“พูดไปตามความเป็นจริงงั้นหรือ?” หวังเป่าเล่อชะงักไปครู่หนึ่ง
“ใช่แล้ว!” วัวแก่พยักหน้าด้วยความมั่นใจขณะกำลังวิ่ง
“ไม่ได้บิดเบือนแน่นะ?” หวังเป่าเล่อสับสนเล็กน้อย เขาจึงถามย้ำออกไปด้วยความไม่มั่นใจ
“ไม่ผิดแน่!” วัวแก่กระแอมไอและพยักหน้าอีกครั้ง
“ไม่ได้ประจบประแจงแน่หรือ?” หลังจากหวังเป่าเล่อลังเล เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง
“ถูกต้อง!” วัวแก่ยังคงพยักหน้าตอบ น้อยครั้งมากที่เขาจะอดทนได้ดีมากขนาดนี้
จนกระทั่งตอนนี้ หวังเป่าเล่อคิดว่าคงต้องจำใจเชื่อสักหน่อย แต่ก็ยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง ดังนั้นในช่วงเวลาที่น่าสงสัยนี้ ความเร็วของวัวแก่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ครึ่งเดือนผ่านพ้นไป พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของจักรวาลทั่วทุกสารทิศ อารยธรรมขนาดน้อยใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนค่อยๆ ไหลผ่านตาหวังเป่าเล่อ จนมาโผล่ที่เขตหวงห้ามสีแดงแห่งหนึ่ง!
“เจ้าเล่อจื่อ พวกเรามาถึงแล้วล่ะ!” วัวแก่ระเบิดหัวเราะ พ่นลมฟึดฟัดออกมาทางจมูกสองรอบ ทำให้ห้วงจักรวาลโดยรอบบิดเบี้ยวราวกับจะถูกพายุพัดถล่ม หวังเป่าเล่อถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของวัวแก่ เขาไม่ได้หวนนึกถึงลักษณะของปรมาจารย์แห่งไฟอีก เขารู้สึกว่าหากปรมาจารย์แห่งไฟเป็นเช่นนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขา และจะทำให้เขาสบายได้มากขึ้นในภายภาคหน้า
ดังนั้นหลังจากเห็นเขตหวงห้ามสีแดงก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที
จากการจ้องมอง เขตหวงห้ามสีแดงนั้นเหมือนเปลวเพลิงขนาดมหึมากลุ่มหนึ่งที่พวยพุ่งขึ้นไปยังจักรวาลที่อยู่รอบนอกเปลวเพลิง ซ้ำยังปล่อยเศษซากที่คล้ายกับกากยาเส้นออกมานับไม่ถ้วน
ฉากนี้ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกราวกับมองเห็นเพลิงแห่งดารานิรันดร์บนดาราจักรกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งความเร็วของวัวแก่ในตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จนพาร่างของหวังเป่าเล่อที่กำลังผิวปากเข้าใกล้เขตหวงห้ามเพลิงมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อใกล้จะถึงชายขอบ ทำให้สายตาหวังเป่าเล่อมองไม่เห็นเค้าโครงทั้งหมดของเปลวไฟ สิ่งที่มองเห็นได้เป็นแค่เพียงทะเลเพลิงอันกว้างใหญ่ไพศาลที่อยู่ตรงหน้า
ท่ามกลางคลื่นความร้อนระอุ จักรวาลรอบๆ บิดเบี้ยว ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไร ก็ยิ่งบิดเบี้ยวอย่างรุนแรงขึ้น สิ่งที่ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกตกตะลึงระคนประหลาดใจก็คือ เขาเพิ่งพบว่าผลที่ตามมาจากความบิดเบี้ยวของจักรวาลนั้น นอกจากอวกาศแล้ว ยังมีเวลา กฎทฤษฎี และหลักการที่ได้รับผลกระทบไปพร้อมๆ กัน!
