บทที่ 2889 แผนการ
อินหมิงจูถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังคงมีความหวังในตัวฟั่นเชียนซื่อสูงยิ่ง “เช่นนั้นเมื่อใดเจ้าถึงจะออกหน้าทวงอำนาจให้เสด็จพ่อของข้าเล่า? ข้าเห็นท่าทางยโสโอหังเช่นนั้นของผู้สำเร็จราชการแล้วหงุดหงิดนัก ยังมีบุตรสาวคู่นั้นของเขาอีก เป็นแค่ท่านหญิงชัดๆ ทุกวันล้วนถูกคนพะเน้าพะนอเชิดชูประหนึ่งเป็นองค์หญิง บุตรชายผู้ไร้แก่นสารคนนั้นของเขาก็ทำให้ผู้อื่นขยะแขยงยิ่ง!”
“วางใจเถอะ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ข้ามีแนวทางจัดการเป็นของตัวเอง เมื่อถึงเวลาแล้ว ข้าจะต้องออกหน้าแน่ คงจะไม่นานเกินไปหรอก”
เมื่ออินหมิงจูได้รับได้รับน้ำแกงไก่อันหอมหวานชามนี้จากเขาแล้ว ดวงหน้าเฉิดฉันก็เผยรอยยิ้มออกมา ดวงตาฉายแววอ่อนไหวอาวรณ์ “เชียนซื่อ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะช่วยเหลือข้า ได้รู้จักเจ้าช่างดีจริงๆ!”
ฟั่นเชียนซื่อยิ้มน้อยๆ ยกมือลูบศีรษะนาง “เด็กโง่ ถึงแม้ข้าจะไม่ได้ชมชอบเจ้าในแบบของชายหญิง แต่ก็เห็นเจ้าเป็นสหายจริงๆ ปฏิบัติด้วยเหมือนน้องสาวแท้ๆ เจ้าได้รับความอยุติธรรม ข้าย่อมต้องช่วยเหลือเจ้าอยู่แล้ว”
อินหมิงจูกัดริมฝีปาก พยักหน้า หันหลังหมายจะจากไป
จู่ๆ ฟั่นเชียนซื่อเอ่ยถามอีกประโยคว่า “สตรีนางนั้นที่อยู่ข้างกายตี้ฝูอี อยู่ร่วมกับเขาทั้งวันทั้งคืนเลยหรือ?”
อินหมิงจูเอ่ยตอบ “พวกเขารักใคร่กันมากจริงๆ ได้ยินว่าใกล้จะวิวาห์กันแล้ว ขอเพียงตี้ฝูอีไม่เข้าวังมาพบเสด็จพ่อของข้า ก็จะอยู่กับนางทั้งวันทั้งคืน กลางวันท่องเที่ยวด้วยกัน กลางคืนร่วมห้องนอน คาดว่าคงจะมีสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากันจริงๆ ไปแล้ว! เจ้าไม่รู้หรอกว่านังแพศยาเมิ่งหลิวชิงคนนั้นโมโหเพราะเรื่องนี้มากแค่ไหน อยากจะสับสตรีที่เรียกว่าอาจิ่วผู้นั้นเป็นหมื่นๆ ชิ้นใจแทบขาดแล้ว…”
เมิ่งหลิวชิงก็คือธิดาคนเล็กของผู้สำเร็จราชการ ท่านหญิงน้อยผู้นั้น
อินหมิงจูเห็นนางขัดนัยน์ตามานานแล้ว บัดนี้จึงอดใจไม่ไหวเอ่ยเพิ่มไปอีกสองประโยค “เมิ่งหลิวชิงอาศัยรูปโฉมอันงดงามที่มีอยู่เพียงไม่กี่ส่วน เอาแต่พูดว่าถ้ามิใช่ยอดคนอันดับหนึ่งของหกภพจะไม่แต่งด้วย เมื่อตี้ฝูอีไปถึง นางก็ตกหลุมรักทันที ปักจิตหมายใจจะออกเรือนกับเขา พยายามหาข้ออ้างไปเข้าใกล้ตี้ฝูอี จนปัญญาที่ตี้ฝูอีไม่สนใจนางเลยสักนิด แถมยังไม่เสแสร้งถนอมน้ำใจยิ่งนัก หักหน้านางอยู่หลายครั้ง ทำให้ผู้อื่นเห็นแล้วสำราญบานใจโดยแท้”
ฟั่นเชียนซื่อส่ายหน้านิดๆ เขาไม่เชื่อว่าตี้ฝูอีจะหลงรักหญิงสามัญนางหนึ่งเข้าจริงๆ บางทีตี้ฝูอีอาจจะใช้สตรีนางนั้นเป็นยันต์กันดอกท้อของเขาเท่านั้น…
เพียงแต่ ตี้ฝูอีไม่เข้าใกล้สตรีมาโดยตลอด หากว่าเพียงใช้เป็นยันต์กันภัย เขาจำเป็นจะต้องร่วมห้องนอนกับสตรีนางนั้นด้วยหรือ?
