวรรค์จะปล่อยเขาไว้เหรอ?

ตระกูลเซี่ยโห้วสั่งสอนกลับทันที ในราชสำนักมีคนโยนหลักฐานการทำผิดของคนบางคนในตำหนักสวรรค์ไม่หยุด ยกตัวอย่างเช่นครอบครองและขายของผิดกฏหมาย วางแผนทำร้ายเพื่อนร่วมงาน แอบรับสนมที่ตำหนักสวรรค์ถอดออกจากตำแหน่งแล้วเอาไว้เป็นผู้หญิงของตัวเอง ถึงขั้นมีคนแอบสมคบก่อกบฎด้วย

เมื่อโยนหลักฐานที่แน่นหนาดุจขุนเขาออกมาเรื่อยๆ แค่คิดจะแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ยังทำไม่ได้เลย ทำให้ประมุขชิงเดือดดาลราวกับฟ้าผ่า

ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ร้อยปี ตั้งแต่ข้างล่างจนถึงข้างบนของตำหนักสวรรค์ เริ่มมีขุนนางถูกถอดไปนับพันคนแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะกดดันไปทางขุนนางใหญ่ทุกคนในราชสำนักด้วย เป็นการขู่เตือนแบบโจ่งแจ้งจริงๆ

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่อยู่ในวังหลังก็ไม่หยุดพักเช่นกัน ลงมืออย่างโหดเหี้ยมถี่มาก สาวงามในวังหลังมักจะโดนเปิดโปงเรื่องน่าไม่อายบ่อยๆ ถ้าไม่โดนตีก็โดนซ้อมตายทั้งเป็นๆ ยอดหญิงงามหลายร้อยตายไปแบบนั้นแล้ว ในจำนวนนั้นมีหลายคนที่เป็นญาตกับขุนนางใหญ่ราชสำนัก

ตระกูลเซี่ยโห้วที่อยู่ราชสำนักอ่างสงบเสงี่ยมมาตลอดหลายสมัย ในที่สุดตอนนี้ก็เผยด้านที่ดุร้ายออกมาแล้ว เจ้าตัวไม่จำเป็นต้องใช้กำลังอะไรมากเลย ความน่ากลัวของตระกูลนี้เพียงพอที่จะทำให้คนตัวสั่นได้! นี่เป็นเพียงการเผยหนึ่งมุมของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น แค่ก็ทำให้คนรู้สึกกลัวจนตัวสั่นแล้ว นี่เป็นการเตือนทุกคนอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ว่าตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้แตะต้องได้ง่ายๆ ขนาดนั้น!

คนที่อยู่ระดับล่าง คนสองคนก็ปกป้องไม่ได้ คนหลายสิบคนก็ปกป้องไม่ได้ กลายเป็นคนนับร้อยนับพันที่ปกป้องไม่ได้ การโจมตีกลับรอบด้านในวงกว้างขนาดนี้กดดันให้สี่อ๋องสวรรค์ค่อนข้างฉุกละหุก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปพวกลูกน้องคงไม่กล้าอยู่กับพวกเขาแน่ เกรงว่าอีกไม่นานก็จะวิ่งไปกอดขาตระกูลเซี่ยโห้วเพื่อปกป้องชีวิตตัวเองกันหมด

วิธีการเดียวก็คือกำจัดตระกูลเซี่ยโห้วให้สิ้นซาก แต่อำนาจในที่แจ้งกับอำนาจในที่ลับของตระกูลเซี่ยโห้วไม่เคยวางไว้ที่เดียวกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในมือสี่อ๋องสวรรค์มีกำลังทหารเยอะแล้วอย่างไรล่ะ ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ชัดว่าตระกูลเซี่ยโห้วซ่อนอะไรเอาไว้บ้างในที่ลับ ต่อให้เจ้าฆ่าทั้งตระกูลเซี่ยโห้วตายหมดรวมทั้งเซี่ยโห้วท่าแล้วอย่างไรล่ะ เกรงว่าจะยิ่งก่อให้เกิดการล้างแค้นที่บ้าระห่ำมากกว่าน่ะสิ!

ถ้าทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างนี้ต่อไป ผลที่ตามมาก็ไม่มีใครรับไหว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปทุกคนคงเล่นจนหมดตัว มีแค่คนเดียวที่จะได้ประโยชน์ นั่นก็คือประมุขชิง!

