ตอนที่ 832 เก็บตัวบ่มเพาะ
หลังจากผ่านไปพักใหญ่เจี้ยนเฉินถึงกลับมามีสติอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองแกนอสูรโดยรอบ ทุกอย่างรอบตัวคราวนี้เกิดขึ้นเร็วมากเกินไปนัก
ก่อนหน้านี้เขายังกังวลเรื่องที่แกนอสูรมีไม่เพียงพอ แต่แค่พริบตาเดียวจิตวิญญาณวัตถุเซียนกลับส่งมอบแกนอสูรจำนวนนับไม่ถ้วนให้ จำนวนแกนอสูรระดับ 7 และ 8 นั้นเยอะเกินจินตการของทุกคนแม้กระทั่งตัวเขาเอง ยามนี้เจี้ยนเฉินรู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน และทุกอย่างตรงหน้านั้นไม่ใช่เรื่องจริง
เจี้ยนเฉินสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ แล้วค่อย ๆ คุมสติตัวเอง พร้อมมองกองแกนอสูรที่กองอยู่อย่างเป็นระเบียบทั้งหมด ก่อนจะใส่พวกมันเข้าแหวนมิติอย่างไม่ลังเล
แกนอสูรทั้งหมดตรงนี้มีหลายระดับ หลังจากใส่แกนอสูรหลายพันใบเข้าไปในแหวน เจี้ยนเฉินจึงมีสติชัดแจ้งอีกครั้ง ไม่นานนักเขาก็คิดอะไรได้ แล้วหยุดสิ่งที่ทำอยู่ “ถ้าเอาแกนอสูรทั้งหมดเข้าไปในแหวนมิติอันเดียว หากข้าทำแหวนหาย ก็เท่ากับเสียแกนอสูรทั้งหมดไปไม่ใช่รึ? ยามนี้ข้าเป็นเจ้านายของวัตถุเซียนนี้แล้ว จิตวิญญาณวัตถุเซียนอยู่ภายในห้วงความคิดของข้า ไม่มีทางหายไปไหน ปล่อยแกนอสูรทั้งหมดไว้ที่นี่ดูจะปลอดภัยที่สุดแล้ว”
หลังจากคิดรอบคอบแล้ว เจี้ยนเฉินหยุดเก็บแกนอสูร ก่อนหันไปหาจิตวิญญาณวัตถุเซียน “หาห้องใหญ่ ๆ แล้วเก็บแกนอสูรทั้งหมดไว้ในนั้น แล้วก็เอาแกนอสูรระดับ 7 มาให้ข้า 100 อัน”
“ขอรับนายท่าน ! ” จิตวิญญาณวัตถุเซียนรับคำสั่งทันที พร้อมสะบัด แกนอสูรทั้งหมดหายไปทันที เหลือเพียงแกนอสูรระดับ 7 หนึ่งร้อยอันลอยอยู่กลางอากาศ
เจี้ยนเฉินมองแกนอสูรระดับ 7 ที่ลอยอยู่ก่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเดินออกไปหยิบออกมา 1 อัน แต่แกนอสูรอันนั้นดูขุ่นมัวไปหมด ฝุ่นหนาเกาะรอบราวกับเป็นเปลือกหิน มองเผิน ๆ แกนอสูรตรงหน้านั้นไม่ต่างกับก้อนหินเลยด้วยซ้ำ
เจี้ยนเฉินบีบมือเล็กน้อย กะเทาะเปลือกนอกออก เผยให้เห็นแกนอสูรภายใน แกนอสูรยังคงขุ่นมัวอยู่ มีเพียงเปลวพลังสั่นไหวเล็กน้อยลึกไปภายใน
หลังจากเห็นเช่นนี้คิ้วของเจี้ยนเฉินก็ขมวดเป็นปมแน่น
“นายท่าน แกนอสูรพวกนี้อยู่มาหลายแสนปี พลังจำนวนภายในแกนอสูรพวกนี้รั่วไหลออกมาไม่น้อย ส่วนที่ยังเหลืออยู่ก็แทบจะแข็งตัว” จิตวิญญาณอธิบายขึ้นมาข้าง ๆ
เจี้ยนเฉินพิจารณาแกนอสูรระดับ 7 ในมืออย่างละเอียด “เจ้าพูดถูกแล้ว พลังในแกนอสูรรั่วออกไปไม่น้อย เหลืออยู่น่าจะราว ๆ หกในสิบส่วนเท่านั้น”
