ตอนที่ 1467 ชะตาชีวิตที่ไม่เหมือนกัน โดย Ink Stone_Fantasy
นาซเพลรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ขึ้นมาจากแผ่นหลัง
มันเคยเห็นตอนที่นกเหล็กพุ่งลงมาทิ้งระเบิด ในเมื่อการโจมตีรอบแรกมาจากก้อนโลหะขนาดใหญ่ อย่างนั้นนกเหล็กยักษ์ที่อันดีเซิร์ฟเจอก็น่าจะใช่เป้าหมายที่มันกำลังค้นหา ไม่รู้ว่ามนุษย์สามารถสร้างนกเหล็กให้ใหญ่ขนาดนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไร แต่อย่างน้อยหลักการทำงานและโครงสร้างของพวกมันก็น่าจะเหมือนกัน
และการที่ตรงท้องเหลือแค่รูขนาดใหญ่ก็หมายความว่าศัตรูได้ทิ้งก้อนโลหะก้อนที่สองลงมาแล้ว!
อย่างนั้นตอนนี้เจ้าสิ่งนั้นมันอยู่ที่ไหน?
นาซเพลเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ของพระผู้สร้าง อีกด้านหนึ่งก็เงยหน้ามองขึ้นไปยังเมฆด้านบน แต่ไม่นานมันก็ล้มเลิกความพยายามที่ไร้ความหมาย เมื่อไม่มีอายการ์ดคอยช่วยเหลือ อาศัยเพียงแค่ดวงตาของมันไม่กี่คู่ ไม่มีทางที่จะมองหาเจ้าสิ่งนั้นเจอท่ามกลางท้องฟ้าที่อยู่ในสภาพวุ่นวายเลย ทั่วทุกที่เต็มไปด้วยอสูรสยองที่กำลังสู้กับนกเหล็กอยู่ ส่วนจุดดำๆ ที่ตกลงมานั้นอาจจะเป็นเศษชิ้นส่วนของนกเหล็ก แล้วก็อาจจะเป็นเศษชิ้นส่วนของอสูรโบเกิล หรืออาจจะเป็นร่างระดับต้นที่ร่วงตกลงมาก็ได้
ความจริงแล้วมันมองไม่เห็นนกเหล็กสีดำที่อันดีเซิร์ฟบอกด้วยซ้ำ ในเวลานี้ฝุ่นควันที่คละคลุ้งได้ขยายตัวออกไปหลายสิบกิโลเมตรและกลายเป็นเหมือนร่มขนาดใหญ่ที่ปกคลุมอยู่บนหัว การจะกวาดตามองดูสถานการณ์ทั้งหมดจากทางด้านล่างนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
‘มันโยนอะไรลงมาไหม?’ หรือไม่ก็มีอะไรสีดำๆ ที่ร่วงตกลงมาด้วยความเร็วสูงไหม?’ เดอะแมสก์แทบจะตะโกนออกมา
‘มีสิ เต็มไปหมดเลย’ คำตอบของอีกฝ่ายไม่ได้เหนือไปจากที่มันคาดคิดเอาไว้ ‘ถ้าเจ้าอยากจะให้ข้าหาอะไรก็ช่วยอธิบายให้มันละเอียดหน่อย’
ไม่ทันแล้ว นาซเพลรู้ตัว
มันยังพอทำอะไรได้บ้างไหม?
ทำยังไงถึงจะหลบการโจมตีครั้งนี้ไปได้?
ในหัวจำนวนมากที่ความคิดผุดขึ้นมาอันแล้วอันเล่า แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ได้…ไม่ได้…ใช้ไม่ได้!
