บทที่ 2885 ถูกมองข้าม
เมื่อสิ้นเสียง สาวใช้สองนางก็สะบัดมือโยนพรมแดงผืนหนึ่งออกมา พรมแดงคลี่กางแผ่ไปถึงปากประตูของกู้ซีจิ่ว
ส่วนสาวใช้ที่อยู่ข้างเกี้ยวก็เลิกม่านเกี้ยวขึ้น หญิงสาวร่างอ้อนแอ้นนางหนึ่งโผล่ออกมา เยื้องย่างลงบนพรมแดง
สายตากู้ซีจิ่วกวาดผ่านร่างสตรีนางนั้นแวบหนึ่ง ในใจมีคำวิจารณ์อยู่เพียงไม่กี่คำ ‘งดงามมากจริงๆ!’
หญิงสาวผู้นี้สวมชุดกระโปรงแพรโปร่งตัวยาวที่พลิ้วไหว กระโปรงยาวลากระพรมแดง ราวกลับระลอกคลื่นสีแดงที่ซัดสาด
เครื่องหน้างามวิจิตร ขนงเนตรมีความงามเย้ายวนประการหนึ่งอยู่ ทุกอากัปกริยาล้วนแฝงบุคลิกอันทรงเสน่ห์อย่างหนึ่งไว้
นางยืนอยู่ตรงนั้น ด้านหลังมีสาวใช้นับไม่ถ้วน ต่อให้ไม่เอ่ยวาจาก็มีกลิ่นอายของผู้สูงส่งที่จองหองเย่อหยิ่ง
สายตาของนางเพ่งพินิจกู้ซีจิ่วตั้งแต่หัวจรดเท้าปานไฟฉาย ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเป็นใคร?”
กู้ซีจิ่วไม่สนใจนาง หันไปสั่งการเด็กรับใช้ที่อยู่ข้างกาย “อย่าปล่อยให้ผู้ที่มาด้วยจุดประสงค์ไม่ชัดเจนเข้ามาพบข้า ส่งแขกซะ”
แล้วหันกลับเข้าห้องไป ปิดประตูเสีย
ท่านหญิงน้อยตะลึงงัน คล้ายจะนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายไม่สนใจแม้แต่จะคุยกับนางเลย เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าหมายความว่าไง? ผู้ใดไม่ชัดเจนกัน?! ท่านหญิงอย่างข้า…”
“ท่านหญิง เชิญกลับไปเถิด” เด็กรับใช้เอ่ยขัดท่านหญิงน้อย
ท่านหญิงน้อยมาอย่างยิ่งใหญ่ ย่อมไม่คิดจะกลับไปอย่างหมดท่าเช่นนี้ นางมองสาวใช้ของตนแวบหนึ่ง สาวใช้เข้าใจเจตนา ก้าวเข้ามาถามไถ่เอาความ “แม่นางท่านนี้หมายความว่าอย่างไร? ท่านหญิงของบ้านข้าสูงส่งทรงเกียรติ มาเยี่ยมคารวะถึงหน้าประตูด้วยตัวเอง พวกเจ้ากลับมีท่าทางเช่นนี้หรือ?!”
“ในเมื่อมาเยี่ยมคารวะ ทว่าแม้แต่อีกฝ่ายคือผู้ใดก็ยังไม่ทราบ ท่านหญิงเอ่ยถามเช่นนั้นออกมา ไยจะมิใช่ผู้ที่มาด้วยจุดประสงค์ไม่ชัดเจนเล่า? ท่านหญิงโปรดกลับไปเถิด” เด็กรับใช้ที่ตี้ฝูอีทิ้งไว้ก็มิใช่ผู้ถือศีลกินเจเช่นกัน เป็นเลิศด้านการโต้กลับผู้คน
ดวงหน้าเฉิดฉันของท่านหญิงน้อยเขียวคล้ำแล้ว นางเติบใหญ่มาจนป่านนี้ก็ยังไม่เคยถูกผู้ใดโต้กลับเช่นนี้มาก่อน โกรธเกรี้ยวจนทนไม่ไหวไปชั่วขณะ “หากนางมิใช่สตรีที่ราชครูตี้พามา ผู้ใดจะมีความอดทนมาเยี่ยมคารวะนางเล่า? ท่านหญิงอย่างข้าแค่อยากมาดูว่า ที่แท้นางมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใดกันแน่ กลับคาดไม่ถึงว่าเป็นหญิงธรรมดาสามัญเยี่ยงนี้ รูปโฉมเช่นนี้สู้ไม่ได้แม้แต่สาวใช้ของท่านหญิงอย่างข้าด้วยซ้ำ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าราชครูตี้ถูกใจอันใดนางเข้า หรือว่านางจะทำคุณไสยใส่ราชครูตี้?”
วาจานี้แฝงการโจมตีไว้รุนแรงยิ่ง เด็กรับใช้ขมวดคิ้ว ขณะที่กำลังจะไล่นางออกไปตรงๆ น้ำเสียงยะเยือกสายหนึ่งก็แว่วขึ้นไม่ไกล “ทำคุณไสยอันใดใส่ผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้าเล่า?”
