ตอนที่ 1466 สถานการณ์วุ่นวาย

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1466 สถานการณ์วุ่นวาย โดย Ink Stone_Fantasy

บนพีซอาร์ค อีเกิลเฟซที่กำคันบังคับเตรียมจะเปิดประตูพลันปล่อยมือออก

“ทิศทางล่ะ?”

“ทางตะวันออก 9 องศา พวกมันกำลังมุ่งหน้าไปทางเสาควัน!”

“ครูฝึก พวกเราทำยังไงต่อดีขอรับ?” คนขับเครื่องบินหันกลับมาถาม

ด้วยขนาดของพระผู้สร้าง ถึงแม้จะเคลื่อนไหวขึ้นมาก็ไม่สามารถที่จะหลบระเบิดที่ร่วงลงมาบนฟ้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นบาเรียเวทมนตร์ก็ใช้งานไม่ได้แล้ว ขอเพียงแสงแห่งอาทิตย์ลูกที่สองตกลงใกล้ๆ หอคอยทรงพิระมิด มันก็มีโอกาสไม่น้อยที่จะทำลายเสาโอเบลิสลงได้ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับหน่วยทิ้งระเบิดแล้ว นี่ยังเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดด้วย

แต่เขาไม่ได้ขึ้นเครื่องบินลำนี้มาเพื่อความปลอดภัย

นักบินของเครื่องบินทิ้งระเบิดทั้งสองลำล้วนแต่ถูกคัดเลือกออกมาจากนักเรียนหัวกะทิ มีเพียงกัปตันที่เป็นหัวหน้าเท่านั้นที่จะให้ครูฝึกมาเป็นผู้รับผิดชอบ จุดประสงค์นั้นเห็นได้ชัดอย่างมาก นักเรียนที่เป็นคนขับคือหัวใจสำคัญของการขับเครื่องบินให้ดี ส่วนพวกเขาขึ้นมาบนเครื่องบินก็เพื่อให้มั่นใจว่าภารกิจจะสำเร็จลุล่วง

ในโอกาสสำเร็จที่มีอยู่ไม่น้อยนั้นหมายความว่ามีโอกาสที่จะล้มเหลวอยู่

และสิ่งที่เขาต้องทำก็คือเลิกพึ่งพาดวงชะตา แล้วพยายามทำสิ่งที่ตัวเองสามารถควบคุมได้ให้ดีที่สุด

เรื่องที่ว่าพระผู้สร้างอาจจะมีการเคลื่อนไหวขึ้นมาในระหว่างที่ทำการทิ้งระเบิดทั้งสองรอบหรือว่ามันอาจจะเคลื่อนที่อยู่ตั้งแต่แรกนั้น ทางทีมที่ปรึกษาได้ทำการพูดคุยกันมาหลายครั้งแล้ว วิธีการแก้ไขนั้นมีอยู่อย่างเดียว นั่นก็คือใช้ความสูงมาแลกกับอัตราความแม่นยำ จนกว่าศัตรูจะไม่สามารถหนีรอดไปไหนได้อีก

“ลดระดับความสูงลงไป 2,000 เมตร ทำการคำนวณวิถีการทิ้งระเบิดใหม่” อีเกิลเฟซออกคำสั่งอย่างไม่ลังเล “พวกมันไปไหน พวกนั้นก็จะตามมันไปที่นั่น!”

….

ในเวลานี้เอง อสูรสยองได้พุ่ง ‘เข้าชน’ กับฝูงบินที่พุ่งลงมา

กู๊ดรู้สึกท้องฟ้าพลันมืดลงกว่าเดิม ราวกับว่าแสงอาทิตย์ที่เพิ่งจะโผล่ขึ้นมาได้ถูกความมืดกลืนกินไปอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นบนล่างซ้ายขวาก็ล้วนแต่มีศัตรูอยู่

ลำแสงอันเจิดจ้าที่พ่นออกมาจากปืนใหญ่อัตโนมัติของฟิวรี่ออฟเฮฟเว่นคือสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ เล็งเป้า — หรือก็คือแค่เลื่อนปากกระบอกปืนผ่าน จากนั้นยิงออกมา อสูรสยองตัวใดก็ตามที่เข้ามาขวางทางล้วนแต่ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าศึกใหญ่ขนาดนี้ ทักษะส่วนตัวแทบจะไร้ความหมาย ต่อให้มีดวงตาอยู่รอบตัว เขาก็ไม่มีทางมองเห็นศัตรูทุกตัวที่พุ่งเข้ามาหาเขาได้

ถ้าไม่เป็นเพราะด้านข้างมีเพื่อนคอยปกป้องอยู่ เกรงว่าเขาคงจะถูกหอกกระดูกที่บินมาจากรอบทิศแทงเข้าแล้ว

