ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 40 ราชันย์อนธการเยี่ยมเยียนเสวี่ยอิง

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ราชันย์อนธการอมตะสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างไม่หยุดหย่อน

ข่าวคราวในครั้งนี้โจมตีเขาอย่างหนักหน่วงเหลือเกิน เพราะก่อนหน้านี้แม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะทำลาย ‘การบูชายัญ’ เพื่อหลอมผู้ท่องมรณะของเขา แต่ในส่วนลึกของจิตใจ เขาก็มิได้รู้สึกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะคุกคามเขาได้

ข้อแรก ระดับความสำเร็จของ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ผู้นี้ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องสิ้นเปลืองเวลาอีกเนิ่นนานเท่าใด ดูจากจำนวนผู้บำเพ็ญของดินแดนจิตโลกาที่สำเร็จเป็นขั้นสุดยอดก็รู้แล้วว่าการจะไปถึงขั้นสุดยอดได้นั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน

ข้อสอง ถึงแม้ว่าจะสำเร็จเป็นขั้นสุดยอดแล้วก็มีอาวุธเทพคละถิ่นด้วย! ราชันย์อนธการอมตะรู้สึกว่าหากเผาผลาญหยาดโลหิตภายในหัวใจ เกรงว่าพลังยุทธ์ก็คงใกล้เคียงกัน จ้าวหิมะเหินไม่สามารถคุกคามเอาชีวิตเขาได้ ถึงแม้จะไม่อยากเผาผลาญหยาดโลหิตภายในหัวใจมากเกินไป เขาก็ยังสามารถหนีเข้าไปใน ‘หุบเขาเขี้ยวหัก’ ได้ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีความกังวลอันใดต่อดินแดนจิตโลกา

มาถึงระดับขั้นเช่นเขาแล้ว

ไร้ซึ่งความวิตกกังวล ก็แค่ไล่ตามการสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเพียงอย่างเดียวแล้ว! ก่อนหน้านี้การโจมตีล้มเหลว ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่หุบเขาเขี้ยวหักนั้นเพียงเส้นทางเดียวแล้ว!

“เช่นนั้นมิสู้หลบเข้าไปในหุบเขาเขี้ยวหักเสียดีกว่า” เดิมทีราชันย์อนธการอมตะก็สงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง

แต่ตอนนี้กลับตะลึงลานไปเสียแล้ว!

“ชื่อเสียงของจ้าวหิมะเหินผู้นี้ภายในหุบเขาเขี้ยวหักช่างยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว ทุกฝ่ายแย่งกันผูกไมตรี ถ้าหากข้าหนีเข้าไปในหุบเขาเขี้ยวหัก เขาแค่ออกคำสั่งเพียงคำเดียว ก็เกรงว่าคงจะมีจักรพรรดิบางคน หรือแม้กระทั่งยอดเคารพเต็มใจจะลงมือเพื่อเขาแล้วกระมัง เช่นนั้นข้าก็ต้องตายอย่างแน่นอนแล้ว!” ราชันย์อนธการอมตะกระวนกระวายอยู่ในใจ

“ที่ดินแดนจิตโลกาก็ไม่ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง ข้าดูแคลนจ้าวหิมะเหินผู้นี้เกินไปแล้ว”

“เมื่อใดที่เขาสำเร็จเป็นขั้นสุดยอด ครอบครองอาวุธเทพคละถิ่น พลังรบก็มิได้ด้อยไปกว่าข้าที่เผาผลาญโลหิตหัวใจเลย และเขายังมีเคล็ดวิชาเขตลวงโลกเทียมอันน่าหวาดหวั่นอีกด้วย แม้กระทั่งระดับจักรพรรดิก็ยังต้องจมดิ่ง เกรงว่าข้าเองก็ต้องพลังยุทธ์ลดต่ำลงด้วยเหตุนี้” ราชันย์อนธการอมตะเอ่ยพึมพำ “พอพลังยุทธ์ลดต่ำลง ข้าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาแล้ว ก็จะถูกเขาไล่ล่าสังหาร! รอจนโลหิตภายในหัวใจของข้าถูกใช้ไปจนหมดสิ้น พลังยุทธ์ก็จะลดลงอย่างมหาศาลอีกครั้ง เช่นนั้นก็มิใช่เพียงแค่ถูกไล่ล่าสังหาร เกรงว่าคงจะต้องเอาชีวิตไปทิ้งเสียแล้ว”