สุดท้ายเดอะแมสก์พบว่ามันทำอะไรไม่ได้เลย
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาวุธที่น่าเหลือเชื่อของมนุษย์ที่ได้รับการสืบทอดมา สิ่งที่มันสามารถทำได้นั้นมีอยู่แค่ไม่กี่อย่าง — พระผู้สร้างมีขนาดใหญ่มาก การจะเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ของมันในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย ถึงแม้มันจะสั่งการให้แกนพลังเวทมนตร์ทำการถอยเต็มกำลังแล้ว แต่แรงเฉื่อยอันมหาศาลก็ยังทำให้ตัวพระผู้สร้างค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอยู่
สกัดก้อนเหล็กที่โจมตีเข้ามางั้นเหรอ? ตอนนี้มันยังไม่รู้ถึงตำแหน่งและความเร็วของเจ้าสิ่งๆ นั้นเลย แต่ถึงต่อให้รู้ คำสั่งอันนี้มันก็ยากที่จะเป็นจริงได้ หน่วยอสูรสยองได้กระจายตัวไปรุมโจมตีเจ้านกเหล็กยักษ์นั่นหมดแล้ว จิตสำนึกที่ถูกส่งออกไปจากหอคอยแห่งการให้กำเนิดก็มีเพียงแค่ปีศาจระดับสูงที่สามารถสัมผัสกับโลกแห่งจิตสำนึกได้เท่านั้นถึงจะรับรู้ได้ มันไม่สามารถแจ้งเรื่องภัยอันตรายที่กำลังคืบใกล้เข้ามาให้พวกร่างระดับต้นจำนวนนับพันที่กำลังต่อสู้รับรู้ได้
สิ่งเดียวที่เดอะแมสก์ทำได้นั้นมีแค่ภาวนาขอให้เจ้าพวกที่มีหัวเดียวพวกนั้นฉลาดพอที่จะมองอาวุธของพวกมนุษย์ว่าเป็น ‘สิ่งแปลกปลอม’ แล้วก็ไม่ปล่อยให้เจ้าก้อนเหล็กสีดำนี้ตกลงมาในเมืองจักรพรรดิ
ชะตาชีวิตของเผ่าพันธุ์หลังจากนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจตจำนงของมันตัวเดียวอีกต่อไปแล้ว
……
ซิลเวียกัดริมฝีปากตัวเองโดยไม่รู้ตัว
พีซอาร์คที่ถูกปีศาจล้อมโจมตีมีควันฟุ้งขโมงขึ้นมา ส่วนหัวของมันถูกรอยยุบลงไปจากการพุ่งชนของศัตรู ถึงแม้ยังมีเครื่องยนต์อีกสองเครื่องที่ทำงานอยู่ แต่ช้าเร็วยังไงมันก็ต้องถูกทำลายลงแน่
รอบๆ พีซอาร์คนั้นเต็มไปด้วยอสูรสยอง — พวกมันโอบล้อมเข้ามาจากทุกด้านแล้วปาหอกที่สามารถระเบิดได้เข้าใส่เครื่องบินที่สูญเสียการควบคุม ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้เธอนึกถึงพวกนกแร้งที่กำลังรุมกินเหยื่อของมันอยู่
นี่คือการตัดสินใจของหน่วยทิ้งระเบิด
เพื่อที่จะลดความคลาดเคลื่อนจากการทิ้งระเบิด พีซอาร์คได้ลดระดับจาก 7,000 เมตรลงมาอยู่ที่ 4,000 เมตร ซึ่งระยะนี้ได้อยู่นอกขอบเขตที่ปลอดภัยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเส้นทางการบินที่ทำการคำนวณออกมาก็แทบจะพุ่งตรงเข้าไปในพื้นที่ค้นหาของศัตรู ขณะเดียวกันมันยังบินอยู่ในระดับความสูงเดียวกับเสาฝุ่นกัมมันตภาพรังสีที่รุนแรงถึงชีวิตด้วย เรียกได้ว่าทันทีที่ตัดสินใจใช้แผนการนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีก
หลังได้รับตัวเลขพารามิเตอร์ที่คำนวณออกมาใหม่แล้ว อีเกิลเฟซที่เป็นกัปตันบนเครื่องบินก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธอมากนัก เขาพูดเพียงแค่สองประโยคว่า
‘พีซอาร์ครับทราบ’
‘ขอบคุณมากนะ ภารกิจหลังจากนี้ต้องฝากพวกเจ้าด้วยล่ะ’
เหมือนว่านี่เป็นเรื่องที่ธรรมดาอย่างมากสำหรับเขา
ถ้าเธอไม่เอาตัวเลขพารามิเตอร์ที่เธอสังเกตการณ์ได้บอกอีกฝ่ายหรือว่าเลือกเส้นทางที่มันปลอดภัยมากกว่า…
ทันใดนั้นเวนดี้พลันกุมมือของเธอเอาไว้ เหมือนอีกฝ่ายจะมองออกถึงความเสียใจของเธอ “นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า อีเกิลเฟซรู้ดีว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร แล้วก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าไม่เป็นเพราะพีซอาร์คดึงดูดความสนใจของศัตรูจำนวนมากเอาไว้ ความเสียหายของอัศวินอากาศคงจะยากที่จะประเมินได้ แจ้งให้พวกเขาถอยออกมาจากพื้นที่ระเบิดแล้วเตรียมพร้อมรับแรงปะทะเถอะ”
ซิลเวียรู้ว่าอีกฝ่ายพูดถูก การทำศึกบนสนามรบที่ศัตรูเป็นฝ่ายได้เปรียบในเรื่องจำนวน การที่อัศวินอากาศสามารถอดทนมาจนถึงตอนนี้ได้นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เธอไม่อาจทำให้การตัดสินใจของอีเกิลเฟซต้องสูญเปล่าได้
“รับทราบ…”
เธอสูดหายใจแล้วกระตุ้นสติตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะส่งข้อความออกไปผ่านทางรูนและวิทยุไร้สาย ฝูงบินที่ได้รับคำสั่งพากันเลี้ยวออกมา แล้วใช้ประโยชน์จากความเร็วที่ได้เปรียบบินหนีออกมาจากสนามรบ ในเวลาเดียวกันนี่เอง ซิลเวียก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อ ไม่ใช่อัศวินอากาศทั้งหมดที่จะถอยหนีไป เธอเห็นฟิวรี่ออฟเฮฟเว่นสามลำบินเข้าไปหาเมืองจักรพรรดิของปีศาจ แทนที่จะหนีออกไปเหมือนกับคนอื่นๆ!