หลังกราดยิงยาวๆ ไปสามรอบ ภาพเบื้องหน้าของกู๊ดพลันสว่างขึ้นมา ในเวลานี้เขาถึงได้พบว่าตัวเองได้บินหลุดออกมาจากฝูงอสูรสยองแล้ว — เมื่อหันหน้ากลับไป ด้านหลังกลับไม่มีศัตรูไล่ตามมาเลยแม้แต่ตัวเดียว

“พวกปีศาจมันกำลังทำอะไร? เหมือนความสนใจของพวกมันจะไม่ได้อยู่ที่พวกเรา” ฟินกิ้นที่บินตามอยู่ด้านข้างเขารับรู้ได้ถึงความผิดปกติตรงนี้

กู๊ดขับเครื่องบินทิ้งระยะห่างออกมา ภายในใจรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาทันที เมื่อดูจากภาพรวมแล้ว ในบรรดาอสูรสยองจำนวนมากที่บินขึ้นมาบนท้องฟ้าจนมืดฟ้ามัวดิน มีอสูรสยองเพียงแค่บางส่วนเท่านั้นที่เข้ามาปะทะกับอัศวินอากาศ อสูรสยองตัวอื่นๆ ล้วนแต่พยายามจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าที่อยู่สูงขึ้นมา

ตามหลักแล้ว ปีศาจน่าจะมองไม่เห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดที่บินอยู่เหนือชั้นเมฆนี่นา

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกมันยังไม่เจอเป้าหมาย

ถึงแม้อีกฝ่ายจะพยายามบินขึ้นไป แต่เส้นทางการบินกลับสะเปะสะปะ ดูแล้วเหมือนพยายามบินวนหาไปมั่วๆ

“บ้าเอ้ย ปีศาจมันกำลังหาพีซอาร์คอยู่!” กู๊ดคำรามใส่วิทยุ

“อย่างนั้นก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอ?” ฟินกิ้นผิวปาก “พวกมันบินช้าขนาดนี้ ถ้าอยากจะหาเครื่องบินทิ้งระเบิดให้เจอก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย พวกเราก็ฉวยโอกาสนี้กำจัดพวกมันซะ จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระให้กับองค์หญิง”

ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่กู๊ดกลับรู้สึกไม่สบายใจเลย

“มีศัตรูอีกกลุ่มพุ่งเข้ามาแล้ว!” เพื่อนอีกคนตะโกนเตือน “พวกเราเข้าไปในเมฆก่อน ที่นั่นเหมาะที่จะใช้ตัดกำลังพวกปีศาจ พอบินเลยความสูง 4,000 เมตรขึ้นไปแล้ว แม้แต่จะกระพือปีกพวกมันก็ยังทำได้ยาก จากนั้นพวกเราก็ค่อยๆ กำจัดพวกที่บินอยู่หน้าสุดไปทีละชั้นๆ”

“แผนนี้ฟังดูไม่เลว!”

“อย่างนั้นข้าขึ้นไปก่อน!”

เครื่องบินสิบกว่าลำทยอยบินพุ่งขึ้นไปบนฟ้า

แต่กู๊ดกลับไม่ได้ตามไป

เขาหมุนปรับวิทยุไปยังช่องทีมเล็ก แล้วพูดกับฟินกิ้นตามลำพังว่า “พวกเราอยู่ตรงนี้นี่แหละ”

“อะไรนะ อยู่ตรงนี้เหรอ? ถ้าเกิดศัตรูมันล้มเลิกการค้นหาขึ้นมา คนที่จะโดนเล่นงานก่อนคือพวกเรานะ!” อีกด้านมีเสียงสงสัยของเพื่อนซี้ดังขึ้นมา “อีกอย่าง ถ้าไม่ฉวยโอกาสนี้กำจัดศัตรูให้ได้เยอะๆ อย่างนั้นความดีความชอบก็โดนคนอื่นแย่งไปหมดสิ”

“เรื่องนั่นมันไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือการเคลื่อนไหวของพวกปีศาจ!” กู๊ดจ้องมองไปยังอีกด้านหนึ่งของสนามรบพร้อมพูดอธิบายว่า “เจ้าลองคิดดูนะ ในเมื่อพวกมันเดาออกแล้วว่าด้านบนมีเครื่องบินทิ้งระเบิดอยู่ อย่างนั้นพวกมันจะรู้ตัวแล้วหรือเปล่าว่าความจริงแล้วการโจมตีเมื่อครู่นี้มาจากระเบิดลูกที่เล็กกว่า?”

