บทที่ 1864 คนที่ตายไปแล้ว

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1864 คนที่ตายไปแล้ว

 

ชั้นที่เจ็ดของถ้ําปีศาจคลั่งค่อนข้างกว้างใหญ่โดยเฉพาะในความคิดของผู้อมตะปู้และนักวางแผน

 

พวกเขาต้องคิดอย่างรอบคอบในทุกย่างก้าว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องอดทนต่อความขัดแย้งของพลังงานแห่งเต๋า

 

ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าใด มันก็ยิ่งยากล่าบากมากขึ้นเท่านั้น

 

ฟางหยวนรู้สึกเห็นใจผู้อมตะปู้และนักวางแผนเล็กน้อย

 

หากข้าไม่มีร่างทารกอมตะ ข้าต้องเลือกเส้นทางที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่สอดคล้องกับข้าเช่นกัน แต่เส้นทางสายนี้จะแคบลงเรื่อยๆ ยิ่งลึกเข้าไป ตัวเลือกก็ยิ่งน้อย

 

ฟางหยวนเดินไปสักพักก่อนจะหยุดเท้า

 

เส้นทางที่เขาเลือกถูกตัดขาด แต่โชคดีที่หลังจากผ่านส่วนนี้ไป เส้นทางที่เขาเลือกยังปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

ฟางหยวนชำเลืองมองผู้อมตะและนักวางแผนอย่างระมัดระวัง

 

คนทั้งสองถูกทิ้งไว้ข้างหลังและกําลังเผชิญหน้ากับความยากล่าบาก

 

พวกเขาลอบมองฟางหยวนเช่นกัน

 

ฟางหยวนแสร้งกัดฟันและเดินต่อไปข้างหน้า

 

ในที่สุดเขาก็สามารถเอาชนะส่วนที่ยากลําบากและพบเส้นทางที่เหมาะสมอีกครั้ง นั่นทําให้ใบหน้าของเขาผ่อนคลายลง

 

“ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาสําหรับข้า แต่การแสดงละครใช้พลังงานมากกว่า” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขึ้นอยู่ภายใน

 

ผู้อมตะปู้กับนักวางแผนชําเลืองมองกันและกันจากระยะไกล

 

ความแข็งแกร่งของฟางหยวนเหนือกว่าความคาดหมายของพวกเขาไปแล้ว

 

แม้ฟางหยวนจะดูเหมือนกําลังพบกับช่วงเวลาที่ยากลําบากแต่เขายังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว หากเป็นผู้อมตะที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เขาอาจกระอักเลือดออกมาแล้ว

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปผู้อมตะกับนักวางแผนก็ถูกบังคับให้หยุดเดิน พวกเขามาถึงขีดจํากัดในที่สุด

 

ฟางหยวนยังเคลื่อนที่ต่อไปข้างหน้า เขาดูเหมือนเหน็ดเหนื่อยแต่เห็นได้ชัดว่าเขายังมีแรงเหลืออยู่อีกมาก

 

“ฟางหยวนเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ”

 

“เห้อ…เขามีมรดกของผู้อมตะระดับเก้ามากมาย เขาเป็นคนที่เอาชนะวังสวรรค์ซ้ําแล้วซ้ําอีก ไม่แปลกที่เขาจะประสบความสําเร็จ”

 

ผู้อมตะปู้กับนักวางแผนลอบพูดคุยและถอนหายใจด้วยความรู้สึกหมดหนทาง

 

“เช่นนั้นเราจะรอดูเขาอยู่ที่นี่ ข้าอยากเห็นว่าเขาจะเดินไปได้ไกลเพียงใด” นักวางแผนสูดหายใจลึก

 

ผู้อมตะปู้ลังเลก่อนถาม “เจ้าคิดว่าเขาจะสามารถเดินออกจากชั้นเจ็ดและเข้าสู่ชั้นแปดได้หรือไม่?”

 

“มันจะเป็นไปได้อย่างไร?” นักวางแผนปฏิเสธทันที แต่หลังจากไม่นาน เขาก็เปลี่ยนคําพูด “ความเป็นไปได้นี้มีไม่สูงนัก อย่างน้อยคนผู้หนึ่งต้องเดินไปหลายหมื่นก้าวเพื่อออกจากชั้นเจ็ด ระยะทางที่เราเดินได้ตอนนี้ยังไม่ถึงสิบในร้อยส่วน ฟางหยวนแข็งแกร่งมาก แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด ข้ารู้สึกว่าอาจมีเพียง ผู้อมตะระดับเก้าเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่ชั้นแปด”

 

“ผู้อมตะระดับเก้า…” ผู้อมตะปู้คิดก่อนกล่าว “เราควรบอกฟางหยวนเกี่ยวกับเบาะแสที่ผู้อมตะระดับเก้าหลายคนมาที่นี่หรือไม่?”

