บทที่ 2891 แผนการ 3
เนื่องจากทุกคนที่นี่ล้วนเป็นคนกันเองทั้งนั้น พวกเขาย่อมพูดจากันอย่างไร้ขีดจำกัด
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ตรงมุมห้อง มองขุนนางของภพมารเหล่านั้นคุยจ้อกันอยู่ที่นี่อย่างสบายอารมณ์ แต่ละคนฮึกเหิมกันยิ่ง
เธอเร้นกายแล้วเคลื่อนย้ายเข้ามา ไม่มีใครพบตัวเธอ เธอจึงรับฟังเสียงจอแจอยู่ที่นี่อย่างเป็นสุข
ฟังความกังวลสารพัดของพวกเขาในที่นี้ ยิ่งพูดยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายทุกคนก็คิดเห็นตรงกันว่า แทนที่จะนั่งรอความตายอยู่ที่นี่ มิสู้ชิงลงมือก่อน ปลดจอมมารเสีย แล้วสถาปนาจอมมารองค์ใหม่ขึ้น
เดิมทีผู้สำเร็จราชการก็มีความคิดเช่นนี้อยู่แล้ว พอได้ยินทุกคนกล่าวแบบนี้ เช่นนั้นย่อมต้องผลักเรือตามน้ำ ตอบตกลง
เพียงแต่ เขายังคงแสดงความคิดประการหนึ่งออกมาอย่างเป็นกังวล “ถึงอย่างไรฝ่าบาทก็เป็นจอมมารมาเนิ่นนาน ได้ลิ้มรสชาติหวานหอมของการเป็นผู้อยู่ในจุดสูงสุดแล้ว แล้วเขาจะยอมหลีกทางได้อย่างไร? เกรงว่าถ้าบีบคั้นไปเขาคงกลายเป็นหมาจนตรอก ร่วมมือกับตี้ฝูอีเร็วขึ้นกว่าเดิม…ตัวข้าคนเดียวน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ทุกท่านต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของภพมารด้วย หากฝ่าบาทถามไถ่เอาความขึ้นมา เกรงว่าทุกท่านล้วนจะถูกเขาประหารกันหมด…”
“จอมมารโฉดเขลา เขายังคงกระทำเรื่องนี้ออกมาได้ จริงๆ! ตามความเห็นของผู้น้อย ถ้าจะทำก็ทำให้ถึงที่สุดเสียเลย …” ขุนพลคนนั้นทำมือเป็นสัญลักษณ์ ‘เชือด’
ทุกคนต่างพากันพยักหน้า ในเมื่อคนเหล่านี้สามารถไต่เต้ามาถึงตำแหน่งในวันนี้ได้ ย่อมมิใช่ตะเกียงที่ขาดน้ำมันอยู่แล้ว และไม่ใช่คนดีเช่นกัน
พวกเขาหารือเพื่อกำหนดแผนการลอบสังหารจอมมารอย่างรวดเร็วยิ่ง และหารือกันเพื่อกำหนดตัวคนที่แต่งตั้งไปแล้วผู้สำเร็จราชการจะควบคุมบงการได้…ก็คือพระโอรสเยาว์วัยของจอมมาร
พระโอรสเยาว์วัยจะฉลาดหรือไม่ มิได้อยู่ในแผนการพิจารณาของพวกเขาเลย พวกเขาเพียงต้องการหุ่นเชิดที่เชื่อฟังคนหนึ่ง และเด็กน้อยก็ควบคุมได้ง่ายที่สุดแล้ว
กู้ซีจิ่วฟังแผนการที่พวกเขาค่อยๆ เผยออกมา อดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนใจ
แผนการ ‘ยืมดาบสังหารคน’ นี้ของตี้ฝูอีเลิศล้ำโดยแท้
เขาไปเยี่ยมคารวะจอมมารมาสามครั้งแล้ว ก่อให้ผุ้สำเร็จราชการมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้ บังเกิดความคิดลอบปลงพระชนม์…
กำจัดอุปสรรคออกไปให้อินจิ่วซืออย่างง่ายดาย
ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมจริงๆ!
กู้ซีจิ่วกดยันต์บันทึกเสียงในมือเบาๆ ยิ้มแวบหนึ่ง เธอบันทึกบทสนทนาทั้งหมดของคนพวกนี้เอาไว้หมดแล้ว เป็นหลักฐานเอาผิดชั้นดีอย่างหนึ่ง
อื้ม ต่อให้เธอไม่ต้องใช้ฐานะของตัวเอง ก็สามารถช่วยทำงานบางอย่างให้เขาได้ ถือเป็นการตอบแทนเขา
เธอมองไปรอบๆ การคุ้มกันของที่นี่เข้มงวดยิ่งนัก หากว่าเธอไม่มีวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาประกอบกันวิชาเร้นกาย เกรงว่าคงเข้ามาไม่ได้เช่นกัน
และเนื่องจากขุนนางเหล่านี้ รู้สึกว่าที่นี่ปลอดภัยอย่างยิ่ง ถึงได้พูดจากันอย่างไร้ขอบเขตเช่นนี้ ทำให้เธอจับจุดได้
ในเมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว กู้ซีจิ่วก็คร้านจะอยู่ที่นี่ต่อไป พลันหมุนกายเคลื่อนย้ายจากไป
ผู้คนในที่นี้ไม่มีทางรู้เลยว่าเธอเคยมาเยือน
แน่นอน ใจความในช่วงหลังที่เกี่ยวข้องกับตัวเธอกู้ซีจิ่วก็ไม่ได้ยินด้วย…
….