“ไม่มั้ง..ปีศาจมันไม่รู้เรื่องแผนการแสงแห่งอาทิตย์ แล้วก็ไม่ได้รู้ตัวล่วงหน้าด้วยว่าพวกเราบุกโจมตีเข้ามา จากตอนที่ทิ้งระเบิดจนถึงตอนที่ระเบิดขึ้นมาใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที แล้วพวกมันจะมองแผนการของพวกเราออกได้ยังไง?”

“ข้าไม่มั่นใจ แต่ข้าแค่รู้สึกว่าบางทีการที่เมืองลอยฟ้าเคลื่อนที่เข้าไปหากลุ่มควันอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” กู๊ดพูดพึมพำขึ้นมา ตามความคิดของคนปกติ นั่นคือกลุ่มควันที่เกิดขึ้นมาจากการระเบิด กระทั่งจะหลบก็ยังหลบไม่ทัน แล้วจะพุ่งเข้าไปหามันได้ยังไง แต่ถ้าหากปีศาจเคลื่อนที่เข้าไปหามันด้วยจุดประสงค์บางอย่าง อย่างนั้นช่วงเวลาที่ระเบิดร่วงตกลงมาก็จะเป็นโอกาสในการโจมตีกลับครั้งสุดท้ายของพวกมัน

“ก็ได้” หลังนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายฟินกิ้นก็ตอบตกลงอย่างจนปัญญา “ในเมื่อเจ้าว่าแบบนี้ ข้าก็จะเชื่อเจ้าซักครั้งแล้วกัน แต่ถ้าเราถูกคนอื่นแย่งผลงานไป เจ้าจะต้องชดใช้ให้ข้าเข้าใจไหม”

“เครื่องดื่มยุ่งเหยิงเดิมหนึ่งเป็นยังไง?”

“ไม่ต้อง แค่แนะนำน้องสาวของเจ้าให้ข้าก็พอ”

“แคร่ก” ภายในหูฟังเสียงเสียงตัดสัญญาณดังขึ้นมา

ฟินกิ้นหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบินไปทางกู๊ด

….

บ้าเอ้ย เจ้าพวกนี้ — มันรับมือยากจริงๆ!

อันดีเซิร์ฟบังคับหินโบยบินหลบกระสุนที่ยิงรัวเข้ามาอย่างยากลำบาก จากที่เดอะแมสก์บอกมา การถูกเจ้าสิ่งเล็กๆ นี่ยิงถูกเข้านั้นไม่ได้ต่างอะไรกับการถูกค้อนทุบเข้าจังๆ เลย บาเรียพลังเวทมนตร์ไม่สามารถป้องกันได้นาน ในเมื่อแม้แต่ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ยังเคยถูกอาวุธของมนุษย์เล่นงานจนแย่มาแล้ว มันย่อมไม่คิดที่จะลองโดนอาวุธของมนุษย์ยิงถูกอย่างแน่นอน

เดิมด้วยพลังของมันแล้ว การจะรบกวนสัมผัสการรับรู้ของมนุษย์นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย ถึงแม้อีกฝ่ายจะสวมใส่หินอาญาสิทธิ์ มันก็ยังสามารถเล่นงานอีกฝ่ายได้ไม่มากก็น้อย แต่คนที่กำลังตามเล่นงานมันอยู่ในตอนนี้กลับเป็นแม่มดคนหนึ่ง

สิ่งที่ทำให้อันดีเซิร์ฟยิ่งรู้สึกแย่ก็คือแม่มดคนนั้นเหมือนจะไม่ได้คิดที่จะใช้พลังเวทมนตร์ในการตัดสินแพ้ชนะกับมัน เธอขับนกเหล็กสีแดงเข้ม แทบจะไม่ได้เข้ามาในรัศมี 900 ฟุตรอบตัวมันเลย ถึงแม้จะใช้วิธีโจมตีเสร็จแล้วหนี แต่การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายนั้นคล่องแคล่วอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังยิงค่อนข้างแม่นด้วย นี่ทำให้มันตกอยู่ในสภาพที่จะไล่ตามก็ไม่ได้ จะสลัดก็ไม่หลุด

ผู้มีพลังเวทมนตร์ต่อสู้โดยพึ่งพาวัตถุภายนอกแทนที่จะใช้พลังเวทมนตร์ของตัวเอง สำหรับมันแล้วนี่เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างร้ายแรง!