แกนอสูรนั้นต่างจากยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎบนทวีปเทียนหยวนนั้นยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎทุกชิ้นเป็นอาวุธที่ทุกคนต่างให้ความสำคัญและจะดูแลรักษาอย่างดีราวกับลูกในไส้ แถมยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎยังสามารถดูดซับพลังจากภายนอกมาซ่อมแซมตัวเองได้ แต่แกนอสูรนั้นไม่สามารถทำได้ มันมีค่าแค่สำหรับมนุษย์เท่านั้น ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อสัตว์อสูรเวทย์ เนื่องจากพวกมันไม่สามารถซึมซับพลังจากแกนอสูรได้ เพราะอย่างนั้นเองเวลาสัตว์อสูรเวทย์ตายลง แกนอสูรที่เหลืออยู่ก็กลายเป็นเพียงเครื่องราง ของดูต่างหน้าเท่านั้น ยามที่แกนอสูรถูกเก็บรวบรวมไว้เป็นเวลานาน พลังภายในนั้นจะค่อย ๆ รั่วไหลออกมา ส่วนตัวแกนอสูรจะค่อย ๆ ขุ่นมัว
“ถึงแม้พลังพวกนี้จะรั่วไหลออกไปบ้าง แต่แกนอสูรพวกนี้ก็ยังมีค่าสำหรับข้าอยู่ดี จิตวิญญาณวัตถุเซียน ข้าจะปิดประตูฝึกตนทันที ไว้ข้าเรียกหาเจ้า หากมีอะไรที่ข้าต้องการ ค่อยตรวจความเป็นไปที่โลกภายนอกด้วย หากมีอะไรเกิดขึ้นให้มาแจ้งข้าทันที”
“ขอรับนายท่าน”
..
ภายในห้องโถงอันเงียบสงัด เจี้ยนเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นเย็นเยียบ จิตวิญญาณกระบี่ปรากฏออกมาลอยตัวอยู่เหนือหัวของเจี้ยนเฉิน กลั่นแกนอสูรระดับ 7 อย่างยากลำบาก
ความเร็วในการกลั่นนั้นช้าเป็นอย่างมาก ดูยากลำบากกว่ายามที่กลั่นยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเสียอีก พลังที่เหลืออยู่ในแกนอสูรอายุหลายแสนปีนั้นแข็งตัวไปหมดแล้ว ยามกลั่นพลังอยู่นั้นเจี้ยนเฉินรู้สึกราวกับว่าแกนอสูรนั้นได้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปแล้วยามนี้ราวกับพยายามดูดน้ำออกมาจากน้ำแข็งอย่างยากลำบาก
เวลาผ่านไปถึงหนึ่งวันกว่าที่แกนอสูรก้อนแรกจะถูกกลั่นจนหมด มันกลายเป็นเส้นพลังบรรพกาลเล็ก ๆ เข้าไปในตัวเจี้ยนเฉิน มันน้อยกว่าพลังที่เขาได้ยามกลั่นยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎก่อนหน้า
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้แต่เจี้ยนเฉินนั้นก็ยังรู้สึกพอใจมาก จำนวนแกนอสูรระดับ 7 ที่จิตวิญญาณวัตถุเซียนรวบรวมไว้นั้นมากมายนัก แถมยังมีแกนอสูรระดับ 8 อีกจำนวนไม่น้อย หากเขากลั่นทั้งหมดออกมาได้ ร่างบรรพกาลของเขานั้นสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นได้เป็นแน่ อย่างน้อย ๆ ก็มากพอที่จะเข้าสู่ขั้น 2