คนที่อยู่ในตำแหน่งแต่ละคนถูกโค่นล้ม ในขณะที่ประมุขชิงแสดงออกถึงความเดือดดาล แต่อีกด้านหนึ่งก็ย้ายคนจากกองทัพองครักษ์มาเติมในตำแหน่งอย่างไม่ทุกข์ร้อน เรื่องที่ประมุขชิงจัดการได้ยกาก่อนหน้านี้ พอทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างหนักหน่วง ก็ช่วยให้ประมุขชิงทำงานสำเร็จอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เกรงว่านี่คงจะเป็นสิ่งที่ประมุขชิงอยากจะเห็น

วุ่นวายจนแพ้และเจ็บตัวทั้งสองฝ่าย ตระกูลเซี่ยโห้วรักษาเส้นตายเอาไว้ไม่ยอมอ่อนข้อ สุดท้ายก็มีแต่สี่อ๋องสวรรค์ที่จัดงานเลี้ยงแล้วเชิญเซี่ยโห้วท่ามาร่วมงาน

หลังจากจบงานเลี้ยง การต่อสู้กันดุเดือดของทั้งสองฝ่ายก็สงบลงอย่างรวดเร็ว

เพียงแต่หลังจากจบเรื่องนั้นแล้ว คลื่นพลังที่เหลือของพวกพี่ใหญ่นั้นยังอยู่ ถูกสี่อ๋องสวรรค์ใช้วิธีการ ‘ฆ่าผิดตัวดีกว่าปล่อยผ่านไป’ ส่งกำลังพลไปก่อความวุ่นวายยังจุดที่เกี่ยวของอำนาจใต้ดินอีกครั้ง ภายนอกตระกูลเซี่ยโห้วดูเหมือนใจแข็ง แต่ความจริงก็เสียหายยับเยินเช่นกัน เชือกที่โดนดึง บ้างก็ขาดบ้างก็พันกันยุ่ง ดังนั้นตอนนี้อำนาจใต้ดินจึงค่อนข้างยุ่งเหยิง ไม่ได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมง่ายๆ ภายในเร็วๆ นี้

นี่ก็คือจุดที่ตระกูลเซี่ยโห้วเสียเปรียบ ถ้าไม่สามารถกุมกำลังพลทัพใหญ่ไว้ในมือตัวเองอย่างสง่าผ่าเผยได้ ก็ไม่สามารถใช้กำลังปะทะตรงๆ อย่างโจ่งแจ้งได้ ไม่สามารถต่อต้านแบบซึ่งๆ หน้าได้เลย กำลังพลส่วนใหญ่ในใต้หล้ารวมอยู่ในมือสี่อ๋องสวรรค์ ถ้าเทียบเรื่องกำลังพล ใครจะไปแข่งกับพวกเขาสี่คนได้ล่ะ? ยามเผชิญหน้ากับการที่สี่อ๋องสวรรค์ร่วมมือกันใช้กำลังทหารล้อมปราบ ต่อให้ใช้ยอดฝีมือจำนวนหนึ่งมาต้านทานก็ต้านทานไม่ไหว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เสียหายอย่างหนัก

สองจอมพล แปดเทพประจำดาว สิบสองโหวโดนโค่น ทั้งยังมีคนตำแหน่งต่ำกว่านั้นอีกนับพันที่ตกม้า ล้วนเป็นผลงานจากการต่อสู้อันดุเดือดทั้งนั้น ประมุขชิงฉวยโอกาสตอนที่ทั้งสองฝ่ายกำลังงัดกัน ใช้มือข้างหนึ่งแทรกเข้ามาในตาข่ายที่อำนาจท้องถิ่นถักทอมาหลายปี ฉีกแหวกรูโหว่จนเลือดไหลนอง

สี่อ๋องสวรรค์ล้อมปราบโดยอ้างข้อหากบฎ รวบรวมทัพใหญ่และทุ่มเทใช้วิธีการ ‘ยอมฆ่าผิดตัวดีกว่าปล่อยผ่าน’ หมายจะถอนรากถอนโคนตระกูลเซี่ยโห้วให้สิ้นซากในรวดเดียว ผลปรากฏว่าทำไม่สำเร็จ และตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่กล้าคว่ำกระดานตำหนักสวรรค์โดนไม่สนใจอะไรเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็เสียหายอย่างหนัก ทั้งสองฝ่ายล้วนกำลังทบทวนความผิดพลาดของตัวเอง

