ตอนที่ 1465 ต่อสู้เพื่อชีวิต โดย Ink Stone_Fantasy
“แค่กๆ…แค่ก…”
นาซเพลใช้เวลาอยู่นานกว่าจะปีนขึ้นมาจากซากปรักหักพังได้ ถ้าไม่เป็นเพราะมันเตรียมร่างที่เตรียมร่างที่เสริมความแข็งแกร่งเอาไว้ให้ตัวเอง เกรงว่าการถล่มครั้งนี้คงจะคร่าชีวิตมันไปแล้ว
บ้าเอ้ย เจ้าแมลงพวกนั้นมันทำอะไรกันเนี่ย!
ถึงแม้การสูญเสียไปชีวิตหนึ่งจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่มันก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำการถ่ายโอนวิญญาณได้โดยไม่ถูกจักรพรรดิพบเห็น ก่อนที่มันจะได้สิทธิ์ในการควบคุมแกนพลังเวทมนตร์มาอย่างเด็ดขาด มันก็ควรจะรักษารูปลักษณ์ที่มีอยู่ในตอนนี้เอาไว้ เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้คนอื่นสงสัย
‘องค์จักรพรรดิ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ….’
‘ด้านบนเมืองจักรพรรดิเกิดรอยแตก บาเรียพลังเวทมนตร์ถูกทำลาย กว่าจะกลับมาเป็นปกติคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่’ จักรพรรดิสั่งกำชับเสียงแข็ง ‘จำเป็นต้องรีบหาวิธีรับมือโดยเร็ว!’
‘แสงสว่างกับเสียงที่ดังสนั่นเมื่อกี้นี้มันอะไรกัร?’ เสียงของบลัดดี้คองเคอเรอร์ดังแทรกขึ้นมา ‘ทำไมข้าที่อยู่อาร์เรียตาก็ยังมองเห็นได้?’
‘อายการ์ดล่ะ? ทำไมข้าติดต่ออายการ์ดไม่ได้!’ อันดีเซิร์ฟลนลาน ‘เดอะแมสก์ เมื่อกี้เจ้าทำอะไร!?’
มันทำอะไรงั้นเหรอ? ภายในใจนาซเพลพลันรู้สึกโมโหขึ้นมา เจ้าพวกโง่ที่ใช้แต่กำลังพวกนี้มันไม่รู้เหรอไงว่ามนุษย์กำลังโจมตีเผ่าพันธุ์ของมันอยู่!
ระดับความสว่างของแสงสีขาวเมื่อครู่นี้สว่างจนน่าเหลือเชื่อ มันสว่างจนถึงขนาดที่ว่าจ้องมองตรงๆ อาจจะได้รับบาดเจ็บได้ ตอนนี้หัวสิบกว่าสิบของมันส่วนใหญ่ได้สูญเสียความสามารถในการมองเห็นไปแล้ว ต่อให้เป็นพระอาทิตย์ก็ยังทำไม่ได้ขนาดนี้เลย
ส่วนจุดจบของอายการ์ดพวกนั้น ต่อให้ไม่ต้องพูดก็คงจะรู้
เป็นครั้งแรกที่เดอะแมสก์ไม่ได้สะกดอารมณ์ของตัวเองเอาไว้
‘พวกอายการ์ดตายหมดแล้ว มีตาก็ไปดูซะ’
หลังพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นจบ มันก็ก้าวขึ้นไปบนแท่นลอยที่อยู่ใกล้ที่สุด — ในระหว่างที่ขึ้นไปด้านบน บนยอกหอคอยยังคงมีเศษหินร่วงตกลงไปในทะเลสาบละอองชีวิตที่กว้างใหญ่อยู่ ถึงแม้ความเสียหายนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อหอคอยแห่งการให้กำเนิด ทว่านับตั้งแต่ที่เมืองจักรพรรดิถือกำเนิดขึ้นมา ที่แห่งนี้ก็ไม่เคยถูกศัตรูย่างกรายเข้ามาก่อน นี่ต้องทำให้เผ่าพันธุ์เสียขวัญไม่น้อยอย่างแน่นอน
เมื่อลอยขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของเมืองจักรพรรดิ คลื่นความร้อนอันรุนแรงได้โถมเข้ามาใส่มัน ขณะเดียวกันก็มีกลิ่นเหม็นไหม้ลอยอยู่ในอากาศ เหมือนกับว่าด้านในเกิดเพลิงไหม้ขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
มันจำได้แม่นว่าตำแหน่งที่แสงสีขาวปรากฏขึ้นมาในตอนแรกนั้นไม่ได้อยู่ติดกับยอดหอ หากแต่อยู่กลางอากาศที่อยู่เหนือที่นี่ขึ้นไปอีกหลายร้อยเมตร ด้วยระยะที่ห่างขนาดนี้ แต่จนถึงตอนนี้ยังสัมผัสได้ถึงความร้อนอยู่ นี่มันอยู่เหนือไปจากขอบเขตความรู้ความเข้าใจของมันไปแล้ว