เจี้ยนเฉินไม่หยุดไม่รอช้า ทันทีที่ซึมซับพลังของก้อนแรกเสร็จ เขาก็เอาแกนอสูรขั้น 7 อันที่สองออกมากลั่นต่อทันที
ชั่วพริบตาเดียวผ่านไปถึงสามเดือน เจี้ยนเฉินใช้เวลาที่ผ่านมาทั้งหมดปิดประตูฝึกตน กลั่นแกนอสูรเป็นพลังบรรพกาล แกนอสูรทั้งหนึ่งร้อยชิ้นที่มีถูกใช้จนหมด พลังบรรพกาลที่อยู่ภายในตัวเจี้ยนเฉินขยายขึ้นไม่น้อย
“ถ้ายังทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ การเป็นร่างบรรพกาลขั้น 2 นั้นอยู่ไม่ไกลอีกต่อไป” หลังจากเห็นก้อนพลังบรรพกาลภายในร่างขยายตัวเอง เจี้ยนเฉินดูดีใจอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นจึงเปิดประตูเดินออกมาแล้วเรียกจิตวิญญาณวัตถุเซียนออกมาทันที
จิตวิญญาณวัตถุเซียนปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเจี้ยนเฉินอย่างเงียบเชียบ เจี้ยนเฉินถามขึ้นมา “มีอะไรเกิดขึ้นบ้างยามที่ข้าตัดขาดโลกภายนอกอยู่ ? “
“นายท่าน ทุกอย่างยังคงเป็นเช่นเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” จิตวิญญาณตอบ
“ดีมาก เช่นนั้นแล้วข้าก็ยังสามารถฝึกต่อไปได้อีกสักหน่อย จิตวิญญาณวัตถุ เอาแกนอสูรระดับ 7 มาให้ข้าอีก 500 ชิ้น ถ้าเป็นไปได้ขอแกนอสูรของสัตว์เวทมนตร์ที่ตายไปไม่นานทีจะดีที่สุด” เจี้ยนเฉินพูด
“ขอรับ” จิตวิญญาณตอบอย่างสุภาพ ทันใดนั้นกองแกนอสูรขั้น 7 จำนวน 500 ชิ้นก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเจี้ยนเฉินทันที ทุก ๆ ชิ้นยังเปล่งประกาย เต็มไปด้วยพลังที่ยังไม่แข็งตัวเช่นก่อนหน้า เห็นได้ชัดว่าเจ้าของแกนอสูรพวกนี้นั้นตายไปไม่นานมากนัก
เจี้ยนเฉินนำแกนอสูรทั้งห้าร้อยอันกลับเข้าห้องแล้วปิดประตูเตรียมตัดขาดโลกภายนอกอีกครั้ง
“นายท่าน ผนึกพลังดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสงจะถูกเปิดออกภายในครึ่งปี” ยามที่เจี้ยนเฉินหันหลังเดินเข้าห้อง เสียงของจิตวิญญาณวัตถุดังขึ้นภายในห้วงความคิดของเขา
ทันทีที่ได้ยินเจี้ยนเฉินนิ่งไปครู่หนึ่ง ภาพบิดามารดาปรากฏขึ้นมา ก่อนพูดขึ้น “ทันทีที่เกิดขึ้น เจ้ามาแจ้งข้าทันที” ทันทีที่พูดจบประตูหนักค่อย ๆ ปิดลงมาอีกครั้ง
ภายในห้องเจี้ยนเฉินกลับมานั่งขัดสมาธิอีกครั้ง ก่อนพึมพำเบา ๆ “อีกครึ่งปีก่อนที่ข้าจะได้พลังดั้งเดิมพลังเซียนธาตุแสงเพื่อเข้าสู่ระดับ 7 ยามนั้นข้าจะคืนชีพให้ท่านพ่อท่านแม่”
“แต่ก่อนหน้านั้นข้าต้องเพิ่มพลังของตัวเองให้เร็วที่สุด ข้าจะกลับไปได้ก็ต่อเมื่อมีพลังมากพอจะต่อกรกับสิบตระกูลผู้พิทักษ์ได้ ไม่เช่นนั้นไม่เพียงไม่สามารถชุบชีวิตท่านพ่อท่านแม่แล้ว เสี่ยวไป๋เองก็จะลำบากไปด้วย ชีวิตข้าเองก็ลำบากที่จะรักษาเอาไว้ได้”