ดูเหมือนว่าพื้นที่ด้านนอกดาราจักรของเปลวเพลิงที่บิดเบี้ยวอยู่นี้ เวลาได้ถูกยืดให้นานขึ้นพร้อมกับถ่วงให้เดินช้าลงนอกจากกฎทฤษฎีทั้งหมดของกฎทฤษฎีแห่งเปลวเพลิงที่อยู่นี่แล้วนั้น ทุกอย่างต่างก็ถูกกดทับจนสุดโต่ง
แม้กระทั่งกฎทฤษฎีของจักรวาล ณ ที่แห่งนี้ ก็ดูเหมือนว่าต้องยอมรับกับการครอบงำของเปลวเพลิงนี้เช่นเดียวกัน
“ปรมาจารย์แห่งไฟทรงพลังขนาดนี้เชียว!” หวังเป่าเล่อเองก็หวาดหวั่นเช่นกัน แม้ก่อนหน้านี้จะรู้สึกว่าเปลวเพลิงมีความแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับศิษย์พี่อย่างเฉินชิงจือแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขายังด้อยกว่าอยู่ดี จนถึงตอนนี้เขาตระหนักได้อย่างแจ่มชัดว่าความคิดของตนเองมีทั้งถูกและผิด!
จุดที่ถูกต้องก็คือนี่คือความจริง ส่วนจุดที่ผิดก็คือ…ไม่ใช่ว่าปรมาจารย์แห่งนั้นอ่อนแอ แต่ศิษย์พี่อย่างเฉินชิงจือของเขาต่างหากที่แข็งแกร่งจนถึงขั้นผิดปกติ นั่นเป็นสาเหตุให้บรรพบุรุษเปลวไฟดูเหมือนจะไม่ได้ทรงพลังมากอย่างที่เห็น
“ข้อมูลอ้างอิงแตกต่างกัน…”
เนื่องด้วยความคิดและการโอดครวญดังกล่าว วัวแก่ที่อยู่แทบเท้าหวังเป่าเล่อพลันเปล่งเสียงคำรามขึ้นไปบนฟ้า ทันทีที่เสียงก้องกังวาลออกไปรอบด้าน ส่งผลให้ทะเลเพลิงที่อยู่ตรงหน้าแยกออกในชั่วพริบตา เผยให้เห็นถนนเส้นหนึ่ง
ความเร็วของวัวแก่ไม่ได้ลดลงขณะพุ่งตรงเข้าสู่ถนนสายนี้ ก่อนก้าวไปในดาราจักรเปลวเพลิง เมื่อมันเข้ามาก็ดูตื่นเต้นมาก ด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียวก็ไม่ได้ย่างเท้าออกจากถนนของทะเลเพลิงอีกต่อไป อีกทั้งยังกระโจนเข้ามาอยู่กลางทะเลเพลิง ย่างก้าวเข้าไปหน้ากองเพลิง
ฉากนี้ทำให้หวังเป่าเล่อหวาดหวั่น เขากำเส้นขนบนหลังของวัวแก่ไว้แน่น เพราะสิ่งที่เขามองเห็นทั้งหมดตอนนี้คือทะเลเพลิง ในขณะเดียวกันอุณหภูมิความร้อนจากบริเวณโดยรอบรวมถึงแรงอัดภายในทะเลเพลิงทำให้เขาอกสั่นขวัญหาย หากถูกเหวี่ยงออกไปเมื่อใด เกรงว่าต่อให้ร่างกายของเขาจะเข้าใจกฎทฤษฎีแห่งเพลิงของดาวเคราะห์บรรพกาล หรือได้รับพรจากดาวพระเคราะห์เต๋า แต่ก็คงจะยืนหยัดได้ไม่นานและอาจรู้สึกเหมือนถูกทะเลเพลิงแผดเผากลายเป็นเถ้าถ่าน
โชคดีที่ความรู้สึกเหล่านี้อยู่ได้ไม่นานนัก ด้วยความที่วัวแก่วิ่งถลาด้วยความเริงร่า นำพาพวกเขาจากชายขอบของดาราจักรไฟมาถึงจุดศูนย์กลางภายในเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง
ในไม่ช้า หวังเป่าเล่อที่นั่งหน้าซีดเผือดบนหลังวัวแก่ก็มองเห็นดวงดาราขนาดมหึมาดวงหนึ่งปรากฏขึ้นในทะเลเพลิงตรงหน้า ดวงดารานี้เกือบจะใหญ่เท่ากับระบบสุริยะทั้งหมด รูปร่างของมันดูเหมือนเตาอบขนาดยักษ์อันหนึ่ง…
นี่คือดาวเอกเพลิงนั่นเอง!
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีดารานิรันดร์นับน้อยโคจรอยู่รอบๆ ดาวเอกเพลิงด้วย!