 

“อืม” นักวางแผนพยักหน้า “รอจนกว่าฟางหยวนจะถึงขีดจํากัด เราจะบอกข้อมูลนี้กับเขาเมื่อเขากลับมา”

 

นักวางแผนยอมรับความแข็งแกร่งของฟางหยวน การบอกข้อมูลนี้กับฟางหยวนจะกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาและทําให้เขาอยู่ในถ้ําปีศาจคลั่งต่อไป

 

ฟางหยวนเดินไปสักพักก่อนจะหยุดเล็กน้อย

 

“นี่เป็นตําแหน่งที่ข้าเห็นนักวางแผนครั้งก่อน” ฟางหยวนตรวจสอบพื้นที่

 

เขาพบว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งโลหะและเส้นทางแห่งปฐพีที่เคยอยู่ที่นี่หายไป มันแตกต่างจากเดิมอย่างสมบูรณ์

 

ฟางหยวนไม่แปลกใจเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าในชั้นที่เจ็ดสามารถเปลี่ยนแปลง

 

ทุกครั้งที่เสียงปีศาจดังขึ้น ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋จะเกิดความปั่นป่วน มันจะส่งผลกระทบต่อถปีศาจคลั่งทั้งหมด

 

ฟางหยวนยังเดินหน้าต่อไป

 

ผู้อมตะปู้และนักวางแผนมองเขาจากระยะไกล

 

เมื่อฟางหยวนก้าวข้ามตําแหน่งที่ไกลที่สุดที่นักวางแผนเคยไปถึง ช่วยไม่ได้ที่เปลือกตาของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาผู้นี้จะกระตุก

 

แม้เขาจะคาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริง เขาก็ยังรู้สึกถึงความสูญเสีย

 

“ข้าเป็นผู้นํากลุ่มที่เคยเดินไปได้ไกลที่สุด ข้าอาศัยอยู่ที่นี่มานานหลายร้อยปีและทุ่มเทกับสถานที่แห่งนี้มาตลอด แต่ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะถูกฟางหยวนเอาชนะได้อย่างง่ายดายเช่นนี้” นักวางแผนลอบถอนหายใจ

 

ความอิจฉา ความเกลียดชัง ความโกรธ ความขมขึ้น ความโศกเศร้า และอารมณ์ต่างๆปะทุขึ้นในใจของเขา

 

ความรู้สึกของผู้อมตะปู้ดีกว่านักวางแผนมากเพราะผลงานของเขาแย่ที่สุดท่ามกลางปีศาจอมตะทั้งสาม

 

เมื่อเห็นการแสดงออกของนักวางแผน ผู้อมตะปู่ถอนหายใจ เขากําลังจะปลอบโยนอีกฝ่ายแต่ในเวลานี้การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

 

เสียงปีศาจดังขึ้นอีกครั้ง!

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ผู้อมตะปัตกใจ

 

นักวางแผนตกใจเช่นกัน “เสียงปีศาจัดงขึ้นในเวลานี้ได้อย่างไร?”

 

ผู้อมตะกล่าว “การอนุมานครั้งก่อนของเจ้าถูกต้อง จังหวะของเสียงปีศาจเกิดความปั่นป่วน เราไม่สามารถจับจังหวะของมันได้อีกต่อไป รีบหนีกันเถอะ! ที่นี่อันตรายเกินไป!”

 

ใบหน้าของนักวางแผนปกคลุมไปด้วยเหงื่อ เขาตะโกนไปทางฟางหยวน “เสียงปีศาจดังขึ้นแล้ว ถอยเร็ว! เราต้องออกจากชั้นเจ็ดเดี๋ยวนี้!”

 

ฟางหยวนหันกลับไปมองพวกเขา

 

สองปีศาจอมตะสูญเสียความสงบและเร่งล่าถอยด้วยความตื่นตระหนก

 

“ดูเหมือนพวกเขาไม่มีความคิดที่จะทําร้ายข้า” ฟางหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

เมื่อเสียงปีศาจดังขึ้น ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋จะเกิดความปั่นป่วนโดยเฉพาะชั้นที่เจ็ดในสถานการณ์นี้ แม้ราชันมังกรจะอยู่ที่นี่ เขาก็ยังต้องเผชิญหน้ากับอันตรายร้ายแรง เขาจะอ่อนแอราวกับเด็กทารก ความตายเป็นผลลัพธ์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง

 

อาจมีเพียงผู้อมตะระดับเก้าที่สามารถต่อต้านสิ่งนี้

 

“เร็วเข้า เราเกือบถึงทางออกแล้ว!” ดวงตาของนักวางแผนส่องประกายด้วยความยินดี

 

“ข้าไปไม่ไหวแล้ว!” ผู้อมตะล้มลงบนพื้น

 

นักวางแผนกัดฟันกล่าว “อดทนไว้!”

