ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 41 สิบล้านล้านปี

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

“ถูกต้อง” ราชันย์อนธการอมตะแววตาร้อนรุ่ม

“ด้วยสถานะของจ้าวหิมะเหินที่หุบเขาเขี้ยวหักในตอนนี้ เชื่อว่าต้องมีวิธีจัดการได้อย่างแน่นอนกระมัง”

“ราชันย์อนธการ ท่านรู้เกี่ยวกับทางเดินเขี้ยวอสรพิษมากน้อยเพียงใดกัน” ในใจตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกประหลาดใจ ราชันย์อนธการอมตะถึงกับคิดว่าจะได้รับโอกาสเข้าไปในทางเดินเขี้ยวอสรพิษจากตน

ราชันย์อนธการอมตะเอ่ยเสียงต่ำ “ทางเดินเขี้ยวอสรพิษเป็นสถานที่ต้องห้ามในตำนานของหุบเขาเขี้ยวหัก ได้ยินว่าในนั้นยังแฝงไว้ด้วยความลับของการสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นด้วย ถึงขนาดที่ทำให้ห้ายอดเคารพต่างก็เข้าไปสืบหากันอย่างต่อเนื่อง”

“ถูกต้อง ห้ายอดเคารพต่างก็เข้าไปสืบหา”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ต่างก็ว่ากันว่าความลับของการสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่น ห้ายอดเคารพคนใดจะไม่อยากสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นบ้างเล่า พวกเขาย่อมไม่สามารถยกโอกาสนี้ให้กับผู้อื่นอยู่แล้ว ต่อให้เป็นจักรพรรดิแปดท่านและสิบสามราชันย์ก็ยังคาดหวัง ข้าสามารถบอกเจ้าได้อย่างชัดเจน! ทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหัก โอกาสเข้าไปในทางเดินเขี้ยวอสรพิษ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยทำข้อตกลงมาก่อนเลย ระหว่างยอดเคารพก็ไม่มีข้อตกลงกัน แล้วก็ยิ่งไม่เคยมอบให้กับจักรพรรดิแปดท่านและสิบสามราชันย์มาก่อนเลย”

“ไม่เคยมีมาก่อนเลย! หน้าตาของข้า จ้าวหิมะเหิน ยามอยู่ต่อหน้าจักรพรรดิแปดท่านและสิบสามราชันย์ก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง แค่ยามอยู่ต่อหน้าห้ายอดเคารพ อย่างมากที่สุดก็แค่มองด้วยสายตาที่แปลกไปจากผู้อื่นเท่านั้น อยากจะได้รับโอกาสเข้าไปในทางเดินเขี้ยวอสรพิษหรือ ฝันไปเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยอย่างสงบ

เขามิได้โป้ปด

เพราะว่าได้รับข้อมูลมากเพียงพอ เรียนรู้จากจักรพรรดิเป่ยเหอและจักรพรรดิวายุทิพย์นั้นเป็นอันมาก ถึงขนาดที่เมื่อเร็วๆ นี้ บรรดาจักรพรรดิคนอื่นๆ ก็ยังมาเชื้อเชิญตน

ตนนั้นสามารถนับได้ว่าเป็นสมาชิกระดับสุดยอดของหุบเขาเขี้ยวหักแล้ว เข้าใจความลับต่างๆ มากมาย

ห้ายอดเคารพ…

สถานะนั้นช่างพิเศษเป็นอย่างยิ่ง!

อย่างเช่นสิบสามราชันย์และแปดจักรพรรดิยังคงต่อสู้กันอยู่ ยังคงต่อสู้กันอยู่! แต่ห้ายอดเคารพย่อมมิใคร่จะสนใจในอิทธิพลสักเท่าใดนักอยู่แล้ว แม้กระทั่งสมบัติล้ำค่าก็ยังมิใคร่จะใส่ใจกันสักเท่าใดนัก! เพราะว่าพวกเขาไปถึงระดับจักรพรรดิขั้นสมบูรณ์กันแล้ว แต่โอกาสบนเกาะลอยคว้างมีประโยชน์ต่อพวกเขาลดน้อยลงแล้ว ที่ยังมีประโยชน์เป็นอย่างมากต่อห้ายอดเคารพก็มีเพียงแค่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ..

สถานที่ต้องห้ามในตำนานเท่านั้น!