หรือว่าจะหลงรักเข้าจริงๆ…
จากนั้นก็ส่ายหน้าอีกครั้ง ช่างเถิด หากว่าตี้ฝูอีหลงรักสตรีที่เรียกว่าอาจิ่วผู้นั้นจริงๆ เขาก็เบาใจได้แล้ว
อย่างน้อย ศัตรูหัวใจของเขาก็ลดลงไปหนึ่งคนแล้ว…
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด สัญชาตญาณของเขาจึงรู้สึกอยู่เสมอว่า ตี้ฝูอีมิใช่เป็นเพียงศัตรูในสายงานของเขาเท่านั้น ยังเป็นศัตรูหัวใจที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาด้วย
ตอนนี้พอได้ยินว่าอีกฝ่ายมีรักอื่นแล้ว เขาก็โล่งอก
หรือเขาควรจะส่งเสริมสองคนนั้นให้มากกว่านี้?
เขาพลันตวัดฝ่ามือ ของเหลวสีชมพูอ่อนขวดหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือเขา สูดดมเบาๆ คราหนึ่ง หยักริมฝีปากนิดๆ
ไม่ว่าสองคนนั้นจะรักกันด้วยใจจริงก็ดี เล่นละครก็ช่าง ในเมื่อพวกเขานอนด้วยกันแล้ว เขาก็ต้องหาทางทำให้พวกเขากลายเป็นเรื่องจริงให้ได้!
อาจารย์ของเขารักความสะอาด หากว่าตี้ฝูอีร่วมประเวณีกับหญิงอื่นไปแล้วจริงๆ กู้ซีจิ่วจะต้องไม่ยินยอมพัฒนาความสัมพันธ์อันใดกับเขาเป็นแน่ ต่อให้ตี้ฝูอีกลายเป็นเจ้าแห่งหกภพภูมิไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว…
เขาตบมือเล็กน้อย มีควันเขียวสายหนึ่งร่อนเข้ามาจากนอกหน้าต่าง สั่นไหวอยู่บนพื้น กลายร่างเป็นเด็กชายคนหนึ่ง ค้อมเอวทำความเคารพเขา
ฟั่นเชียนซื่อส่งขวดยาในมือให้เด็กชายคนนั้น กระซิบสั่งการสองประโยค เด็กชายคนนั้นร้อง ‘อ่อ’ คราหนึ่ง หันหลังจากไปเลย
ฟั่นเชียนซื่อมองทิศทางที่เด็กชายคนนั้นหายลับไป ดีดนิ้วเบาๆ คราหนึ่ง ยิ้มแวบหนึ่ง
————————————————————————————-
บทที่ 2890 แผนการ 2
นี่คือยาที่เขาเพิ่งคิดค้นขึ้นมาในช่วงนี้ ไร้สีไร้กลิ่น ละลายน้ำ ผู้ใดก็สัมผัสไม่ได้ และชิมไม่รู้รส
ยานี้ทันทีที่คนดื่มลงไป ต่อให้มีคุณธรรมสูงส่งปานใดก็จะกลายเป็นหมาป่า…
และมีผลกับบุรุษเท่านั้น
ส่วนเด็กชายคนนั้น ก็เป็นเผ่าพันธุ์ประหลาดที่ฟั่นเชียนซื่อเก็บมาเลี้ยงยามที่เดินทางท่องหกภพ มิใช่เซียนมิใช่มาร มิใช่ปีศาจ มิใช่อสูร สามารถจำแลงกายเป็นผู้ใด หรือสิ่งใดก็ได้