ดารานิรันดร์เหล่านี้พร้อมกับหมุนรอบตัวเองช้าๆ ราวกับถูกตรึงไว้ ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ดาวเอกเพลิง ในขณะเดียวกัน หวังเป่าเล่อก็เห็นว่าดาวเคราะห์ที่อยู่รอบๆ ดารานิรันดร์แต่ละดวงมีจำนวนแตกต่างกัน
ในความรู้สึกของหวังเป่าเล่อ หากเทียบความใหญ่โตมโหฬารของดาวเอกกับดวงดาราดวงอื่น แน่นอนว่าพวกมันไม่มีค่าเท่าไรนัก แต่เมื่อเขาใจเย็นลงมาหน่อย พอมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน ความหวั่นวิตกสาดซัดเข้ามาในใจอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ดารานิรันดร์นับร้อยและดาวพระเคราะห์นับพันทั้งหลายที่โคจรอยู่รอบดาวเอกเพลิง จนก่อตัวเป็นพลังงานแบบนี้…ของดาราจักรไฟ ทำให้สหพันธรัฐของระบบสุริยะที่อยู่ข้างหน้าของมันช่างเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง…”
“ตะลึงไปเลยหรือ? นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเองนะ ข้าจะบอกให้นะเจ้าเล่อจื่อน้อย นี่คงเป็นเพราะท่านผู้นำเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัว จึงไม่อยากโอ้อวด เจ้าต้องรู้ว่าในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น ไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถเป็นคนที่ทัดเทียมกับพวกผู้นำในด้านพลังและการฝึกตน โดยปกติแล้วจะมีดารานิรันดร์อย่างน้อยหลายหมื่นดวงเลยล่ะ..รวมไปถึงผู้คนอีกหลายแสนหลายล้านคนด้วย”
“ยังมีอีกมากที่ยังด้อยกว่าพวกผู้นำ และทั้งหมดก็มีระดับเหนือกว่าดาราจักรไฟ ซึ่งนี่ทำให้ท่านผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของเราไม่มีอะไรให้โอ้อวดอย่างไรเล่า” วัวแก่กล่าวชื่นชมพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่จนทำให้เสียงแผ่กระจายไปรอบๆ อาณาเขตที่กว้างใหญ่
“ต่อให้เป็นระดับปกติ แต่ว่า…ในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋านี้ ดาราจักรไฟของข้าก็วางตัวแปลกแยก แถมยังมีเอกลักษณ์และเป็นที่รู้จักว่าเป็นหนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จริงๆ แล้วก็สามารถยึดครองในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายได้ เพราะแม้แต่ไปที่จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์ด้านข้าง เราก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง”
เมื่อฟังคำพูดของวัวแก่แล้ว อารมณ์ของหวังเป่าเล่อพลันพลุ่งพล่านขึ้น ตอนที่เขาคุยกับวัวแก่ก่อนหน้านี้ วัวแก่ไม่ได้เล่าอย่างชัดเจน แต่พอมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ ในคำพูดเหล่านั้นออกมา ทำให้หวังเป่าเล่อตระหนักได้ว่า แท้จริงแล้วดาราจักรไฟอยู่ในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย เนื่องจากการวางตัวแปลกแยกออกมา ประหนึ่งผู้มีอิทธิพลอีกฝั่ง ทำให้แม้แต่สำนักใหญ่ในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายก็ล้วนมาไม่กล้ายุ่งวุ่นวายด้วย
หลังจากได้เห็นด้วยตาตัวเองไปเมื่อครู่ อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่ได้ฟังคำบอกเล่าที่ชัดเจนของวัวแก่ จึงมีอารมณ์ร่วมตามไปด้วย
“ไม่พูดแล้วล่ะ เจ้าเล่อจื่อน้อยเข้าใจก็ดี เราเข้าสู่ดาวเอกแล้ว สำหรับสถานะของดาราจักรไฟนั้น เจ้าจะสามารถเข้าใจมันได้อย่างลึกซึ้งเองเมื่อเจ้าออกไปทดสอบดูหลังจากนี้” ขณะที่วัวแก่กล่าว ร่างของมันก็กระโจนอีกครั้งจนกลายเป็นสายธารสีรุ้ง มันส่งเสียงดังสนั่นลั่นฟ้า ข้ามผ่านดารานิรันดร์ดวงแล้วดวงเล่า ก่อนจะพุ่งทะยานตรงไปยังดาวเอกเพลิงของระบบสุริยะที่เปรียบเสมือนเตาอบในทันที
ด้วยระดับความเร็วที่ว่องไวทำให้ตรงหน้าหวังเป่าเล่อพร่าเบลอ เวลาต่อมา…ภาพที่ปรากฏตรงหน้าเขาก็ไม่ใช่ดาราจักรอีกต่อไป แต่เป็นท้องฟ้าและพื้นพสุธา ร่างของวัวแก่ที่เหาะเหินอยู่กลางเวหากำลังทะยานเข้าสู่ด้านในดาวเอกเพลิง!