….
“เฮ้ เจ้ารู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไร!” เสียงตะโกนของฟินกิ้นดังขึ้นมาในหูฟังไม่หยุด “นี่ไม่ใช่การฝึกซ้อมนะ!”
“ข้าย่อมต้องรู้ว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่!” กู๊ดเองก็ตะโกนขึ้นมา ในขณะที่พูด เขาก็ยิงอสูรสยองตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามาทิ้งไป “ถ้าทุกคนบินออกไปล่ะก็ ศัตรูจะต้องสังเกตเห็นระเบิดที่ถูกโยนลงมาจากพีซอาร์คแน่ ถึงแม้การเปลี่ยนวิถีของมันจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าสุดท้ายมันจะเกิดอะไรขึ้น! ถ้าไม่เชื่อเจ้าก็ลองดูเจ้านั่นสิ เห็นได้ชัดว่าเขาก็คิดเหมือนข้า!”
ที่กู๊ดดึงดันที่จะอยู่ในพื้นที่โจมตีตอนแรกก็เป็นเพราะเขากังวลว่าปีศาจอาจจะสังเกตเห็นระเบิดที่ถูกโยนลงมาจากข้างบน แล้วก็พยายามหยุดมันไม่ให้ตกลงไปบนพระผู้สร้าง
ระเบิดลูกที่สองหนักถึงสี่ตัน ด้านในติดตั้งหินอาญาสิทธิ์เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการขว้างหอกหรือว่าความสามารถของหินเวทมนตร์ก็ยากที่จะทำอะไรมันได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่ามันต้องระเบิดภายในพื้นที่ใจกลางของเมืองลอยฟ้าเท่านั้นถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และนี่ก็เป็นจุดที่ถูกเน้นย้ำอยู่หลายรอบในตอนที่วางแผนการรบ ถึงอสูรสยองคิดอยากจะไล่ตามมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ใดๆ ในโลกมันก็ไม่แน่ ถ้าเกิดมีปีศาจบังเอิญไปขวางอยู่บนเส้นทางที่มันร่วงตกลงมาพอดี ผลลัพธ์ที่ออกมามันคงจะเปลี่ยนไปจากเดิม
และเขาก็คือผู้ปกป้องในชั้นสุดท้ายนี้
ที่น่าเสียดายก็คือเขาไม่ได้เป็นคนเดียวที่คิดได้ถึงจุดนี้ ยังมีคนที่ลงมือเร็วกว่าเขาอยู่ เกรงว่าอีกฝ่ายคงบินตามมาตั้งแต่ตอนนี้ระเบิดลอยออกมาจากตัวเครื่องบินแล้ว
และคนๆ นั้นก็คือแมนเฟล แคสตีน
ความจริงเขาเองก็สังเกตเห็นเครื่องบินของแมนเฟลก่อน ถึงจะมองเห็นระเบิดที่กำลังลอยละลิ่วลงมาท่ามกลางความวุ่นวาย
ฟิวรี่ออฟเฮฟเว่นสามลำตั้งขบวนเป็นรูปสามเหลี่ยมบินไล่ตามลูกระเบิด เสียงเครื่องยนต์แทบจะดังทะลุที่ครอบหูเข้ามา ในเวลานี้กู๊ดมองเห็นแม้กระทั่งปีกช่วยทรงตัวที่ติดอยู่ด้านหลังลูกระเบิด
หากเป็นเฮฟเว่นเฟลมรุ่นก่อนหน้านี้ เกรงว่าเครื่องบินคงจะหลุดออกเป็นชิ้นๆ จากการบินด้วยความเร็วสูงแบบนี้แล้ว
โชคดีที่การบินไล่ตามนี้ใช้เวลาไม่นานนัก หลังกำจัดอสูรสยองสองตัวที่พยายามจะเข้ามาใกล้ทิ้งไป รอยแตกขนาดใหญ่บนยอดหอคอยทรงพีระมิดที่อยู่บนพระผู้สร้างก็ปรากฎขึ้นตรงหน้า
………………………………………………………………………….