พวกเขาต่อสู้กันก็เพื่อโอกาสในการเข้าไปยังทางเดินเขี้ยวอสรพิษ

เพราะมีเพียงการเข้าไปยังทางเดินเขี้ยวอสรพิษเท่านั้น จึงจะมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นได้ มิฉะนั้นก้มหน้าก้มตาบำเพ็ญไป การจะสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นได้นั้นก็ยากเย็นเหลือเกิน

โอกาสในการเข้าไปแต่ละครั้งนั้นก็ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดเพียงพอที่จะทำให้เหล่ายอดเคารพเข่นฆ่าซึ่งกันและกันเลยทีเดียว! นี่มิใช่สิ่งที่จะยอมกันได้ ‘โอกาสแห่งความสำเร็จ’ จะให้ยอมกันได้อย่างไร ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งอย่างตงป๋อเสวี่ยอิงนึกอยากจะร้องขอโอกาสเช่นนี้ก็ย่อมเป็นการวาดฝันอยู่แล้ว เคล็ดวิชาเขตลวงของเขาแม้จะยังนับว่ามีผลกระทบต่อจักรพรรดิอย่างค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ผลกระทบต่อห้ายอดเคารพก็ต่ำลงไปอีกขั้นหนึ่ง

ห้ายอดเคารพ ถ้าหากพลังยุทธ์ลดลงเพียงแค่สองสามส่วน! พวกเขาก็ยังคงไม่หวั่นเกรงยอดเคารพคนอื่นๆ เช่นเดิม

โลกมากมายของผู้บัญชาการอย่างนั้นหรือ

การต่อสู้

พวกเขาล้วนไม่สนใจ สิ่งที่พวกเขาไขว่คว้าก็มีอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น…การหนีออกจากกรงขัง สำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่น!

“ไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยเลยหรือ” ราชันย์อนธการอมตะสีหน้าแปรเปลี่ยนเสียแล้ว สิ่งที่เขาสามารถสัมผัสได้ที่หุบเขาเขี้ยวหักมิอาจนับได้ว่าเป็นระดับสุดยอด รู้จักเพียงแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ เท่านั้น

“ไม่มีโอกาสเลย”

ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะ “ราชันย์อนธการ การเข้าสู่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษนั้นแต่ไหนแต่ไรก็มิอาจร้องขอมาได้ มีแต่ไปดิ้นรนเอาด้วยตนเองเท่านั้น บนเกาะลอยคว้างแต่ละแห่ง บางทีอาจมีโอกาสเข้าไปปรากฏขึ้นมา ก็ต้องแย่งชิงมาไว้ในมือให้ได้”

“แย่งชิงหรือ ข้าจะอาศัยสิ่งใดไปแย่งชิงกันเล่า” ราชันย์อนธการอมตะมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ถ้าหากข้าหลอมผู้ท่องมรณะขึ้นมาได้สำเร็จ อาศัยผู้ท่องมรณะ ก็ย่อมสามารถไปแย่งชิงมาได้ แต่ตอนนี้ข้าจะไปแย่งชิงมาได้อย่างไรกัน เผชิญหน้ากับห้ายอดเคารพ ข้าก็ไม่มีแม้แต่ความหวังในการหนีเอาชีวิตรอดเลยเสียด้วยซ้ำ”

“ข้าสามารถช่วยท่านรวบรวมดอกอนธการสิบห้าดอกให้ครบได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “แต่ท่านต้องให้สัตย์สาบานก่อน”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…”

แต่ราชันย์อนธการอมตะกลับหัวเราะเสียงดังขึ้นมา เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “จ้าวหิมะเหิน เจ้านี่ช่างน่าขันเสียจริง บำเพ็ญมาจนถึงระดับขั้นอย่างข้า นึกอยากจะก้าวหน้าไปอีกขั้นนั้นยากเย็นสักเพียงใด สมบัติล้ำค่าธรรมดาๆ มีประโยชน์ต่อข้าอย่างน้อยนิดเหลือเกิน แม้กระทั่งดอกอนธการก็ยังเป็นเพียงแค่การเพิ่มดอกไม้ประดับตกแต่งเท่านั้นเอง ถ้าหากมิอาจเข้าไปยังทางเดินเขี้ยวอสรพิษได้ เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็สูญเปล่า! สูญเปล่าทั้งนั้น!”

“เดิมที เดิมทีข้าสามารถเข้าไปได้ หากมีผู้ท่องมรณะ ข้าก็สามารถได้รับโอกาสเข้าไปในนั้นได้อย่างแน่นอน” ราชันย์อนธการอมตะจ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิง แววตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง “แต่ล้วนเป็นเพราะเจ้าที่ทำลายการบูชายัญของข้า”

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเขาอย่างสงบนิ่ง มองดูราชันย์อนธการอมตะที่วิปลาส

“ข้าจะทำการการบูชายัญอีกครั้งแล้วเจ้าจะขัดขวางข้าหรือไม่” ราชันย์อนธการอมตะเอ่ยอย่างบ้าคลั่ง

“ขัดขวางสิ!” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

“เจ้า… เจ้ามาขวาง ข้าก็จะสังหารหมู่ชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนเช่นกัน”

ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะ “ข้าไม่ขัดขวางท่าน การบูชายัญครั้งหนึ่งก็ต้องหมายถึงชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนเหมือนเดิมอยู่ดี ท่านเข่นฆ่าเอง เข่นฆ่าไปมากๆ แล้ว ก็รอรับการลงโทษของ ‘หยวน’ เอาเองเถิด!”

