ตอนที่ 1460 ภายใต้หน้ากาก

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1460 ภายใต้หน้ากาก
โดย
Ink Stone_Fantasy
‘ทั้งหมดเป็นเพราะการทรยศของเฮคซอด! ท่านจักรพรรดิ ได้โปรดอนุญาตให้ข้าไปฆ่ามันด้วยเถอะขอรับ!’

ภายในหอเจ้าชีวิต เสียงคำรามของบลัดดี้คองเคอเรอร์ดังสนั่น จากเส้นเลือกที่ปูดและไอน้ำที่พ่นออกมาจากปากของมันจะเห็นได้ว่ามันกำลังโกรธอยู่

สีหน้าของราชาตนอื่นๆ เองก็คร่ำเครียดเหมือนกัน

มีเพียงนาซเพลเท่านั้นที่มีสีหน้าราบเรียบ พอดูดีๆ มันเหมือนอยากจะยิ้มอยู่หน่อยๆ ด้วยซ้ำ

เจ้าพวกโง่

มันเคยเตือนพวกมันตั้งนานแล้ว แต่นอกจากอันดีเซิร์ฟแล้ว ราชาตัวอื่นๆ กลับแสดงความสงสัยเรื่องที่ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์และสกายลอร์ดสมรู้ร่วมคิดกันและลงมือโจมตีมันก่อน ถึงแม้หลังจากที่มันแสดงความทรงจำออกมาให้จักรพรรดิดูแล้ว ราชาเหล่านี้จะพยายามไม่แสดงสีหน้าสงสัยออกมา แต่ภายในใจพวกมันคงจะคิดสงสัยอยู่ว่ามันได้ไปทำให้อีกฝ่ายโกรธหรือเปล่า

แค่เพราะว่ามันดูแล้วเหมือนกับ ‘สัตว์ประหลาด’ ที่ถูกประกอบขึ้นมาเท่านั้น

สุดท้ายยังไม่ทันที่เฮคซอดกับเซโรเชสจะออกมาอธิบาย สิ่งที่มาหาพวกมันแทนก็คือ ‘พระผู้สร้าง’ ของมนุษย์

ตอนนี้เพิ่งจะมาโยนปัญหาไปให้คนทรยศ มันไม่ช้าไปหน่อยเหรอ?

‘ปัญหามันอยู่ที่ว่าเจ้าจะไปหามันได้ที่ไหน?’ อันดีเซิร์ฟไม่ได้สนใจสีหน้าของบลัดดี้คองเคอเรอร์เลย ‘ตอนนี้เฮคซอดอาจจะซ่อนตัวอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของสันหลังแห่งทวีป ส่วนพวกปีศาจที่อยู่ในเมืองสกายก็เป็นไปได้ว่าถูกบังคับให้ไปเข้าพวกกับมันแล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าไม่ส่งกองกำลังลงไปเป็นจำนวนมาก การจะหาตัวร่องรอยของราชานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย อีกอย่าง…” มันกวาดตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาเยือกเย็น ‘ถึงแม้เจ้าจะเจอเฮคซอด แต่อย่าลืมซะล่ะว่าข้างกายมันยังมีเซโรเชสอยู่ ถึงตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าใครจะฆ่าใครกันแน่’

‘เจ้า—-!’ ถ้าที่นี่ไม่ใช่หอเจ้าชีวิต เกรงว่าบลัดดี้คองเคอเรอร์คงจะลงมือไปแล้ว

‘ท่านจักรพรรดิที่เคารพ ข้าไม่เข้าใจเลยว่า…’ เคออสพูดพร้อมขยับร่างกายอ้วนๆ ของมัน ‘หรือว่ามนุษย์มันจะค้นพบหลักฐานอะไรเกี่ยวกับสงครามแห่งโชคชะตา? ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยของสกายลอร์ดแล้ว มันไม่น่าจะไปเข้าพวกกับ—’

‘พวกมันทำถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะไปคาดเดาสาเหตุที่พวกมันทรยศอีกเหรอ?’ เดอะแมสก์พูดตัดบทขึ้นมาเสียงดัง ‘ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไร เฮคซอดก็มีโอกาสมากมายที่จะมารายงานจักรพรรดิ แต่มันได้ทำเช่นนั้นหรือเปล่า? มันออกจากแนวรบตะวันตกไป มุ่งหน้าไปยังบอทธ่อมเลสแลนด์ แล้วก็สมรู้ร่วมคิดกับไซเลน์ดิสแอสเตอร์ ตั้งแต่ต้นจนจบมันไม่ได้ติดต่อท่านจักรพรรดิเลย! เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการหักหลังที่วางแผนมานานแล้ว! ถ้าไม่เป็นเพราะความสามารถของข้าพัฒนาขึ้นมาใหม่ เกรงว่าข้าคงจะตายด้วยน้ำมือของเซโรเชสไปนานแล้ว!’

