ตอนที่ 1459 หน้าตาที่แท้จริงของยานแม่ลอยฟ้า โดย Ink Stone_Fantasy
เจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างได้เห็นความพ่ายแพ้ของศัตรูอย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นการฝืนขึ้นมาบนเกาะหรือว่าพยายามจะอ้อมลงไปหาจุดอ่อนด้านล่าง ปีศาจก็ล้วนแต่ไม่อาจทำอะไรได้ ภายใต้การกระหน่ำยิงอย่างแม่นยำของเอเลนอร์ ทุกๆ นาทีที่พวกมันหยุดนิ่งล้วนแต่หมายถึงความเสี่ยงที่ร้ายแรง สำหรับหน่วยอสูรสยองแล้ว อัตราการตายที่สุดขนาดนี้เป็นเรื่องที่พวกมันยากที่จะยอมรับได้
การบินหมายถึงความเร็ว ความคล่องแคล่ว ไม่ถูกขัดขวางจากสภาพภูมิประเทศ อสูรสยองเคยปกครองท้องฟ้ามาเป็นเวลาหลายร้อยปี อีกทั้งยังมีความได้เปรียบในศึกบนท้องฟ้าอย่างเด็ดขาดด้วย แต่ตอนนี้เกรงว่าพวกมันคงจะคิดไม่ถึงว่ากองกำลังของตัวเองจะต้องมาเสียหายไปกว่าครึ่งโดยที่มองไม่เห็นศัตรู
เริ่มมีปีศาจทำการถอยแล้ว…หรือพูดอีกอย่างก็คือหนี
และนี่คือโอกาสของมนุษย์
เป้าหมายสำคัญของแผนบีคือสร้างความเสียหายแก่ศัตรูให้ได้มากที่สุดโดยทำให้ตัวเองเกิดความเสียหายน้อยที่สุด และการไล่สังหารศัตรูที่หลบหนีก็เป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างความเสียหายให้กับศัตรูเพิ่มขึ้นมาแต่ไหนแต่ไร — นี่ไม่ได้ถือเป็นแนวคิดที่แปลกใหม่อะไร แต่มีเพียงเกาะเอเลนอร์เท่านั้นที่จะเปลี่ยนสลับจากรับเป็นรุกหรือรุกเป็นรับได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นี่ึืคือความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดระหว่างยานแม่ลอยฟ้าและยานบรรทุกเครื่องบินอื่น
เมื่อทิลลีออกคำสั่ง ฐานบัญชาการก็รีบดำเนินการตามขั้นตอนทันที
“เพิ่มแรงดันในท่อเรียบร้อย ตัวเลขแรงดันเครื่องจักรไอน้ำแต่ละตัวปกติ!”
“ประตูหมายเลข 01 และ 06 กำลังจะเปิด ตอนนี้กำลังทำการเคลียร์รันเวย์!”
“เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินบอกว่าขอเวลาเตรียมตัว 5 นาที”
“หน่วยโจมตีหน่วยแรกเข้าประจำที่แล้ว!”
เนื่องจากเกาะลอยฟ้ามีขนาดใหญ่ ภายในโรงเก็บเครื่องบินจึงมีการติดตั้งรันเวย์สำหรับขึ้นบินเอาไว้ โดยรันเวย์จะกระจายตัวขึ้นไปยังพื้นด้านบนโดยมีโรงเก็บเครื่องบินเป็นศูนย์กลาง ตอนที่รันเวย์เหล่านี้ยังไม่มีการใช้งาน มันจะถูกประตูขนาดใหญ่ปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา มีเพียงเครื่องจักรไอน้ำเท่านั้นถึงจะเปิดพวกมันได้
ถึงแม้ความยาวของรันเวย์แต่ละเส้นจะลดลงจากเดิม โดยมีขนาดเพียงหนึ่งในสามของสนามบินที่อยู่บนพื้นดิน แต่มันก็เพียงพอที่จะให้เครื่องบินปีกสองชั้นที่มีน้ำหนักเบาได้ใช้ขึ้นบินได้ ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ไม่มีความเร็วเริ่มต้นที่มากพอ แต่ด้วยรันเวย์ที่พุ่งขึ้นไปยังพื้นด้านบนก็สามารถทำให้หัวเครื่องบินเชิดขึ้นไปใหม่อีกครั้งได้
“เจ้าไปออกไปเองเหรอ?” โรแลนด์มองไปทางทิลลี
“โอกาสในการรบจริงที่หาได้ยากแบบนี้ ให้นักบินใหม่ได้ใช้ซ้อมดีกว่า” อีกฝ่ายยิ้มขึ้นมา ก่อนจะคว้าไมโครโฟนแล้วพูดว่า “หลังประตูโรงเก็บเครื่องบินเปิดแล้วให้ออกโจมตีได้เลย อย่าให้เป้าหมาย—เหลือรอดแม้แต่ตัวเดียว!”