การต่อสู้อันดุเดือดนี้เป็นคดีใหญ่ที่เกิดขึ้นหลังจากเหมียวอี้เข้าแดนมรณะดึกดำบรรพ์ เรียกได้ว่าส่งผลกระทบไกลและลึกซึ้ง สั่นสะเทือนใต้หล้า

และในตอนนี้…

เพล้ง! เซี่ยโห้วเฉิงอวี่โบกแขนเสื้อสองข้าง ของที่อยู่บนโต๊ะยาวแตกกระจายตกพื้น นางโมโหจนหอบหายใจและหน้าซีด จ้องไปนอกตำหนักใหญ่ด้วยสีหน้าดุร้ายพร้อมตวาดว่า “นางตัวดี! สองวัน! ไม่น่าเชื่อว่าจะรั้งฝ่าบาทไว้สองวัน ไม่รู้รึไงว่าเวลาสองวันทำให้ฝ่าบาทเสียงานใหญ่ขนาดไหน? วังหลังมีผู้หญิงดอกทองแบบนี้โผล่มา ไม่ช้าก็เร็วจะต้องสร้างหายนะต่อใต้หล้าแน่! ไป ไปเรียกนางตัวดีมาให้ข้า ข้าจะสั่งสอนคุณธรรมของสนมให้นางรู้สักหน่อย !”

เอ้อเหมยย่อมรู้ว่านางกำลังถูกความริษยาโจมตีหัวใจ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ยังคงต้องเอ่ยรับและเดินออกไป

ณ ตำหนักบูรพา หลังจากประมุขชิงออกไปแล้ว ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งในตำหนักนอน จ้านหรูอี้ผมยาวสยายคลุมบ่า สวมชุดกระโปรงยาวตัวโคร่งใหญ่สีเงิน กำลังนั่งมองตัวเองในกระจกเงียบๆ แววตานิ่งสงบ สีหน้าเฉยชาไม่สะทกสะท้าน ไม่ดีใจ ไม่กังวล ไม่หวาดกลัว

หญิงแกร่งมากความสามารถผู้หยิ่งทระนง หญิงที่ฮึกเหิมมีชีวิตชีวาและมีอุดมการณ์เต็มเปี่ยมในปีนั้นออกห่างจากตัวนางไปไกลแล้ว ไม่มีทางเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานในใต้หล้าได้อีก กำแพงวังสูงที่หรูหราได้ตัดขาดอำนาจในการมีอิสระทุกอย่างไปหมดแล้ว

หยินซวง ไป๋เสวี่ยหวีผมให้นางอย่างพิถีพิถัน ทั้งสองคือสาวใช้ที่แต่งงานเข้าวังมาด้วย ตามหลักแล้วนี่คือชะตาของสาวใช้ แต่ตอนนี้กลับเป็นห่วงเจ้านาย

ก็ช่วยไม่ได้ เพราะนายหญิงท่านนี้เย็นชาเกินไปจริงๆ ราวกับทุกเรื่องล้วนไม่เกี่ยวข้องกับนาง ทุกครั้งที่ฝ่าบาทมาที่นางก็ทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวตลอด ไม่เคยสนใจจะถามเรื่องการต่อสู้อันสะท้านฟ้าสะเทือนดินข้างนอกเลย ราวกับว่าพอได้รับคำสั่งให้แต่งงานเข้าวังมาก็เสร็จงานแล้ว ทำเอาตระกูลอิ๋งเดือดดาลมาก โดนกดดันแทบแย่ ทั้งสองทำได้เพียงช่วยนางจัดการทุกอย่างตามที่ได้รับคำสั่งมา

แต่ก็ยังต้องรายงานทุกเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งภายนอกภายในให้นางฟัง ทั้งสองผลัดกันรายงานสถานการณ์ข้างนอก เรียกได้ว่าเล่าทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ พอพูดไปเยอะพอสมควรแล้ว สองสาวก็ส่งสายตาให้กัน สังเกตปฏิกิริยาของจ้านหรูอี้ หยินซวงพูดเบาๆ ว่า “นึกออกแล้ว เหนียงเหนียง ได้ยินว่าหนิวโหย่วเต๋อที่โดนทำโทษให้ไปอยู่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ยังไม่ตาย ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีชีวิตอยู่”

…………………………