ราชันย์อนธการอมตะสามารถจินตนาการถึงฉากนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…

เชาวน์ปัญญาบอกกับเขาว่าเหตุการณ์นี้มีโอกาสเป็นความจริงขึ้นมาได้!

ด้วยความเร็วอันน่าหวาดหวั่นของการบำเพ็ญของจ้าวหิมะเหินผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ร้ายกาจเป็นที่สุด! ทางด้านวิถีอากาศ การต่อสู้ของเมืองหิมะเหินก็ทำให้เห็นชัดเจนแล้วว่าการสั่งสมของจ้าวหิมะเหินนั้นหนาแน่นเป็นอย่างมากแล้ว อีกทั้งยังมีสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับอยู่ในมือด้วย! ชื่อเสียงภายใน ‘หุบเขาเขี้ยวหัก’ ก็ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ เกรงว่าประมุขโลกมากมายก็คงพากันส่งผลประโยชน์ต่างๆ นานามาให้ โอกาสต่างๆ ในเกาะลอยคว้างก็คงได้มาโดยง่ายเช่นเดียวกัน

ด้วยความช่วยเหลือของทุกฝ่าย เกรงว่าการที่จ้าวหิมะเหินผู้นี้จะสำเร็จเป็นขั้นสุดยอดก็คงจะอยู่ไม่ไกลแล้ว!

“หากเขาสำเร็จเป็นขั้นสุดยอด ข้าก็จบเห่แล้ว”

“ห้ำหั่นในระยะประชิด เขาก็ยังมีเคล็ดวิชาเขตลวงอีก ต่อให้เผาผลาญโลหิตหัวใจจนหมดสิ้นเกรงว่าก็ยังต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย หนีไปยังหุบเขาเขี้ยวหักหรือ ก็ยิ่งรนหาที่ตายน่ะสิ!”

“ไม่มีทางให้เดินแล้ว!”

“ไม่มีทางให้ข้าเดินแล้ว!”

แววตาของราชันย์อนธการอมตะเปลี่ยนเป็นอึมครึมและบ้าคลั่ง

แต่เขาไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ อยู่แล้ว ตอนนั้นต่อสู้ดิ้นรนกับผู้แกร่งกล้าที่น่าหวาดหวั่นของโลกกำเนิดแห่งแล้วแห่งเล่าที่ต่างภาษาต่างวัฒนธรรมกัน ถึงขนาดที่เขาขัดเกลาตระหนักรู้วิธีการหลอมผู้ท่องมรณะ อีกทั้งยังเคยประสบความสำเร็จในการหลอมผู้ท่องมรณะมาก่อน นั่นก็ทำให้มีชื่อเสียงเลื่องลือ ในที่สุดหลังจากที่บูชายัญผู้ท่องมรณะแล้วก็หนีกลับมายังดินแดนจิตโลกาบ้านเกิดได้สำเร็จ

ต้องรู้ไว้ว่าผู้ที่พลังยุทธ์มิได้ด้อยไปกว่าเขา หรือแม้กระทั่งผู้ที่ล้ำเลิศยิ่งกว่า ก็มีบางส่วนที่จมดิ่งลงไปในท้ายที่สุด ติดเข้าไปในโลกแห่งความสิ้นหวัง

“จ้าวหิมะเหิน ก็ต้องมาดูกันแล้วล่ะว่าเจ้าจะเลือกเช่นไร” ราชันย์อนธการอมตะตัดสินใจ