นอกจากนี้ถ้าหากอีกฝ่ายหลอมผู้ท่องมรณะได้สำเร็จ เช่นนั้นผู้ใดก็มิอาจขัดขวางราชันย์อนธการผู้นี้เอาไว้ได้แล้วจริงๆ

ว่ากันว่ามิอาจล่วงรู้ได้ว่าผู้ท่องมรณะมีความแข็งแกร่งเพียงใด!

แต่พลังยุทธ์ของตัวราชันย์อนธการอมตะเองก็แข็งแกร่งจนเกินคาดเดา พอเสี่ยงชีวิตแล้วก็เทียบเคียงได้กับระดับแม่ทัพเทพ เขาสนใจจะหลอมผู้ท่องมรณะขึ้นมาถึงเพียงนี้ ก็ย่อมต้องเหนือชั้นกว่าพลังยุทธ์ในตอนนี้อย่างมหาศาล มิฉะนั้นจะต้องหลอมไปทำไมกัน

เมื่อใดที่หลอมได้สำเร็จ!

ผู้ใดก็มิอาจขัดขวางเขาเอาไว้ได้แล้ว!

“ดีมาก ดีมาก” ราชันย์อนธการอมตะบ้าคลั่งแล้วเงาร่างก็เลือนหายไปในทันใด

การเจรจาล่มเสียแล้ว!

“วุ่นวายเสียแล้วสิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำเสียงต่ำ แต่เขาไม่ต้องเลือกเลย เพราะขอโอกาสเข้าสู่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษให้กับราชันย์อนธการอมตะนั้น เขา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังมิได้มีความสามารถถึงเพียงนั้น!

……

ณ สถานที่อีกแห่ง

บนบัลลังก์อันสูงตระหง่านในห้องโถง ราชันย์อนธการอมตะผู้สวมอาภรณ์ทองหรูหรางดงาม ศีรษะสวมมงกุฎ นัยน์ตามีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาในทันใด ปัง… บริเวณรอบๆ ผิวกายล้วนเต็มไปด้วยเปลวเพลิง เปลวเพลิงแผ่ไปทุกทิศทุกทาง สาวใช้ภายในโถงตำหนักต่างก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นความว่างเปล่

ท่ามกลางความหวาดหวั่น โถงตำหนักแห่งนี้ถูกเผาไหม้กลายเป็นเศษธุลี ราชันย์อนธการอมตะยืนอยู่ท่ามกลางเศษธุลี

“ข้าไม่มีทางให้เดินแล้ว”

“เจ้าไม่เหลือทางให้ข้าเดินเลย!”

ราชันย์อนธการอมตะอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง

ถ้าหากไม่เข่นฆ่าอย่างว่าง่าย แล้วตงป๋อเสวี่ยอิงสำเร็จเป็นขั้นสุดยอด เชื่อว่าก็จะรับปากว่าจะไว้ชีวิตเขา

แต่สำหรับราชันย์อนธการอมตะ… หากมิอาจสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นแล้วใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไป เขาก็รับไม่ไหว! การใช้ชีวิตอยู่อย่างไม่มีความหวังก็เป็นการขัดเกลาอย่างหนึ่ง อายุขัยของเขายาวนานเกินไปแล้ว สิ่งที่ทำให้เขามีความมุ่งมาดปรารถนาอย่างแรงกล้าก็เหลือเพียงแค่การวิวัฒน์ของระดับชีวิตเท่านั้น เขาปรารถนาที่จะไปถึงระดับชีวิตอันมิอาจคาดเดาได้นั้น ประหนึ่งผีเสื้อที่ออกจากรังดักแด้

เขาเคยสัมผัสกับระดับขั้นที่สูงขึ้นอีกในระยะประชิด ดังนั้นเขาจึงยิ่งมุ่งมาดปรารถนา

“เช่นนั้นก็ต่อสู้เป็นครั้งสุดท้ายเถิด”