ตอนที่กู้ซีจิ่วกลับไปถึงก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ตอนที่เธอปรากฏตัวขึ้นภายในห้อง พบว่าตี้ฝูอีก็อยู่ด้วย บนโต๊ะมีอาหารเลิศรสบางอย่างอยู่
กู้ซีจิ่วเหลือบมองแวบหนึ่ง ไม่เลวเลย ล้วนเป็นของโปรดของเธอทั้งสิ้น
เมื่อเห็นนางโผล่มา ตี้ฝูอีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ไปที่ใดมาหรือ?”
กู้ซีจิ่วยิ้มละไม “ออกไปเดินเล่นน่ะ มีสุราดีๆ หรือไม่?”
ดวงตานางหยีโค้ง หัวใจตี้ฝูอีเต้นแรงนิดๆ รอยยิ้มของนางดั่งมีมนต์เสน่ห์ สามารถทำให้เขาถวายจิตถวายใจเพื่อรอยยิ้มนี้ได้…
อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเช่นกัน หยิบน้ำเต้าสุราใบหนึ่งออกมาจากความว่างเปล่า “มี ดื่มสิ่งนี้เถอะ”
รินให้นางจอกหนึ่ง กู้ซีจิ่วไม่ได้พบเจอสุรามาหลายวันแล้ว ยามนี้พอได้กลิ่นสุรา หนอนตะกละก็บิดตัวขึ้นมา ยกขึ้นมาดื่มอึกใหญ่
————————————————————————————-
บทที่ 2892 เมามาย
กู้ซีจิ่วไม่ได้พบเจอสุรามาหลายวันแล้ว ยามนี้พอได้กลิ่นสุรา หนอนตะกละก็บิดตัวขึ้นมา ยกขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ ดื่มด่ำกับรสชาติเล็กน้อย “อ่อนไปหน่อย” อันที่จริงเธอชอบสุราดีกรีแรง
ตี้ฝูอียิ้ม “สุรานี้เหมาะกับท่านแล้ว แถมยังมีดีกรีเพียงพอแล้ว”
ทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ดื่มกันอย่างเจ้าจอกข้าจอก แถมยังดื่มกันอย่างถูกคอยิ่ง
กู้ซีจิ่วก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีวันที่ตนสามารถอยู่ร่วมกับตี้ฝูอีอย่างสงบสุขเช่นนี้ได้ ในช่วงหลายวันมานี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอคล้ายว่าเขาจะเก็บเขี้ยวเล็บเข้าไปแล้ว ไม่ชมชอบหาเรื่องเธอถึงเพียงนั้นอีก และดูแลเธอเป็นอย่างดี เมื่อมีเวลาว่างก็จะพาเธอไปท่องภพมาร
ถึงแม้ตี้ฝูอีจะบอกไว้แล้วว่า พลอดรักกับเธอเช่นนี้เพื่อให้คนอื่นเห็น เป็นการเล่นละคร
แต่กู้ซีจิ่วยังคงรู้สึกว่าวันเวลาเช่นนี้น่าพึงใจยิ่ง ค่อนข้างละโมบอยู่บ้างรางๆ
ความจริงที่เธอมายังภพมารก็มีเป้าหมายของตัวเองอยู่เช่นกัน ต้องการจะมารวบรวมหินผลึกชนิดหนึ่ง
คนธรรมดาเพียงนึกว่าหินผลึกชนิดนี้งดงามชวนมอง มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าหินผลึกชนิดนี้เป็นสื่อกลางที่คอยรวบรวมไอวิญญาณที่ค้ำจุนฟ้าดิน และเป็นตัวหมากที่แท้จริงของผังหมากดารา อีกไม่นานนัก เธอก็สมควรจะถ่ายทอดศาสตร์ผังหมากดาราที่แท้จริงให้แก่ฟั่นเชียนซื่อได้แล้ว
และในการร่ำเรียนศาสตร์ผังหมากดาราแขนงนี้ จะต้องจิตใจสงบนิ่งมีสมาธิ ห้ามวอกแวกเห็นแก่ตัว มิเช่นนั้นจะถูกธาตุไฟเข้าแทรกได้ง่ายยิ่ง ล้มเหลวในด่านสุดท้าย