เมื่อมองไปรอบๆ นาซเพลถึงได้พอเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดอย่างคร่าวๆ
โลหะสีดำอันนั้นคือต้นตอที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
มันไม่เพียงแต่จะสร้างรอยแตกขนาดใหญ่บนยอดหอคอย แต่มันยังทำลายแนวป้องกันที่เป็นร่างซิมไบออนท์จำนวนมากด้วย เมื่อดูจากขอบของรอยแตกที่ยุบเข้าไปข้างใน ผิวนอกจากเมืองน่าจะถูกแรงกระแทกอันมหาศาลบางอย่างกระแทกลงไป ถึงแม้ผลึกที่อยู่บนผิวนอกของสิ่งก่อสร้างจะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนอย่างหอคอยแห่งการให้กำเนิด แต่อย่างน้อยมันก็ยังอยู่ภายใต้การคุ้มครองของบาเรียเวทมนตร์ การที่โจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำให้เกิดรอยแตกแบบนี้ได้มันก็พอจะทำให้รู้แล้วว่าอานุภาพของเจ้าสิ่งๆ นั้นมันจะน่ากลัวขนาดไหน
ผงหิมะไม่มีทางทำให้เกิดผลแบบนี้ได้อย่างแน่นอน ต่อให้เพิ่มปริมาณขึ้นอีกสิบเท่าก็ไม่มีทางทำได้ เห็นได้ชัดว่าอาวุธที่พวกมนุษย์ใช้นั้นเป็นสิ่งที่ได้รับสืบทอดมาใหม่ แต่เผ่าพันธุ์ของมันกลับไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย!
สิ่งที่ทำให้สีหน้าของเดอะแมสก์ดูแย่มากกว่าเดิมก็คือพวกนกเหล็กไม่ได้ฉวยโอกาสที่กองกำลังบนพื้นกำลังตกอยู่ในความวุ่นวายบุกโจมตีลงมา หากแต่บินวนอยู่ด้านบนอีกครั้ง ดูแล้วไม่ได้มีทีท่าว่าจะเข้ามาใกล้เลย!
หรือว่า…เจ้าสิ่งนี้มันไม่ได้มีแค่อันเดียว?
มันหันกลับไปมองดูหอคอยที่มีรอยแตกด้านล่างและทะเลสาบละอองชีวิต ทันใดนั้นหัวใจของมันพลันตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
‘ให้อสูรโบเกิลขึ้นบินทั้งหมด อย่าไปสนใจนกเหล็กที่อยู่ตรงหน้า ให้พวกมันพยายามขึ้นไปสำรวจให้สูงที่สุด ถ้าเจออะไรผิดปกติให้รีบมารายงานข้า!’ เดอะแมสก์ใช้จิตสำนึกตะโกนออกไป
‘รายงานเจ้า? นาซเพล เจ้าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? กองทัพอสูรโบเกิลในเมืองจักรพรรดิคือกองกำลังของข้า!’ อันดีเซิร์ฟพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
ถ้าไม่เป็นเพราะว่ามันยังไม่สามารถสร้างร่างซิมไบออนท์ที่บินได้ออกมา มันจะพูดอะไรไร้สาระแบบนี้ทำไม! เดอะแมสก์สะกดอารมณ์โกรธภายในใจ ‘ฟังให้ดีนะ การโจมตีที่แท้จริงของมนุษย์ไม่ใช่นกเหล็กพวกนั้น หากแต่เป็นสิ่งอื่น’ มันย้อนคิดถึงภาพก่อนหน้านี้ ‘เจ้าสิ่งนั้นน่าจะบินได้สูงมาก อาวุธที่นำมาด้วยจะตกลงมาจากที่สูง แล้วก็ระเบิดออกในความสูงที่กำหนดเอาไว้ เพราะอานุภาพของมันรุนแรงอย่างมาก พวกนกเหล็กถึงได้เอาแต่บินวนอยู่รอบๆ เป้าหมายของมันไม่ใช่การโจมตีพระผู้สร้าง หากแค่เป็นการคุ้มครองผู้โจมตีหลัก! เจ้าต้องรีบหามันแล้วทำลายมันซะ ไม่อย่างนั้นพวกเราได้จบเห่แน่!’
‘จบเห่? เจ้าจะบอกว่า…ถูกพวกมนุษย์?’ อันดีเซิร์ฟตกตะลึง
‘รีบไป กำจัดพวกนั้นซะ มีแต่เจ้าเท่านั้นที่จะทำได้!’ จากนั้นเดอะแมสก์ได้ย้ายจิตสำนึกไปยังแกนพลังของเผ่าพันธุ์ ‘องค์จักรพรรดิ ได้โปรดอนุญาตให้ข้าเคลื่อนย้ายพระผู้สร้างด้วยขอรับ พวกเราจะอยู่นิ่งๆ แบบนี้ไม่ได้อีก ไม่อย่างนั้นพวกเรามีแต่จะกลายเป็นเป้าของมนุษย์ขอรับ!’