ราชาตนอื่นๆ เป็นใบ้ไปทันที

นี่คือเศษเสี้ยวของความทรงจำที่ถูกจักรพรรดิดึงออกไป มันไม่อาจทำปลอมขึ้นมาได้ ซึ่งเรื่องที่ช่วงหนึ่งเฮคซอดได้เดินทางไปยังทางเหนือของดินแดนรุ่งอรุณก็ได้รับการยืนยันจากป้อมสังเกตการณ์ที่ตั้งอยู่ตามทาง ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ล้วนแต่ไม่ใช่การตัดสินใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ใช่แล้ว แบบนี้แหละ…นาซเพลค่อยๆ ยิ้มมุมปากขึ้นมา ความทรงจำไม่อาจปลอมขึ้นมาได้ แต่มันกลับลบความทรงจำบางส่วนออกไปในขณะที่ทำการถ่ายทอดออกไปได้ — และความทรงจำส่วนที่มันเลือกที่จะปิดบังเอาไว้ก็คือเบาะแสของวัลคีรีย์

และความจริงก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด ถ้าราชาคนอื่นๆ พบว่าสาเหตุการหักหลังของทั้งสองคนอาจจะเกี่ยวของกับวัลคีรีย์ที่ตอนนี้ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร บางทีสถานการณ์มันอาจจะซับซ้อนขึ้นก็ได้

แบบนี้มันก็จะอาจจะทำให้มันชิงเอาชิ้นส่วนสืบทอดของมนุษย์มาได้ช้าลง

มันไม่อยากจะเสียเวลาแม้แต่นิดเดียว

‘เดอะแมสก์พูดถูก เราควรจะมุ่งเป้าไปที่เกาะลอยฟ้าของมนุษย์ก่อนดีกว่า เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังมุ่งหน้ามาทางเมืองจักรพรรดิ’ อันดีเซิร์ฟเป็นฝ่ายเสนอตัวออกมา ‘ศัตรูลอยอยู่กลางอากาศ รอบๆ มีอาวุธติดตั้งเอาไว้อยู่ นั่นไม่เหมาะที่จะให้บลัดดี้ลอร์ดและเดธสการ์ลอร์ดลงมา คิดไปคิดมาก็มีแต่ข้าเท่านั้นที่จะออกไปหยุดพวกมันได้’

อันดีเซิร์ฟนั้นเหมือนกับเฮทริตและเดธสการ์ พวกมันต่างก็ยกระดับขึ้นมาจากปีศาจที่มีพลังจิต แต่เมื่อเทียบกับผู้ควบคุมจิตใจที่แข็งแกร่งในเรื่องพลังการควบคุมและทำให้สับสนแล้ว มันค่อนข้างถนัดในเรื่องการสู้ระยะประชิดมากกว่า ในจุดนี้จะเห็นได้จากการแต่งกายของมัน — รูปร่างภายนอกส่วนใหญ่เหมือนมนุษย์ บนร่างกายมีชุดหนังสีดำห่อหุ้มเอาไว้อยู่ ทั้งร่างไม่ได้มีเกราะเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เหมือนกับว่ามันทิ้งการป้องกันทั้งหมดไปอย่างไรอย่างนั้น

เขาที่โค้งงอสองเขาตรงหน้าผากของมันเหมือนจะเป็นจุดเดียวที่มันไม่เหมือนกับมนุษย์ แต่นาซเพลรู้ดีว่านั้นเป็นแค่สิ่งที่มันสร้างขึ้นมาเพื่อลวงตาเท่านั้น อันดีเซิร์ฟสามารถบิดเบือนการรับรู้ของสิ่งมีชีวิตรอบๆ ที่มีต่อมันได้ ความสามารถนี้แข็งแกร่งกว่าความสามารถลอกเลียนแบบของทรานฟอร์มเมอร์เสียอีก มันเคยสัมผัสกับความสามารถนั้นมาแล้ว ในตอนที่เดินทางตัวอีกฝ่าย จิตสำนึกของมันได้มองอีกฝ่ายเป็นเหมือนก้อนหินก้อนหนึ่ง มันไม่ได้รู้สึกถึงการมีอยู่ของอีกฝ่ายเลย

เดอะแมสก์คิดในใจ ถ้าหากไม่มีมันอยู่ล่ะก็ อันดีเซิร์ฟก็ดูแล้วเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ใช้ได้….หรือพูดอีกอย่างก็คือเป็นตัวเลือกในตอนที่หมดหนทางอื่น ทว่าการทำสงครามนั้นไม่สามารถอาศัยการลอบสังการในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ จักรพรรดิไม่มีทางเห็นด้วยกับคำขอของมันแน่