สีหน้าของท่านหญิงน้อยพลันแปรเปลี่ยน หันกลับไปมองทันที เป็นตี้ฝูอีที่พาคนกลับมาแล้ว
ท่านหญิงน้อยฝืนเผยรอยยิ้มอันพอเหมาะออกมา “ท่านราชครูตี้กลับมาพอดีเลย ข้าผู้เป็นท่านหญิงมาเยี่ยมคารวะแม่นางผู้นี้ที่ท่านพามาด้วย ไม่นึกเลยว่านางจะเย่อหยิ่งเช่นนี้…ให้ผู้อื่นยากจะเข้าใจได้ยิ่งนัก…”
ตี้ฝูอีปรายตามองนางแวบหนึ่ง ไม่สนใจนางเลย เพียงมองไปยังเด็กรับใช้ที่เฝ้าอยู่ตรงประตู เอ่ยเสียงเย็น “ก่อนไปมิใช่ผู้ทรงสิทธิ์เช่นข้าเคยสั่งไว้แล้วหรือ? ผู้ใดก็ห้ามรบกวนนางทั้งสิ้น มองเห็นวาจาของข้าเป็นเพียงสายลมเฉียดใบหูหรือ?”
เด็กรับใช้คุกเข่าลงด้วยความตกใจ “ข้าน้อยทราบความผิดแล้ว เป็นท่านหญิงผู้นี้นำคนบุกเข้ามา ข้าน้อยขวางไว้ไม่อยู่ชั่วขณะ…”
ถึงอย่างไรก็เป็นอาณาเขตของภพมาร ธิดาของผู้กุมอำนาจสูงสุดบุกเข้ามา เขายังคงไม่กล้าขัดขวางจนเกินไปจริงๆ แถมอีกฝ่ายยังพาคนมาด้วยมากมายขนาดนี้ พวกเขาสี่คนจะขวางก็ขวางไม่อยู่
ทั้งนอกในของจวนรับรองแห่งนี้ ยังคงมีพวกว่างงานอยู่ไม่น้อยเลย ท่านหญิงน้อยมาเยือนอย่างใหญ่โต ย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย มีคนตามมาชมเรื่องครื้นเครงมากมายยิ่ง
ท่านหญิงน้อยถูกมองข้ามอย่างสิ้นเชิง รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก นางอยากจะระเบิดโทสะ แต่ก็ไม่กล้าล่วงเกินตี้ฝูอีอย่างแท้จริง แล้วก็ไม่อยากจากไปเช่นนี้ด้วย จึงยืนอยู่ตรงนั้นเสียเลย ไม่เอ่ยว่าจะไปและไม่พูดอะไรอีก
————————————————————————————-
บทที่ 2886 ถูกมองข้าม 2
นางอยากเห็นว่าอีกฝ่ายจะหมางเมินนางไปได้ถึงไหนกัน!
ตี้ฝูอียังคงไม่สนใจนางเลยจริงๆ ก้าวเข้าไปเคาะประตูห้องกู้ซีจิ่ว “อาจิ่ว อยากไปเดินเล่นกับข้าไหม?”
ประตูห้องเปิดออกกู้ซีจิ่วเผยตัวออกมา สีหน้าเธอค่อนข้างเฉื่อยชา “เดินเล่นที่ไหนล่ะ?”
ตี้ฝูอีพลันดึงนางออกมา กึ่งๆ โอบเอวนางไว้ “เจ้าอุดอู้อยู่ในห้องทั้งวันไม่ดีต่อสุขภาพนะ ไปเถอะ ข้าพบสถานที่น่าสนใจหลายแห่งเลย พวกเราไปด้วยกันนะ”
ทันทีที่กู้ซีจิ่วถูกเขาโอบ ร่างกายก็แข็งทื่อไปเล็กน้อย อยากผลักเขาออกตามสัญชาตญาณ ตี้ฝูอีส่งกระแสเสียงหาเธอได้ทันเวลา ‘ให้ความร่วมมือกับข้า’
เอาเถอะ! ร่วมมือกับเขา!
ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงกอดแขนข้างหนึ่งของเขาเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติยิ่ง “มีของอร่อยหรือเปล่า?” ตอนนี้เธอค่อนข้างสนใจเรื่องนี้
“แน่นอน!”
“ข้าได้ยินว่าหัวสิงโตน้ำแดง น้ำแกงทะเลจินถาง บัวลอยข้าวหมาก ของภพมาร…ไม่เลวเลย”
“ได้ จะพาเจ้าไปกินนะ”
ทั้งสองพูดคุยกัน กระหนุงกระหนิงกันออกไป ไม่มีใครสนใจท่านหญิงน้อยเลย
ท่านหญิงน้อยพูดไม่ออกแล้ว ดูเหมือนนางจะถูกผู้อื่นตบหน้าเข้าสองฉาดแล้ว อยากจะระเบิดโทสะออกมาก็หาตัวการไม่เจอแล้ว สายตานับไม่ถ้วนจับอยู่ที่ร่างนาง ราวกับมองนางเป็นตัวตลก
ท่านหญิงน้อยโมโหสุดขีด ตะโกนไล่หลังไปอย่างโกรธเกรี้ยว “นางเป็นใครกันแน่?!”