…..
ถึงแม้กู๊ดจะเคยขึ้นบินจากรันเวย์ในโรงเก็บเครื่องบินมาแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ก็ล้วนแต่เป็นการฝึกซ้อมเท่านั้น
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมองค์หญิงถึงสั่งกำชับว่าให้ใส่ที่ครอบหูเอาไว้
เครื่องบินปีกสองชั้นจำนวนกว่า 50 ลำที่อยู่ในพื้นที่ปิดสตาร์ทเครื่องยนต์ขึ้นมาพร้อมกัน เสียงของมันดังกระหึ่งจนน่าตกใจ ถึงแม้จะอยู่ห่างกัน 2 – 3 เมตร แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นสิ้นส่งเสียงตะโกน เขากลับมองเห็นแต่ปากที่ขยับ โดยไม่ได้ยินเสียงตะโกนเลยแม้แต่นิดเดียว
นับตั้งแต่ที่มีคำสั่งให้เตรียมตัว เหล่าอัศวินอากาศก็ต้องทำการสื่อสารกันผ่านธงและสัญญาณมือเท่านั้น
เขาเป็นคนแรกที่เคลื่อนตัวไปบนรันเวย์เพื่อเข้าสู่ตำแหน่งขึ้นบิน
ท่ามกลางไอน้ำที่พ่นออกมา ประตูเหล็กที่มีความหนาเท่ากับผู้ใหญ่คนหนึ่งค่อยๆ เปิดออก รันเวย์ค่อยๆ ยืดยาวออกไปข้างหน้า บนประตูเหล็กที่อยู่ตรงปลายทางมีตัวเลข 01 เขียนเอาไว้บนประตูอย่างชัดเจน
ในตอนที่ทิลลีไม่อยู่ เขาย่อมต้องกลายเป็นหัวหน้าทีมอย่างไม่ต้องสงสัย
คนที่ออกเป็นลำแรกตรงประตูหมายเลขหกน่าจะเป็นแมนเฟล
ผู้ท้าชิงงั้นเหรอ…
เขายิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย
เรเชล เจ้าเห็นหรือยัง?
ก่อนหน้านี้ข้าได้แต่แหงนมองพวกขุนนางอยู่ไกลๆ แต่ตอนนี้กลายเป็นพวกเขาต้องไล่ตามข้าแล้ว
ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้แสดงเจตนาเช่นนั้นออกมาอย่างชัดเจน แต่ว่า…จะพูดแบบนี้มันก็ไม่ผิด
เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินผลักป้ายไม้อันหนึ่งมาข้างหน้าเขา บนป้ายสัญลักษณ์ที่บอกถึงความเร็วลมด้านนอก อุณหภูมิและความเร็วในการเคลื่อนที่ของเกาะลอยฟ้า ปกติแล้วประตูโรงเก็บเครื่องบินจะเปิดในทิศทางทวนลม เพื่อให้เครื่องบินได้รับแรงยกที่เพิ่มขึ้น แต่เมื่อคำนึงถึงว่าประตูโรงเก็บเครื่องบินอาจจะถูกศัตรูโจมตีในตอนที่ต่อสู้อยู่ ด้วยเหตุนี้ถึงมีโอกาที่จะไม่ได้ใช้รันเวย์ที่เหมาะสมที่สุดในการขึ้นบิน ในเวลานี้พารามิเตอร์ต่างๆ จะมีความสำคัญอย่างมาก ตัวนักบินจำเป็นต้องเตรียมตัวเร่งความเร็วและร่อนลงล่วงหน้า
กู๊ดยกนิ้วหัวแม่มือให้กับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในที่สุดประตูบานสุดท้ายก็ยกขึ้น
ลำแสงที่แสบตาทำลายความมือที่ปลายทาง จากแสงสว่างเล็กๆ ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น จนในที่สุดทั้งรันเวย์ก็สว่างขึ้นมา
กระแสลมไหลทะลักเข้ามาในโรงเก็บเครื่องบินทันที ก่อนจะพัดเอากลิ่นน้ำมันเครื่องที่แสบจมูกออกไป
ลมปะทะหน้าระดับห้า เป็นโอกาสที่ดีในการออกโจมตี
เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินยกธงสัญญาณสีเขียวขึ้นมาโบกสะบัดแรงๆ!