“ข้ากลับก่อนล่ะ วันหลังค่อยมาพบกันใหม่” ราชันย์อนธการอมตะยืนขึ้นมา

“คราวนี้รีบร้อนถึงเพียงนี้เชียวหรือ” ชายชราอ้วนพีดื่มสุราพลางพูดยิ้มๆ

“อืม ควรกลับได้แล้วล่ะ”

ราชันย์อนธการอมตะไม่พูดอะไรมากอีก แล้วหมุนกายก้าวยาวๆ จากไป

ถ้าหากรู้ชื่อเสียงของตงป๋อเสวี่ยอิงที่หุบเขาเขี้ยวหักมาก่อน เขาก็ไม่มีทางเข้าไปที่หุบเขาเขี้ยวหักหรอก เพราะการมาที่นี่นั้นอันตรายเกินไป!

……

ราชันย์อนธการอมตะกลับมายังดินแดนจิตโลกาอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง ที่ดินแดนจิตโลกามีกฎเกณฑ์ที่ ‘หยวน’ กำหนดเอาไว้ขัดขวางอยู่ สุดยอดผู้แกร่งกล้าที่แท้จริงของหุบเขาเขี้ยวหักก็ยังเข้ามามิได้ ก็ย่อมไม่มีใครสามารถคุกคามเขาได้อยู่แล้ว แต่ว่านี่ก็เป็นการชั่วคราวเท่านั้น เมื่อใดที่ตงป๋อเสวี่ยอิงไปถึงขั้นสุดยอด เช่นนั้นหายนะก็มาเยือนแล้ว

“ฟิ้วๆๆ”

พายุคลั่งพัดกรรโชก หิมะตกหนักปลิวว่อน

ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งจิบสุราอยู่ใต้ศาลาตามลำพัง บริเวณรอบๆ ศาลามีระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างอยู่ ทำให้พายุคลั่งมิอาจแทรกตัวเข้ามาได้เลยแม้แต่น้อย เกล็ดหิมะโปรยปรายปลิวว่อน ฟ้าดินมืดมัวไปหมด แต่ทว่าใต้ศาลากลับเต็มไปด้วยความเงียบสงบ กลิ่นหอมของสุราแผ่กำจาย

“หืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้วพลางเงยหน้าขึ้นมอง

ระลอกคลื่นขุมหนึ่งเคลื่อนเข้ามา

สายลมรอบๆ หยุดนิ่ง หิมะกระจายตัว ระลอกคลื่นระลอกนั้นรวบรวมพลังฟ้าดินอยู่ที่ด้านบนของทะเลสาบแล้วรวมตัวกันกลายเป็นเงาร่างสายหนึ่ง ซึ่งก็คือชายหนุ่มรูปงามในอาภรณ์ทองงดงามหรูหรา ศีรษะสวมมงกุฎผู้หนึ่ง

“ราชันย์อนธการอมตะ เขามาหาข้าที่นี่หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง เมืองหิมะเหินของเขาก็มีบุคคลผู้ไร้เทียมทานมาเยี่ยมเยียนอยู่เหมือนกัน! แต่การที่ราชันย์อนธการอมตะมาเยี่ยมเยียนนั้นกลับเหนือความคาดหมายของเขาอยู่บ้าง ถึงอย่างไรความแค้นระหว่างคนทั้งสองก็เป็นสิ่งที่รู้กันทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา

“ราชันย์อนธการมาหาข้าถึงที่นี่ มิทราบว่ามีเรื่องอันใดกันหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปากพูด

“ไม่เชิญให้ข้านั่งสักหน่อยหรือ” ราชันย์อนธการอมตะผู้มีใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มเอ่ยขึ้น

ตงป๋อเสวี่ยอิงเลิกคิ้วขึ้น ถ้าหากเป็นร่างจริงของราชันย์อนธการอมตะเกรงว่ายังมิทันเข้ามาใกล้ ‘หอกชิงเหอ’ อาวุธเทพคละถิ่นของเขาก็คงกวาดออกไปใส่ในทันทีแล้ว ย่อมไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามาในเมืองหิมะเหินได้แม้เพียงครึ่งก้าว แต่ลำพังแค่ร่างแปรร่างเดียว เขาก็ย่อมไม่เห็นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว อีกฝ่ายกล้าเข้ามา เขา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมรอคอยได้อยู่แล้ว