‘ไม่ได้’ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ประโยคแรกที่จักรพรรดิพูดออกมาคือปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้นไม่รู้ว่ามันคิดไปเองหรือเปล่า นาซเพลรู้สึกเหมือนน้ำเสียงของจักรพรรดิจะเยือกเย็นกว่าก่อนหน้านี้ด้วย ‘การกำจัดผู้บังคับบัญชาจะมีแต่ทำให้เกิดความวุ่นวาย และคนที่เข้ามาแทนผู้บังคับบัญชาก็จะเปิดเผยตัวได้ง่าย มนุษย์มีแม่มดที่สามารถตรวจสอบพลังเวทมนตร์ได้อยู่ ขณะเดียวกันก็อาจจะมีร่างเปลือกที่สามารถปิดกั้นพลังเวทมนตร์ได้อีกเป็นจำนวนมาก โอกาสสำเร็จของเจ้ามีแค่ 3% เท่านั้น ส่วนโอกาสที่จะหนีรอดออกมาก็มีไม่ถึง 1% เรีกยได้ว่าเป็นการเสี่ยงโดยไร้ประโยชน์’

‘แต่ราชาตนอื่น—’

‘เผ่าพันธุ์เราไม่ไช่ว่ามีแต่ราชาเท่านั้นที่ต่อสู้ได้ ผู้ยกระดับระดับสูงเองก็ไม่สามารถดูถูกได้เช่นเดียวกัน เกาะลอยฟ้าของมนุษย์นั้นใช้เสาหินอาญาสิทธิ์ของดินแดนตะวันตก พวกมันไม่สามารถใช้แผนสองเหมือนอย่างพระผู้สร้างได้ สุดท้ายแล้วมันก็ยังต้องใช้พลังของตัวเองในการต่อสู้อยู่ดี’

‘ท่านจักรพรรดิปรีชายิ่งนัก!’ เดอะแมสก์พูดพร้อมกางสองมือออก ‘ความจริงแล้วข้าได้ศึกษาวิธีการสู้รบของพวกแมลงจนหมดแล้ว — นกเหล็กเหล่านั้นดูเหมือนจะจัดการได้ยาก แต่ความจริงแล้วมันกลับบอบบางอย่างมาก! ขอเพียงพวกมันกล้าปรากฏตัวอยู่เหนือเมืองจักรพรรดิ ข้าจะสั่งสอนพวกมันให้รู้สำนึกเองขอรับ!’

“แกนพลังเวทมนตร์ถูกพวกแมลงมันยึดไปแล้ว คำพูดของเจ้ามันยังน่าเชื่อถืออยู่เท่าไรเชียว?’ เดธสการ์พูดเสียงเยือกเย็น

‘ถ้าไม่เป็นเพราะไซเลน์มันเล่นงานข้า ข้าจะไปสูญเสียสิทธิ์ในการควบคุมพระผู้สร้างได้ยังไง?’ เดอะแมสก์พูดโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองมัน ‘ศึกทางตะวันตกได้พิสูจน์ศักยภาพของร่างซิมไบออนท์แล้ว และสิ่งที่ข้าต้องทำก็มีแค่ขยายขอบเขตการใช้งานของพวกมันเท่านั้น ถึงแม้จะบินไม่ได้ แต่พวกมันสามารถเล่นงานพวกนกเหล็กได้’

‘อนุญาต แต่ข้าใช้ทรัพยากรของแนวหน้ามากเกินไป’ จักรพรรดิตอบกลับมาสั้นๆ

‘แน่นอนขอรับ’ เดอะแมสก์ฉวยโอกาสตีเหล็กตอนที่ยังร้อนด้วยการพูดต่อว่า ‘นอกจากนี้ ข้ายังมีแผนใหม่อีกแผนหนึ่ง — ถ้าหากเราดึงพลังเวทมนตร์ออกมาอย่างเป็นลำดับ ก่อนจะปล่อยมันออกมาในรูปแบบเดิม บางทีพวกเราอาจจะได้รับอาวุธที่ร้ายกาจอย่างมากมาก็ได้ เพียงแต่งานวิจัยนี้จำเป็นต้องใช้แกนพลังเวทมนตร์ ไม่ทราบพอจะอนุญาตให้ข้าทดลองดูได้หรือไม่?’

‘ในเมืองจักรพรรดิมีแกนเวทมนตร์เหลือเฟือ เจ้าเอาไปใช้ทดลองดูด้วย แต่ห้ามรบกวนการทำงานของหอคอยแห่งการให้กำเนิด’

‘น้อมรับพระบัญชา!’ เดอะแมสก์ก้มหน้า

หอเจ้าชีวิตค่อยๆ หายไป หอคอยขนาดใหญ่ในเมืองจักรพรรดิปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ก็คือบนหอคอยสีดำนี้มีดวงตาเพิ่มขึ้นมาอีกหลายดวง ราวกับว่ามันกำลังจ้องมองเมืองด้านล่างอยู่ตลอดเวลาอย่างไรอย่างนั้น

นั่นคือจักรพรรดิ

ถ้าพูดถึงพลังเวทมนตร์ ต่อให้มีมันสิบตัวก็ไม่อาจเทียบอีกฝ่ายได้ หากเป็นเมื่อก่อน แม้แต่ความคิดที่จะสบตาก็คงไม่มีอยู่ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้…

เดอะแมสก์ขยับหน้ากากตัวเอง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังลานเพาะเลี้ยง

….จักรพรรดิก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของแกนเวทมนตร์เท่านั้น

……………………………………………………………