ไม่กี่วันนี้หลังจากที่มาถึงภพมาร ตี้ฝูอียุ่งมากจริงๆ เวลาที่เขาออกไปทำธุระข้างนอก กู้ซีจิ่วก็จะไปรวบรวมศิลาวิญญาณชนิดนี้ การรวบรวมสิ่งนี้ยังคงสิ้นเปลืองพลังวิญญาณยิ่งนัก หนึ่งวันก็รวบรวมได้ประมาณสามสิบก้อน และเธอจะต้องรวบรวมเป็นจำนวนสามร้อยหกสิบก้อน ดังนั้นเธอจึงไม่รีบร้อนออกไปหาเช่นกัน
พวกเขามาถึงประมาณสิบวันแล้ว วันเวลายังคงผ่านพ้นไปอย่างสุขสมบูรณ์ยิ่ง
เป็นครั้งแรกที่กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าการใช้ชีวิตเช่นนี้ก็นับว่ามีรสชาติดี
ปกติแล้วตี้ฝูอีล้วนกลับมากินข้าวกับเธอในตอนเที่ยง บางทีก็เป็นในจวนรับรอง และบางทีทั้งสองก็ออกไปกินข้างนอกกัน ทำเช่นนี้เพื่อแสดงความรักอันหวานชื่นกลมเกลียว
กู้ซีจิ่วรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า ตี้ฝูอีช่างทุ่มเทให้กับหน้าที่ยิ่งนักจริงๆ! ไม่ว่าจะกระทำเรื่องใดล้วนจัดการอย่างมีระเบียบแบบแผน ทำให้เธอเลื่อมใสยิ่ง
สุราต้องดื่มให้กรึ่มๆ สักหน่อยถึงจะดีที่สุด ครั้งนี้กู้ซีจิ่วก็ดื่มสุราจนกรึ่มๆ เล็กน้อยแล้ว เธอรู้สึกพึงพอใจมาก พลันยื่นมือโยนยันต์บันทึกเสียงแผ่นนั้นให้เขา “เอ้า มีของที่น่าแปลกใจอย่างหนึ่งมาให้เจ้า”
ตี้ฝูอีกดเปิด ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาร่อนลงบนร่างนาง “ท่านบุกไปที่จวนของผู้สำเร็จราชการเพียงลำพังหรือ? องครักษ์ของเขาคุ้มกันที่นั่นอย่างหนาแน่น มีค่ายกลสารพัดอย่าง อยู่มากมายนับไม่ถ้วน…”
กู้ซีจิ่วยิ้ม เชิดคางขึ้นนิดๆ “บนโลกนี้ไม่มีค่ายกลใดที่สามารถสกัดขวางเปิ่นจุนได้ และไม่มีที่ไหนที่เปิ่นจุนไปไม่ถึง วางใจเถอะ ข้าไปกลับที่นั่นอย่างราบรื่น ไม่มีผู้ใดพบเห็นข้า ไม่ทำให้เจ้าเสียงานหรอก”
“ข้าย่อมมิได้หวั่นเกรงว่าท่านจะทำเสียเรื่อง ข้าเกรงว่าท่านจะตกอยู่ในอันตราย…”
กู้ซีจิ่วอดยิ้มไม่ได้ “โง่งม ข้าเป็นเทพผู้ทรงสิทธิ์นะ เจ้าคิดว่าข้าบอบบางเหมือนกระดาษหรือไร? อีกอย่างเจ้าช่วยธุระข้าใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ ข้าตอบแทนเจ้าบ้างก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว”
ใช่แล้ว นางคือเทพผู้ทรงสิทธิ์…
มิใช่สตรีธรรมดา ความสามารถเหนือล้ำกว่าเขา เขากังวลเกินไปบ้างจริงๆ
บางทีอาจเป็นเพราะไม่กี่ครั้งนั้น ที่เขาได้พบนางล้วนเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอหมดท่าที่สุดทั้งสิ้น ดังนั้นสัญชาตญาณของเขาจึงต้องการจะดูแลนาง ไม่อาจให้นางเสี่ยงอันตราย…
เขามองดูนาง ดวงหน้าน้อยๆ ของนางแดงซ่าน ดวงตาหรี่ปรือนิดๆ ดูพร่าเลือนอยู่บ้าง ทว่าทรงเสน่ห์ยวนใจคน
อกของตี้ฝูอีพลันร้อนวาบ ละสายตาไปทันที ลูบศีรษะของนาง “ข้าไม่ต้องการสิ่งตอบแทนจากท่านหรอก เอาล่ะ สุรานี้ดีกรีแรงพอสมควร ท่านพักสักหน่อยเถอะ ตอนบ่ายไม่ต้องออกไปไหนอีกแล้ว”
กู้ซีจิ่วในสภาพกรึ่มสุราเล็กน้อยยังคงว่าง่ายยิ่งนัก