“รันเวย์เคลียร์ กู๊ดออกตัว!” กู๊ดด้านหนึ่งส่งเสียงตะโกน อีกด้านหนึ่งก็กดคันบังคับลง
ฟิวรี่ออฟเฮฟเวนส่งเสียงคำรามพร้อมออกตัวพุ่งไปหาแสงสว่าง ในระหว่างที่เร่งความเร็ว หางตาเขาเหลือบไปเห็นเหล่าคนงานที่มายืนต่อแถวอยู่สองข้างของรันเวย์พร้อมโบกมือให้เขา
วินาทีที่บินผ่านลำแสงนั้นไป ดวงตาของกู๊ดพลันพร่ามัวไปชั่วขณะ แต่ไม่นานภาพสรรพสิ่งก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา — เสียงรบกวนในหูไม่มีอยู่อีก เหมือนจู่ๆ ทุกอย่างก็เงียบลงไป อากาศที่มีกลิ่นหอมของต้นไม้ทำเอาเขาต้องสูดหายใจลึกๆ
กู๊ดถอดหูฟังออก ก่อนจะบินขึ้นไปด้านบนของเกาะ
กระสุนส่องวิถีที่ยิงออกมาอย่างต่อเนื่องช่วยชี้ทิศทางให้เขา
เมื่อมองเห็นอสูรสยองที่กำลังบินหนีด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เขาก็ไล่ตามไปอย่างไม่ลังเล
…..
โรแลนด์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าภาพลำแสงเวทมนตร์กำหมัดขึ้นมา
นี่ต่างหากที่เป็นหน้าตาที่ยานแม่ลอยฟ้าควรจะมี!
มีขนาดใหญ่ มีอาวุธเพียบพร้อม สามารถปล่อยเครื่องบินออกไปสู้รบได้ทุกเมื่อ เพียงดูก็ทำให้หัวใจพองโตแล้ว!
เครื่องบินสองปีกบินออกไปจากในภูเขาลำแล้วลำเล่า ก่อนจะหันหน้าไปไล่ล่าเหล่าอสูรสยองที่กำลังหลบหนีกันอย่างทุลักทุเล เมื่อเจอกับอัศวินอากาศที่มีความเร็วเหนือกว่าอสูรสยองหลายเท่า สถานการณ์ก็กลายเป็นการถล่มโจมตีด้านเดียว
ตอนที่พยายามหยุดพระผู้สร้างในศึกเหนือเทือกเขาสิ้นวิถี พวกเขาต้องสูญเสียเครื่องบินไปหลายสิบลำกว่าจะกำราบฝูงอสูรสยองได้ แต่ครั้งนี้นอกจากป้อมปืนที่ไม่มีคนสองสามป้องที่เสียหายแล้ว อสูรสยอง 200 กว่าตัวแทบจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับมนุษย์ได้เลย
“ครั้งนี้เป็นศัตรูเราที่เป็นฝ่ายปวดหัวแล้ว” เอดิธส์ยิ้มๆ ดูออกเลยว่าเธอรู้สึกเจ็บใจที่ไม่มีแผนรับมือกับการที่ศัตรูจะใช้พระผู้สร้างมาทำลายมนุษย์เมื่อครั้งที่แล้ว ตอนนี้สามารถใช้ของสิ่งเดียวกันในการโจมตีกลับได้ นี่ทำให้น้ำเสียงเธอฟังดูมีความสุขไม่น้อย
“หลังจากนี้พวกมันน่าจะใช้ทหารจำนวนมากขึ้นโจมตีกลับใส่พวกเรา” ขวานเหล็กพูดเสียงเบาๆ “บางทีอาจจะส่งปีศาจระดับสูงที่เป็นระดับราชาตัวใหม่ออกมา”
โรแลนด์คิดครุ่นเงียบๆ เกี่ยวกับข้อมูลของราชาปีศาจ — จากที่วัลคีรีย์บอกมา ในบรรดาพวกมัน ราชาปีศาจที่ถนัดในการต่อสู้นอกจากไซเลน์ดิสแดสเตอร์แล้ว ก็มีแค่ปีศาจที่ถูกเรียกว่าบลัดดี้คองเคอเรอร์เท่านั้น เพียงแต่อีกฝ่ายยกระดับขึ้นมาจากผู้นำนรก มันจึงเหมาะกับการต่อสู้บนพื้นดินมากกว่า เพราะไม่มีอสูรสยองตัวไหนที่แบกร่างกายอันใหญ่โตของมันได้
ตอนนี้เมื่อมาคิดดูแล้ว การที่จักรพรรดิของปีศาจมอบหมายให้เฮคซอดเป็นคนรับผิดชอบเรื่องสงครามตะวันตกนั้นเป็นเรื่องที่โชคดีจริงๆ
“ไม่ว่าพวกมันจะใช้วิธีอะไร พวกเราก็จะสู้กับพวกมันจนถึงที่สุด…แต่เวลาของพวกมันเหลือไม่มากแล้ว” โรแลนด์มองดูแผนที่
ระยะทาง 250 กิโลเมตรสุดท้ายได้ถูกเส้นสีแดงขีดเอาไว้ เหลืออีกเพียงแค่ 3 วัน เกาะลอยฟ้าเอเลนอร์ก็ไปถึงจุดที่จะต้องทำศึกตัดสิน
…………………………………………………………………