สันทัดการปลอมแปลงเป็นที่สุด แปลงเป็นมังกรก็คล้ายมังกร แปลงเป็นเสือก็คล้ายเสือ ไม่ว่าจะแปลงร่างเป็นสิ่งใดล้วนเหมือนร่างต้นแบบทุกประการ
และในครั้งนี้ สิ่งที่เขาต้องจำแลงเป็นเด็ก คือเด็กรับใช้ข้างกายของตี้ฝูอี
แน่นอน เผื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับได้ เด็กรับใช้ที่เขาจำแลงกายเป็น จึงมิใช่เด็กรับใช้คนสนิทของตี้ฝูอี แต่เป็นเด็กรับใช้ที่จัดการเรื่องจิปาถะบางอย่าง
ตอนที่เพิ่งสยบ ‘สิ่ง’ นี้ได้ ฟั่นเชียนซื่อคิดจะศึกษาองค์ประกอบพิเศษของสิ่งนี้ดูเช่นกัน อยากเห็นว่าที่แท้มีความแตกต่างตรงไหนกันแน่ที่ทำให้มันมีความพิเศษเช่นนี้ กลับคาดไม่ถึงเลยว่า ‘สิ่งนี้’ กลับจงรักภักดีต่อเขา สั่งให้ทำอะไรก็ทำตามนั้น
ฟั่นเชียนซื่อพลันบังเกิดความคิด ส่งมันไปเป็นสายสืบ
อย่างเขาอยากรู้เรื่องของผู้ใด ก็จะส่งสายสืบผู้นี้ไปอยู่ข้างกายคนผู้นั้น สืบเกี่ยวกับคนผู้นั้นจนกระจ่างรู้แจ้ง หลายปีมานี้ มันยังไม่เคยทำพลาดเลย ได้รับความไว้วางใจจากฟั่นเชียนซื่ออย่างลึกล้ำ
เชื่อว่าครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน มันคงทำภารกิจที่เขามอบหมายให้ได้ลุล่วงเช่นเดิม
….
ผู้สำเร็จราชการแห่งภพมารโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง!
จอมมารที่เป็นเหมือนซาลาเปานุ่มนิ่มปล่อยให้เขาบีบคลึงได้ตามใจจู่ๆ ก็แข็งข้อขึ้นมา ปฏิเสธการตัดสินใจเรื่องหนึ่งของเขาในท้องพระโรง ถึงขั้นที่มีขุนนางใหญ่บางคนสนับสนุนญัตติ ยืนอยู่ฝ่ายของจอมมารด้วย
ผู้สำเร็จราชการที่กุมอำนาจเอาไว้มานานหลายปีถูกท้าทายแล้ว ย่อมพิโรธอย่างยิ่ง มีปากเสียงกับจอมมารภายในพระตำหนักหลวง
ด้วยความโกรธขึ้ง เกือบจะใช้ดาบมารฟันจอมมารเข้าเสียแล้ว!
ถูกขุนนางในท้องพระโรงเสี่ยงชีวิตเข้าสกัดไว้ ผู้สำเร็จราชการสะบัดแขนเสื้อจากไปเลย เมื่อกลับไปถึงจวนก็ยังคงโกรธขึ้งเคืองขุ่นอยู่
“ฝ่าบาทคงจะตอบรับการเกื้อหนุนจากตี้ฝูอีแล้ว ด้วยเหตุนี้ถึงได้กล้ากระด้างกระเดื่องต่อท่านอ๋องเช่นนี้!”