“ราชันย์อนธการ เชิญนั่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่นเช่นเดิม มิได้ลุกขึ้นมาต้อนรับ เขาไม่ชอบหน้าราชันย์อนธการอมตะผู้นี้เอาเสียเลย

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ราชันย์อนธการอมตะหัวเราะแล้วเดินมานั่งลง ก่อนจะหยิบไหสุราข้างๆ ขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติยิ่ง เขาโบกมือคราหนึ่ง พลังฟ้าดินก็รวมตัวกันเป็นจอกสุราใบหนึ่งออกมา เขารินสุราให้ตนเองแล้วดื่มอึกหนึ่งก่อนจึงเอ่ยขึ้นว่า “สุรานี่ช่างธรรมดายิ่งนัก แต่พอเป็นสุราของจ้าวหิมะเหิน ราคาของสุรานี้ก็เพิ่มขึ้นไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่าแล้ว”

ตงป๋อเสวี่ยอิงสังเกตราชันย์อนธการอมตะผู้นี้โดยละเอียด

ถึงกับพูดจาเกรงอกเกรงใจถึงเพียงนี้ ทั้งยังตบบ่าตนคราหนึ่งด้วย ช่างไม่เหมือนอุปนิสัยของราชันย์อนธการอมตะเอาเสียเลย ก่อนหน้านี้สองฝ่ายมีความแค้นต่อกันอย่างใหญ่หลวงยิ่ง ตนทำลายธุระสำคัญของเขา ราชันย์อนธการอมตะก็อยากจะทำลายล้างทั้งเมืองหิมะเหินอย่างเดือดดาลบ้าคลั่งเพื่อระบายเพลิงโทสะ ตอนนี้ยังมาตบบ่าตนอีกหรือ

“จ้าวหิมะเหิน ก่อนหน้านี้เจ้ากับข้ามีความแค้นต่อกันก็จริง” ราชันย์อนธการอมตะพูด “แต่จะว่าไปแล้ว ก็ด้วยนิสัยของเจ้าที่แข็งทื่อจนเกินไป มิอาจทานทนต่อมารได้ เจ้าก็มิได้เป็นอริต่อข้าเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น หากแต่ต่อต้านมารทั้งหมดที่มีอยู่”

“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ราชันย์อนธการเข้าใจก็ดี”

“แต่สุดท้ายก็ยังทำลายเรื่องสำคัญของข้าอยู่ดี” ราชันย์อนธการอมตะพูด “เส้นทางการบำเพ็ญนี้ เจ้าตัดเส้นทางของข้า ก็เป็นความแค้นที่มิอาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันได้!”

ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังอย่างเงียบสงบต่อไป

“แต่ตอนนี้ ความแค้นนี้สามารถแก้ไขได้แล้ว” ราชันย์อนธการอมตะพูดพลางยิ้มน้อยๆ

“แก้ไขอย่างไรหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

“ฮ่าฮ่า ที่จ้าวหิมะเหินซ่อนเอาไว้มิได้ลึกล้ำอย่างธรรมดาๆ ตอนนี้เจ้ามีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหัก เกรงว่าทั้งสิบสามราชันย์ จักรพรรดิแปดท่าน และห้ายอดเคารพ… คงจะไม่มีผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียวที่กล้าดูแคลนเจ้าสามารถเป็นแขกรับเชิญของยอดเคารพได้อย่างสบายๆ เกรงว่าจักรพรรดิต่างก็ยังต้องเชื้อเชิญเจ้า ต้องส่งของกำนัลให้เจ้าเลยกระมัง” ราชันย์อนธการอมตะพูด

ตงป๋อเสวี่ยอิงเลิกคิ้วพลางพูดยิ้มๆ “ข่าวสารของราชันย์อนธการช่างเฉียบแหลมเสียจริง”