 

ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด นักวางแผนไม่สนใจอันตรายและพยายามลากดึงผู้อมตะปู้ที่หมดสติไปแล้ว

 

ใบหน้าของนักวางแผนกลายเป็นซีดขาว เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขา แต่เขาไม่กล้าหยุดพัก เขาทําได้เพียงกัดฟันอดทนและลากตนเองกับผู้อมตะออกไปที่ชั้นหก

 

“เดี๋ยว ฟางหยวนอยู่ที่ใด? ก่อนจะออกจากชั้นเจ็ด เขาเสี่ยงหันหลังกลับ

 

“อันใด!?” ดวงตาของเขาเบิกกว้าง

 

เขาตกตะลึง

 

ฟางหยวนไม่ได้ล่าถอยแต่กลับเดินลึกเข้าไปอีก

 

“เจ้า เจ้า เจ้า!” นักวางแผนรู้สึกกระวนกระวายใจ

 

ฟางหยวนตอบกลับเสียงดัง “มันสายไปแล้วที่จะหลบหนี แต่ข้ามีทักษะลับ ข้ายังมีโอกาสรอดชีวิตเล็กน้อย การสํารวจที่นี่มีอันตรายถึงชีวิต แต่ข้าเตรียมใจมาแล้ว อย่ากังวล นักวางแผน ขาหวังว่าเราจะมีโอกาสพบกันอีกครั้ง!”

 

นักวางแผนเงียบ เขาต้องการกล่าวว่า โอ้ ฟางหยวน เจ้าเป็นคนที่ตายไปแล้ว แต่เขาไม่สามารถกล่าวมันออกมา

 

ในที่สุดเขายังกล่าวบางคํา “ฟางหยวน เราจะพบกันอีกอย่างแน่นอน!”

 

ถ้อยคําเหล่านี้มีความหมายลึกซึ้ง

 

ด้านหนึ่งเขาให้กําลังใจฟางหยวน ในทางกลับกันมันเป็นการบอกลาล่วงหน้า ในอนาคตเขาอาจตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับฟางหยวน พวกเขาอาจพบกันอีกครั้งหลังความตาย

 

ฟางหยวนยิ้ม “นักวางแผนผู้นี้เป็นมิตรจริงๆ”

 

ในชีวิตห้าร้อยปีของฟางหยวน นักวางแผนไม่ยินดีออกจากถ้ําปีศาจคลั่งขณะที่ผู้อมตะและเพิ่งซานถูกดึงเข้าสู่สงครามห้าภูมิภาค

 

อย่างไรก็ตามเพื่อปกป้องสหาย นักวางแผนจึงต้องออกจากถ้ําปีศาจคลั่งในที่สุด

 

แม้เขาจะเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่เขามีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ไม่ธรรมดา เขากลายเป็นปัญหาใหญ่สําหรับภาคกลางและวังสวรรค์

 

สามปีศาจอมตะจากถปีศาจคลังไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่พวกเขากลับมีมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าสมาชิกตระกูลของฝ่ายธรรมะ

 

หลังจากใช้เวลาร่วมกันและช่วยเหลือกันมานานหลายร้อยปี ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็มาถึงจุดที่สามารถเดิมพันชีวิตเพื่ออีกคน

 

ฟางหยวนมองร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ในป่วนแต่ยังรู้สึกสงบ

 

หลังจากทั้งหมดพวกมันไม่ส่งผลกระทบต่อเขาแม้แต่น้อย

 

ในความเป็นจริงฟางหยวนกระทั่งรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าก่อนหน้าเพราะตอนนี้นักวางแผนและผู้อมตะปู้จากไปแล้ว

 

เขาเผยรอยยิ้มบางและเดินไปข้างหน้าอย่างสบายอารมณ์

 

เขามองความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นและรู้สึกว่ามันเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่

 

‘ในอนาคตหากข้าต้องทิ้งมรดกเอาไว้เบื้องหลัง ข้าจะบันทึกฉากนี้เอาไว้และส่งต่อมั่นให้กับคนรุ่นหลังอย่างแน่นอน’ ฟางหยวนคิด