ท้องนภาเป็นสีแดงที่มีความคล้ายคลึงกับแผ่นฟิล์มถ่ายรูปที่โปร่งใส ซึ่งห่อหุ้มเปลวเพลิงไว้ด้านนอกเพื่อไม่ให้ตกลงมาเหมือนห่าฝน ทว่าการยับยั้งที่ออกมาจากท้องนภากลับกลายเป็นรุนแรงมากยิ่งขึ้น
บนแผ่นดินใหญ่กลับแตกต่างออกไป ไร้ซึ่งทะเลเพลิง มีเพียงดินแดนที่งดงามซึ่งมีเนินเขาและต้นไม้สลับกันเป็นลูกคลื่น และยังมีมหาสมุทรอีกหลายๆ แห่ง
บางครั้งสามารถมองเห็นนกและสัตว์บางอย่างใดบนพื้นดิน และมีสัตว์ร้ายที่คล้ายกับมังกรอยู่ในทะเล พวกมันก็สามารถลอยตัวเหนือน้ำได้ด้วย
สำหรับปราณวิญญาณนั้น ความสมบูรณ์ของมันอยู่ในระดับสูงสุดเท่าที่หวังเป่าเล่อเคยพบมา แม้แต่ปราณวิญญาณที่อยู่ในท้องฟ้าและพื้นพสุธาแห่งนี้ก็ยังกลายเป็นก้อนเมฆที่ดำรงอยู่ได้ตลอดทั้งปี โดยไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเอง ปราณวิญญาณได้แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายจนทำให้เขารู้สึกสบายตัวเป็นอย่างมาก
ส่วนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของโลกแห่งนี้ มีหอคอยสูงตระหง่านกว่าหนึ่งหมื่นจั้งสร้างขึ้นตรงนั้น หอคอยนี้มีความน่าทึ่งตรงที่รายล้อมด้วยรูปปั้นหินแกะสลักสัตว์มงคล พร้อมๆ กับครอบคลุมพื้นที่อันกว้างใหญ่นี้ไว้ อีกทั้งยังมีปราณวิญญาณที่คอยป้องกันอยู่ทั่วทั้งจักรพิภพ ซึ่งบรรจุอยู่ในหอคอยที่สูงเสียดฟ้าแห่งนี้!
แม้กระทั่งรอบๆ หอคอยที่สูงเสียดฟ้าแห่งนี้ ก็มีหอคอยเล็กๆ กว่า 16 แห่งกระจายห่างกันอยู่ภายในอาณาเขตที่กำหนด อีกทั้งแต่ละแห่งมีรูปร่างเหมือนกัน ที่นี่คือที่อยู่ของปรมาจารย์แห่งไฟและบรรดาสานุศิษย์ของเขา
รูปแบบที่ตั้งกระจายตัวกันแตกต่างกับสำนักอื่นๆ บนดาวเอกเพลิงแห่งนี้ ปรมาจารย์แห่งไฟและสาวกของเขาอาศัยอยู่ไม่ไกลกัน เนื้อที่ที่ครอบคลุมโดยรวม เมื่อเทียบกับดาวเอกเพลิงทั้งหมดแล้ว เกรงว่าคงไม่ถึงหนึ่งในพันล้านส่วนด้วยซ้ำ!
หวังเป่าเล่อกำลังทอดมองดูทั้งหมดนี้กลางอากาศ เมื่อส่งดวงจิตไปยังด้านในหอคอย ก็มีร่างร่างหนึ่งรีบบินออกมาจากหอคอยที่สิบห้า แล้วพุ่งผ่านเวหาตรงมายังวัวแก่และหวังเป่าเล่อ
เสียงกลับนำมาก่อนตัวเสียอีก!
“ศิษย์น้องสิบห้า ขอคารวะท่านวัวอาวุโสศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่มีความเฉลียวฉลาดเหนือกว่าผู้ใด!”
………………………