“ก่อนหน้านี้ข้าสามารถหนีกลับมาได้ แล้วใช้ชีวิตมาได้เนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้ว! ข้าไม่มีความหวังกับเส้นทางบำเพ็ญปกติ มีเพียง ‘ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ’ อันลึกลับเท่านั้นจึงจะมีโอกาส” เปลวเพลิงในดวงตาของราชันย์อนธการอมตะกำลังลุกโชน “ก่อนที่จ้าวหิมะเหินจะสำเร็จเป็นขั้นสุดยอด การต่อสู้ครั้งสุดท้าย ไม่ร้องขอผู้ท่องมรณะที่สมบูรณ์แบบแล้ว แค่สามารถควบคุมได้โดยง่ายก็ใช้ได้แล้ว”

ผู้ท่องมรณะที่สมบูรณ์แบบนั้นก็คือร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่น พลังรบเพียงพอที่จะเทียบเคียงกับห้ายอดเคารพได้แล้ว

ถ้าหากหลอมได้สำเร็จ เขาก็จะกลายเป็นบุคคลที่เทียบเคียงกับยอดเคารพได้ในทันที ก็ย่อมมีคุณสมบัติที่จะไปแย่งชิงโอกาสในการเข้าสู่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษที่หุบเขาเขี้ยวหักได้แล้ว!

แม้กระทั่งผู้ท่องมรณะที่ไม่สมบูรณ์ พลังรบก็แข็งแกร่งเพียงพอ

“ลุยเลย”

ราชันย์อนธการอมตะมิได้ร่นถอย

“จ้าวหิมะเหินผู้นี้บำเพ็ญอย่างรวดเร็วยิ่งนัก สักสิบล้านล้านปีก็น่าจะสำเร็จเป็นขั้นสุดยอดได้แล้วกระมัง ข้าต้องการให้สำเร็จภายในสิบล้านล้านปี” ราชันย์อนธการอมตะเอ่ยพึมพำ สิบล้านล้านปีในสายตาของเทพจักรวาลมิได้นับว่าเนิ่นนานเกินไป สำเร็จเป็นขั้นสุดยอดด้วยเวลาเนิ่นนานเช่นนี้ ราชันย์อนธการอมตะก็รู้สึกว่าประเมินตงป๋อเสวี่ยอิงสูงไปมากแล้ว

เช่นโอกาสที่เจ้าเมืองหลัวให้กับตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมกระบี่ในตอนนั้นก็เป็นเพียงแค่การให้ใจเท่านั้น มิได้มีความมั่นใจว่าพวกเขาสองคนจะสามารถสำเร็จเป็นขั้นสุดยอดได้ก่อนมหาวินาศ

เพียงแต่ว่าต่อมา ไม่ว่าจะเป็นจอมกระบี่หรือว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีการพัฒนาชนิดที่ทำให้เจ้าเมืองหลัวและหยวนทั้งสองคนนี้ตกตะลึงอยู่บ้าง

จอมกระบี่สำเร็จเป็นขั้นสุดยอดแล้ว! ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีความสำเร็จทางด้านวิถีวิญญาณไปถึงระดับที่มิอาจคาดเดาได้

“สิบล้านล้านปี”

ราชันย์อนธการอมตะรู้สึกว่าเวลากระชั้นชิดเป็นอย่างยิ่ง แต่ภายในสิบล้านล้านปีก็ยังพอมีความหวังอยู่

……

วันนั้นเอง

ราชันย์อนธการอมตะก็มาถึงนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาแล้ว

“อาจารย์” ประมุขรัฐเมฆทักษิณายังคงประนีประนอมเป็นอย่างยิ่งเช่นเคย ช่วยไม่ได้ เขาไม่กล้าล่วงเกินราชันย์อนธการอมตะผู้นี้

“เฮอะ” ราชันย์อนธการอมตะส่งเสียงเฮอะเยียบเย็นคราหนึ่ง เขาไม่ชมชอบประมุขรัฐเมฆทักษิณาเป็นอย่างมาก เพราะว่าจ้าวหิมะเหินที่ทำให้เขาเดือดดาลหาใดเปรียบผู้นั้นก็เป็นลูกศิษย์ของประมุขรัฐเมฆทักษิณาเช่นกัน! เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังต้องการความช่วยเหลือของประมุขรัฐเมฆทักษิณาผู้นี้อยู่

“ช่วยข้ารวบรวมวัสดุเหล่านี้ที” ราชันย์อนธการอมตะโยนม้วนสาส์นม้วนหนึ่งให้กับประมุขรัฐเมฆทักษิณา “จะต้องรวบรวมให้ได้ภายในหมื่นล้านปี หากรวบรวมมิได้ รัฐเมฆทักษิณาของเจ้าก็เตรียมตัววอดวายได้เลย”

ประมุขรัฐเมฆทักษิณาฟังแล้วก็อกสั่นขวัญแขวน พลางยื่นมือไปรับม้วนสาส์นมา

……………………………………………….