“ใช่แล้ว ไม่กี่วันมานี้ตี้ฝูอีล้วนเข้าวังไปพบฝ่าบาทอย่างส่วนตัว จะต้องหารือกลยุทธ์สำหรับต่อกรกับท่านอ๋องเป็นแน่”
“ท่านอ๋อง ในใจของฝ่าบาทอาจจะไม่พอใจท่านอ๋องมานานแล้ว ตอนนี้ได้รับการสนับสนุนจากตี้ฝูอีแล้ว เกรงว่าวันหน้าคงจะคิดร้ายต่อท่านอ๋อง ท่านอ๋องจะต้องวางแผนรับมือไว้แต่เนิ่นๆ นะขอรับ”
ณ เรือนลับหลังหนึ่งภายในจวนของผู้สำเร็จราชการ เหล่าขุนนางที่ภักดีต่อผู้สำเร็จราชการแทนพากันพูดคุยออกความเห็นต่อหน้าผู้สำเร็จราชการ
ผู้สำเร็จราชการมีสีหน้าทะมึนไม่เอ่ยวาจา ทว่าแววสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาอยู่เนืองๆ
“พวกเจ้าว่าตี้ฝูอีจะส่งเสริมฝ่าบาทจริงๆ นะหรือ? ผู้น้อยได้ยินมาว่าตี้ฝูอีผู้นี้ช่วยเหลือเพียงกษัตริย์ผู้ปราดเปรื่อง แต่ฝ่าบาท…พวกเจ้าก็รู้ๆ กันอยู่ เกรงว่าเขาคงจะเข็นไม่ขึ้นแล้ว” มีบางคนเอ่ยข้อสงสัยขึ้นมา
“กษัตริย์ผู้ปราดเปรื่อง?” มีบางคนหัวเราะหยัน “สกุลอินมีเสียที่ไหน! จอมมารมีหนึ่งโอรสหนึ่งธิดา องค์ชายน้อยเพิ่งจะสามชันษา อายุน้อยเกินไป ยังเป็นช่วงวัยที่ไม่เข้าใจอันใดเลย องค์หญิงก็ไม่มีความพิเศษเลยเช่นกัน ถึงขั้นที่พระอนุชาอินจิ่วซือก็เป็นคุณชายเสเพลคนหนึ่ง ใช้การไม่ได้ ถ้าตี้ฝูอีต้องการจะสร้างอำนาจในภพมาร เขาจะหนุนใครได้เล่า? ก็มีแต่จอมมารผู้เดียวแล้ว!”
“น่าแปลกนะ ท่านอ๋องของพวกเราก็ปราดเปรื่องเลื่องกลยุทธ์ ซ้ำยังมีความสามารถ เหตุใดตี้ฝูอีถึงไม่ยอมสนับสนุนท่านอ๋องของพวกเราเล่า?” มีคนไม่พอใจ
“นี่ยังมีอะไรให้แปลกใจอีก? ตี้ฝูอีนี้น่าจะต้องการจะเป็นราชันผู้ไร้มงกุฎของหกภพภูมิ ถ้าเขาคิดจะหนุนก็ต้องหนุนใครสักคนที่เขาสามารถควบคุมได้ แต่ท่านอ๋องของพวกเราเดิมทีก็เป็นผู้กุมอำนาจของภพมารตัวจริงอยู่แล้ว ไหนเลยจะต้องให้เขามาชี้ไม้ชี้มืออีก? เขาย่อมทราบถึงจุดนี้ดี เขาไม่เพียงแต่จะไม่เกื้อหนุนท่านอ๋องของพวกเราเท่านั้น เกรงว่าจะลอบวางแผนเล่นงานด้วย…”