เดิมมันคิดว่าต้องใช้เวลากล่อมจักรพรรดิให้หลบพวกมนุษย์อยู่ครู่ใหญ่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดิจะออกคำสั่งมาอย่างรวดเร็ว ‘ตอนนี้ข้าให้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบในการควบคุมเมืองจักรพรรดิชั่วคราว เจ้าต้องกำจัดผู้บุกรุกให้ได้!’
นี่คือการหลุดพ้นจากอารมณ์ของตัวเอง แล้ววิเคราะห์โดยอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลอย่างนั้นเหรอ…เดอะแมสก์ก้มหน้าไปทางหอคอยแห่งการให้กำเนิด ‘น้อมรับบัญชา องค์จักรพรรดิ’
นับตั้งแต่ที่จักรพรรดิรวมร่างเข้ากับแกนพลังเวทมนตร์ มันก็ยิ่งรู้สึกว่าจักรพรรดิน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ ไม่แน่หลังผ่านไปอีกร้อยปี อีกฝ่ายอาจจะเข้าใจความคิดของมันจริงๆ ก็ได้ แต่น่าเสียดาย ถ้าไม่เป็นเพราะหอเจ้าชีวิตน่ากลัวเกินไป บางทีมันก็อาจจะไม่ต้องทำถึงขนาดนี้
เดอะแมสก์ยกแกนเวทมนตร์ย่อส่วนขึ้นมาแล้วใส่พลังเวทมนตร์ทั้งหมดเข้าไป
พระผู้สร้างส่งเสียงดังครืนขึ้นมา ก่อนจะลอยขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วบินไปทางด้านล่างเสาควันที่ลอยฟุ้งกระจายอยู่บนท้องฟ้า—
เมื่อมีอำนาจในการควบคุมทั้งหมด มันไม่จำเป็นต้องแจ้งลูกน้องอีกต่อไป อาศัยเพียงแค่แกนพลังเวทมนตร์ในมือก็สามารถทำให้พระผู้สร้างเคลื่อนไหวได้อย่างใจ การที่จู่ๆ แผ่นดินลอยฟ้าก็ลอยขึ้นมาย่อมต้องสร้างอันตรายให้กับเผ่าพันธุ์ส่วนหนึ่งที่อยู่ในเมือง อย่างเช่นปีศาจผู้โชคร้ายที่เดินอยู่ริมหน้าผาตกลงไปยังหลุมลึกจนร่างแหลกละเอียด แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่นาซเพลจำเป็นต้องคิดในเวลานี้
“เจออสูรสยองจำนวนมากบินขึ้นฟ้า! ย้ำ เจออสูรสยองจำนวนมากบินขึ้นมาบนฟ้า!”
“พวกมันเข้ามาหาพวกเราแล้ว!”
“นี่คือฝูงบินที่หก พวกเรา กระจายตัวเตรียมโจมตีศัตรู!”
หลังแสงแรกยามเช้าส่องสว่างขึ้นมาบนท้องฟ้า ในที่สุดอัศวินอากาศก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยไฟท้ายเครื่องบินในการนำทางอีกแล้ว แต่ภายในแสงสีทองยามเช้านั้นไม่ใช่ภาพที่งดงามไปเสียทั้งหมด นอกจากกลุ่มควันที่เบ่งบานออกเหมือนดอกไม้แล้ว ตรงหน้าทุกคนยังมีจุดสีดำจำนวนมากปรากฏขึ้นมาด้วย พวกมันแห่กันออกมาจากพระผู้สร้างเหมือนกับฝูงผึ้งป่า
“พีซอาร์ค สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” ทิลลีถามเสียงดัง
“คำนวณเสร็จเรียบร้อย กำลังเข้าสู่ตำแหน่งทิ้งระเบิด”
ก่อนหน้านี้หน่วยทิ้งระเบิดเสียเวลาไปไม่น้อยเพื่อจะยืนยันการระเบิด เนื่องจากเมืองจักรพรรดิของปีศาจมีเปลือกนอกห่อหุ้มเอาไว้อยู่ การจะทำให้ระเบิดลูกที่สองแสดงอานุภาพออกมาอย่างเต็มที่ก็จำเป็นต้องทำให้มันเข้าใกล้แหล่งกำเนิดหมอกแดงมากที่สุด ถึงแม้ซิลเวียจะคำนวณตัวเลขในการทิ้งระเบิดออกมาใหม่แล้ว แต่ความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นจากการทิ้งระเบิดลงมาจากความสูง 7,000 เมตรย่อมต้องเกินไปจากขอบเขตของรอยแตกแน่นอน ด้วยเหตุนี้หน่วยพีซอาร์คจึงลดระดับความสูงลงมาอีก 1,500 เมตรเพื่อให้มั่นใจว่าระเบิดจะตกลงไปในเมือง
“พีซอาร์คเตรียมทิ้งระเบิด แต่ละหน่วยเตรียมตัวรับแรงกระแทก” หลังจากนั้นไม่กี่สิบวินาที ในวิทยุก็มีเสียงรายงานดังขึ้นมา
“เดี๋ยวๆ!” จู่ๆ ซิลเวียพลันพูดขึ้นมา “พระผู้สร้างเริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว!”
………………………………………………………………………..