ยิ่งไปกว่านั้นแม่มดแบบนี้เหมือนจะไม่ได้มีแค่คนเดียวด้วย

อย่างเช่นกระสุนหินอาญาสิทธิ์ที่พุ่งลงมาจากบนชั้นเมฆอยู่ตลอดเวลาก็น่าจะมาจากฝีมือของแม่มดเหมือนกัน — ถ้าไม่เป็นเพราะหลังจากที่ยกระดับมันสามารถรับรู้ได้ถึงจิตสังหารของศัตรูได้อย่างรวดเร็ว มันคงจะถูกการโจมตีของศัตรูเล่นงานไปนานแล้ว

ตอนแรกบอกจะมาไล่ล่ามนุษย์ แต่ตอนนี้กลับถูกมนุษย์ไล่ล่าจนอยู่ในสภาพที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก อันดีเซิร์ฟไม่เคยรู้สึกโกรธขนาดนี้มาก่อน พอคิดๆ ดูแล้ว คนที่สามารถเคลื่อนไหวในอากาศได้คล่องแคล่วเหมือนตอนอยู่บนพื้นดินนั้นมีแค่เฮคซอดที่ถูกขนานนามว่า ‘สกายลอร์ด’ เพียงคนเดียวเท่านั้น ตัวมันมีความสามารถขนาดนี้ แต่กลับต้องอาศัยหินโบยบินคอยหลบการโจมตีซ้ายทีขวาที นี่เป็นความผิดของนาซเพลนั่นแหละ ถ้าให้กองทัพอสูรสยองเข้าไปสู้กับศัตรูตรงๆ ซะ มันก้ต้องไม่ต้องถูกยกเหล็กสีแดงเล่นงานจนแย่แบบนี้

การโจมตีหลักที่แอบซ่อนอยู่บนท้องฟ้า พูดอย่างกับตัวเองมองเห็นอย่างนั้นแหละ

อันดีเซิร์ฟหลบการกราดยิงของแม่มดอีกครั้ง ก่อนจะเหลือบมองขึ้นไปด้านบน จากนั้นมันก็ต้องตกตะลึงไปทันที

มันเห็นนกเหล็กยักษ์สีดำสนิทลำหนึ่งเคลื่อนตัวออกมาจากเสาควัน ร่างกายของมันใหญ่กว่าอสูรโบเกิลที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ด้านล่างของปีกทั้งสองข้างมีอุปกรณ์ขับเคลื่อนห้อยอยู่สี่ตัว นกเหล็กที่มีปีกสองชั้นลำอื่นๆ เทียบกับมันไม่ได้เลย!

นี่คือ ‘สิ่งผิดปกติ’ ที่เดอะแมสก์บอกอย่างไม่ต้องสงสัย

มันพูดถูกจริงๆ ด้วย

อสูรสยองกลุ่มอื่นๆ เองก็สังเกตเห็นเจ้านกเหล็กยักษ์นี่เหมือนกัน พวกมันพากันไล่ล่าเป้าหมายใหม่ตามที่ได้รับคำสั่งมาในตอนแรก ถึงแม้มนุษย์จะพยายามหยุด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าความแตกต่างในด้านจำนวน การพยายามหยุดก็เป็นแค่การถ่วงเวลาเท่านั้น ช้าเร็วนกเหล็กยักษ์ตัวนี้ก็ต้องถูกโจมตีจนตกลงไป

‘เอาล่ะ ถือว่าเจ้าพูดถูก’ อันดีเซิร์ฟใช้รูนติดต่อกลับไป ‘หน่วยของข้าเจอการโจมตีหลักที่เจ้าว่าแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานน่าจะจัดการได้’

แต่เสียงของเดอะแมสก์เหมือนไม่ได้เบาใจเลยแม้แต่น้อย ‘มันหน้าตาเป็นยังไง? รีบบอกข้าเร็ว!’

อันดีเซิร์ฟขมวดคิ้ว แต่มันก็ยังบอกออกไปตรงๆ ‘ดูแล้วเหมือนนกเหล็กที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิม’

‘ด้านล่างท้องของมันล่ะ? มีอะไรห้อยอยู่หรือเปล่า?’

ในเวลานี้แม้มดโจมตีมาอีกครั้ง

ไม่จบไม่สิ้นจริงๆ! เอาไว้จัดการเจ้านกยักษ์นั่นได้แล้ว ข้าจะกลับมาจัดการพวกเจ้า! อันดีเซิร์ฟหลบการโจมตีอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสังเกตดูนกเหล็กยักษ์อย่างละเอียด

‘ด้านล่างมันไม่มีอะไรเลย เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่เนี่ย?’

‘ไม่มีอะไรเลยงั้นเหรอ?’ เดอะแมสก์ถามซ้ำขึ้นมา

‘ใช่’ อันดีเซิร์ฟพูดอย่างหงุดหงิด ‘นอกจากรูใหญ่ๆ รูหนึ่งแล้ว ข้าไม่เห็นอะไรอย่างอื่นเลย’

………………………………………………………..