“เพียงแต่ว่าชนพื้นเมืองดั้งเดิมกับดินแดนจิตโลกาของพวกเรามิได้ส่งข่าวคราวซึ่งกันและกัน มิฉะนั้นข่าวนี้ก็คงแพร่ออกมาก่อนแล้ว เกรงว่าผ่านไปหลายปี เหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทานก็คงจะล่วงรู้เรื่องนี้กันหมด” ราชันย์อนธการอมตะพูด “ข้ามาที่นี่ก็เพราะหวังว่าจ้าวหิมะเหินจะช่วยเหลือข้าสักเรื่อง พอช่วยแล้ว เช่นนั้นในภายภาคหน้าพวกเราก็คือสหายกัน แล้วข้าก็จะไม่ไปเข่นฆ่ามดปลวกตัวเล็กตัวน้อยเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว”

“ช่วยเหลืออย่างไรหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก หากวุ่นวายขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องดีแล้ว หากราชันย์อนธการอมตะทำการสังหารขึ้นมาจริงๆ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ขัดขวางเอาไว้ไม่อยู่

“ช่วยข้ารวบรวม ‘ดอกอนธการ’ สิบห้าดอก แล้วส่งข้าเข้าไปยัง ‘ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ’ อีกครั้ง” ราชันย์อนธการอมตะเอ่ยปากพูด “เพียงแค่เจ้าช่วยข้าในเรื่องนี้ เช่นนั้นความแค้นของเราก็จะถูกสะสางแล้ว เจ้าจะมาถามหาผลประโยชน์จากข้าที่นี่ ข้าก็สามารถรับปากเจ้าได้ทั้งสิ้น ต้องการให้ข้าช่วยเจ้าจัดการธุระอันใดก็ได้ทั้งสิ้น! หรือแม้กระทั่งไม่ให้ข้าเข่นฆ่าอีกอย่างนั้นหรือ ฮ่าฮ่า ขอเพียงแค่เข้าไปสู่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ ข้าก็จะไม่กลับมาที่ดินแดนจิตโลกาอีก ก็ย่อมไม่มีทางก่อความวุ่นวายที่ดินแดนจิตโลกาได้อยู่แล้ว”

ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับฟังแล้วหน้าถอดสี

ดอกอนธการทุกดอกต่างก็ล้ำค่าเป็นที่สุด มูลค่าไม่น้อยไปกว่า ‘น้ำนมทิพย์ลำแสง’ หยดหนึ่งเลย

แต่สิบห้าดอก ด้วยอิทธิพลของตนที่หุบเขาเขี้ยวหัก คิดวิธีการอาศัยน้ำใจคนสักเล็กน้อย ก็ยังสามารถทำได้อยู่!

แต่ ‘ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ’ นั้นเป็นสถานที่ต้องห้ามในตำนานของหุบเขาเขี้ยวหัก!

อยากจะเข้าไปอย่างนั้นหรือ

ในบันทึกของกลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิมนั้นก็ยังเป็นตำนาน! เป็นไปได้ว่ามีเพียงแค่เหล่าห้ายอดเคารพเท่านั้นที่เคยเข้าไป ส่วนเหล่าจักรพรรดินั้นดูเหมือนว่าจะไม่เคยเข้าไปมาก่อนเลย

ทางเดินเขี้ยวอสรพิษอันลึกลับ ตนเองก็คิดอยากจะเข้าไปเช่นกัน แต่เกรงว่าคงต้องไปขอร้องห้ายอดเคารพ! ถ้าหากโชคดีได้เข้าไป ยอดเคารพโดยทั่วไปก็เข้าไปด้วยตนเองแล้ว แม้กระทั่งเหล่าจักรพรรดิก็ยังมิอาจได้ผลประโยชน์เช่นนี้มาครองเลย

“ท่านอยากจะเข้าไปในทางเดินเขี้ยวอสรพิษหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองราชันย์อนธการอมตะผู้นี้ คำขอร้องนี้สูงเกินธรรมดาไปเสียแล้ว

…………………………………………..