เจี้ยนเฉินสลัดอารมณ์ทิ้งไปก่อนที่จะเริ่มกลั่นแกนอสูรต่อ ยามนี้ปัญหาเรื่องขาดแคลนแกนอสูรหมดไป เขาต้องเร่งเพิ่มพลังให้เร็วที่สุด
ณ ทวีปเทียนหยวนที่อยู่ห่างออกไป การค้นหาพยัคฆ์ปีกเทวะไม่มีทีท่าจะชะลอลงเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้ทำให้ทั้งทวีปตื่นตัวกันหมด ทุกคนรู้ ไม่เพียงแต่ตระกูลผู้พิทักษ์เท่านั้น ขนาดตระกูลโบราณหรือตระกูลลับต่าง ๆ ก็ออกมาจากการหลบซ่อนเพื่อตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะกันหมด
ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบไม่ได้นิ่งเฉย ทั้งหมดร่วมมือกันใช้ทักษะลับตรวจสอบทั่วทั้งทวีปเพื่อตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะและเจี้ยนเฉินแต่ก็ต้องล้มเหลวไปเสียทุกครั้ง
ถึงแม้อารามจิตพิสุทธิ์จะได้เจียงหยางหู่ ทำให้มีความสัมพันธ์กับตระกูลเจียงหยางประจำเมืองลอร์ แต่ก็ไม่ได้เลิกล้มการตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะ การตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ มันเป็นตัวกำหนดอนาคตและโชคชะตาของทั้งทวีป ในฐานะที่เป็นหนึ่งในตระกูลผู้พิทักษ์ อารามจิตพิสุทธิ์ไม่มีทางปล่อยความปลอดภัยของทวีปไปเพียงเพราะเจียงหยางหู่
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเจียงหยางและตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งแปด ไม่นับอารามจิตพิสุทธิ์นั้นกลับตึงเครียดขึ้น ตระกูลที่เหลืออีกแปดตระกูลต่างไม่ต้องการให้ตระกูลเจียงหยางได้พยัคฆ์ปีกเทวะไปครอง ทั้งหมดต่างต้องการทำลายล้างตระกูลเจียงหยางทิ้งเสีย
ตระกูลเจียงหยางเองก็รับรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่ไม่ได้แสดงท่าทีโต้ตอบอะไร ราวกับไม่สนใจเสียด้วยซ้ำ กลับกัน ตระกูลเจียงหยางกลับวุ่นวายในการตามหาเจี้ยนเฉินมากกว่าตระกูลอื่น ๆ เนื่องจากว่าไม่เพียงเจี้ยนเฉินจะเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พยัคฆ์ปีกเทวะยังตามเขาอยู่ด้วย หากพวกเขาพบเจี้ยนเฉินก่อน ก็เท่ากับว่าได้พยัคฆ์ปีกเทวะมาไว้ในครอบครองไปโดยปริยาย
ตระกูลเจียงหยางเองก็รับรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่ไม่ได้แสดงท่าทีโต้ตอบอะไร ราวกับไม่สนใจเสียด้วยซ้ำ กลับกันตระกูลเจียงหยางกลับวุ่นวายในการตามหาเจี้ยนเฉินมากกว่าตระกูลอื่นๆ เนื่องจากว่าไม่เพียงเจี้ยนเฉินจะเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พยัคฆ์ปีกเทวะยังตามเขาอยู่ด้วย หากพวกเขาพบเจี้ยนเฉินก่อน ก็เท่ากับว่าได้พยัคฆ์ปีกเทวะมาไว้ในครอบครองไปโดยปริยาย