พวกตี้ฝูอีทั้งสองย่อมไม่สนใจนาง ยังคงเป็นเด็กรับใช้ที่รั้งอยู่ บอกฐานะของกู้ซีจิ่วออกมา “นางเป็นคู่หมายของท่านราชครูของพวกเรา อีกไม่นานก็จะวิวาห์แล้ว”
ท่านหญิงน้อยตกตะลึง…
….
กู้ซีจิ่วนึกว่าตี้ฝูอีเพียงเอ่ยไปเช่นนั้น ไม่นึกเลยว่าเขาจะไปเสาะหาหัวสิงโตน้ำแดงสูตรต้นตำรับเป็นเพื่อนเธอจริงๆ
อาหารเลิศรสของแดนมนุษย์ ถึงแม้ไม่กี่อย่างนี้จะมีอยู่ในภัตตาคารใหญ่ ของภพมารเช่นกัน แต่รสชาติไม่นับว่าอร่อยเป็นพิเศษ อาหารที่เลิศรสเป็นพิเศษกลับเป็นโรงเตี๊ยมเล็กๆ ที่อยู่ลึกเข้าไปในตรอกเล็กสายหนึ่ง
ตอนที่ตี้ฝูอีเพิ่งพาเธอมาถึงที่นี่ กู้ซีจิ่วหลงนึกว่าที่นี่คือรังลับอันใดสักแห่งของเขา พาเธอมาเป็นฉากบังหน้าเท่านั้น
แต่หลังจากพนักงานนำอาหารไม่กี่อย่างนี้มาขึ้นโต๊ะ เธอชิมไปสองสามคำ ก็ได้แต่เอ่ยชมเท่านั้น “อร่อย! รสชาติแบบนี้ ยอดเยี่ยม! จะว่าไป เจ้าหาที่นี่เจอได้ยังไง?”
เธอกินจนจนตาหยีโค้ง ตี้ฝูอียิ้มแวบหนึ่ง “รู้ว่าท่านชอบ ย่อมต้องสืบหาให้กระจ่างไว้ล่วงหน้า”
“ล่วงหน้าเหรอ? ข้าไม่เคยบอกเจ้ามาก่อนนี่ เอ่ยถึงแค่ตอนที่อยู่จวนรับรองเมื่อกี้นี้ แล้วเจ้าก็พาข้าตรงมาที่นี่เลย” เห็นได้ชัดว่ารู้มาก่อนแล้ว
“ซื่อบื้อ ท่านเคยเอ่ยถึงที่แดนน้ำแข็ง”
หา? ตอนนั้นเธอเคยพูดถึงด้วยหรือ?
กู้ซีจิ่วคิดดูเล็กน้อย นึกไม่ออกเลย ความจำเธอดีจนน่าตะลึง ว่ากันตามหลักแล้วถ้อยคำที่เคยกล่าวไปปกติแล้วเธอไม่มีทางลืมเลือน
ราวกับตี้ฝูอีจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ “ท่านเคยละเมอออกมาตอนฝัน พูดถึงของชอบบางส่วนของท่าน”
กู้ซีจิ่วผงะไป
ที่แท้ก็พูดออกมาตอนฝัน มิน่าล่ะเธอถึงจำไม่ได้
เธอค่อนข้างกระดากอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเธอก็เป็นเทพผู้สูงส่งละเมอถึงอาหารเลิศรสบางอย่าง ดูเหมือนจะเป็นตัวตะกละอย่างเห็นได้ชัด เสียภาพลักษณ์ยิ่ง
“ท่านทำเรื่องที่ทำลายภาพลักษณ์ต่อหน้าข้าไปตั้งมากมายแล้ว ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษหรอก ท่านไม่จำเป็นต้องรู้สึกอับอายเลย” ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้นอย่างสบายๆ
กู้ซีจิ่วกำมือ คิดดูเล็กน้อย ก็จริงอย่างที่ว่า!
หลายครั้งที่เธอตกอยู่ในสภาพจนตรอก ล้วนบังเอิญไปอยู่ต่อหน้าเขาพอดี และเรื่องไร้ขีดจำกัดเพียงไม่กี่ครั้งที่เธอเคยกระทำก็เป็นการกระทำต่อหน้าเขาทั้งสิ้น
เมื่ออยู่กับเขาแล้ว เกรงว่าภาพลักษณ์ของตนคงสูญสิ้นไปนานแล้วกระมัง?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว…
กู้ซีจิ่วจึงเริ่มดื่มกินอย่างสบายใจ เธอยังยื่นมือน้อยๆ ไปหาเขาด้วย “มีสุราดีๆ หรือไม่? เอามาสักไหสิ!”
“สองสามวันนี้ยังไม่ได้ ผ่านไปอีกสองสามวันค่อยดื่มเถอะ”