ในขณะเดียวกันกันเจียงหยางซูหยวนเซียว หนึ่งในเจ็ดผู้อาวุโสหลักก็พำนักอยู่ที่ตระกูลเจียงหยางประจำเมืองลอร์กับภรรยา เจียงหยางซูอวี้หยวน ทั้งสองคอยคุ้มครองตระกูลที่ลูกชายก่อตั้งไว้ พร้อม ๆ ทั้งรอคอยการกลับมาของบุตรชาย
สถานการณ์ของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีเองก็ดีขึ้นไม่น้อย ทั้งหมดต่างเข้มแข็งขึ้นทุก ๆ วัน ข่าวเรื่องเหมืองโลหะผสมทังสเตนนั้นหลุดออกไป หลายตระกูลทรงพลังก็ตั้งใจจะเข้ามาแทรกแซง แต่ท้ายที่สุดก็ถอยออกไปเนื่องจากตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางกำลังปกป้องคุ้มครองอยู่ แถมยังมีผู้อาวุโสประจำเมืองทหารรับจ้างที่คอยปกป้องกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีอีกคน มีเพียงตระกูลเทียนมู่เท่านั้นที่หลังจากเจรจากับโหยวเยว่และไป๋เหลียนจึงได้รับโลหะผสมทังสเตนแลกเปลี่ยนกับของที่มีมูลค่าเท่าเทียมกัน
กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีไม่หยุดทำเหมืองและหลอมแร่โลหะผสมทังสเตน ทำให้พวกเขามีโลหะผสมทังสเตนจำนวนมากเก็บไว้แล้ว แผนสร้างกำแพงเมืองถูกยกเลิกไป เปลี่ยนแผนการสร้างเมืองแทน พวกเขาตั้งใจจะสร้างเมืองสำหรับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีโดยใช้โลหะผสมทังสเตนเป็นวัสดุก่อสร้าง
ยามนี้หมิงตงยังคงเก็บตัวฝึกฝนอยู่ในพื้นที่รกร้าง เขาไม่ได้ออกมาข้างนอกเลยนับตั้งแต่ที่ย่างเท้าก้าวเข้าไปในนั้น หวงหลวนเองก็กลับไปยังบ้านตระกูลหวงเพื่อฝึกฝนเช่นเดียวกันทันทีที่เจี้ยนเฉินจากไป
เถี่ยต้า เจ้าอ้วน หวังยี่เฟิง ตู่กูเฟิง และคนอื่น ๆ เองก็เริ่มบ่มเพาะทันที ทั้งหมดต่างใช้แกนอสูรที่เจี้ยนเฉินทิ้งไว้ให้ก่อนจากไปเพื่อเร่งเพิ่มพลังตัวเองอย่างไม่รอช้า
ตระกูลเทียนฉินแห่งเมืองหว่าลู่เหริน ฉินเซียวที่เดิมตั้งใจจะออกตามหาเจี้ยนเฉิน แต่การที่สิบตระกูลผู้พิทักษ์ปิดประกาศภาพเจี้ยนเฉินไปทั่วทวีปเช่นนี้ ทำให้เขาถูกบรรดาผู้อาวุโสในตระกูลหยุดเอาไว้ก่อนสั่งกักบริเวณห้ามออกนอกตระกูล
ในขณะเดียวกัน คุณหนูฉินฉินใช้ชีวิตต่อไปเช่นเดิม ทุกวันหากนางไม่เล่นพิณก็จะวาดภาพ ดนตรีของนางไม่ให้ความรู้สึกสงบสุขเหมือนในอดีต แต่กลายเป็นมืดหม่นและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ในบรรดาภาพวาดของนาง นอกจากทิวทัศน์แล้ว มีภาพวาดของชายหนุ่มคนหนึ่ง รูปร่างดี ใบหน้าดูหล่อเหลา แววตาดูทรงความรู้ ยามมองดูภาพวาดนั้นราวกับมีชีวิต