และตอนนี้ในห้องทำงานผู้อำนวยการ ไพบูลย์กำลังถูกปลายสายตะโกนด่าทออยู่
“ไพบูลย์ นี่คือสิ่งที่แกบอกว่ามีสัญญาณที่ดีขึ้นหรือ? เขากล้าไปพูดจาโอหังกับตระกูลไวท์แบบนั้น เขาดีขึ้นแล้ว? ไหนแกลองบอกฉันว่ามันดีขึ้นตรงไหน?!!”
เสียงตะคอกแหบๆที่ปะทุความเดือดดาล แทบจะทำให้แก้วหูของไพบูลย์แตก!
ตาเถ้าคนนี้ช่าง……
ไพบูลย์ต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูนิดหน่อย เมื่อเสียงตะคอกหยุดลง จึงจะพูดต่อ “คุณท่าน ใจเย็นๆก่อนนะ ฟังฉันก่อนนะ”
“แกจะพูดให้มันสวยหรูได้หรือไง?”
“ไม่ได้หรอก แต่ฉันสามารถบอกเรื่องราวให้นายฟังได้อย่างละเอียดนะ ใช่ หลานของนายพูดแบบนั้นกับคุณนายปัณฑาจริงๆ แต่ว่า มันจะโทษเขาก็ไม่ได้นะ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษลูกชายเขาที่แย่งหมอที่รับผิดชอบเฝ้าไข้ของเขาไปนะ”
ไพบูลย์อธิบายให้คุณท่านฟังอย่างอดทน
ตอนนี้ เขาเองก็ไม่มีวิธีมาทำให้คุณท่านหายโกรธได้แล้ว เรื่องนี้มันเละเทะเกินไป ไม่มีใครคาดคิด ว่าภรรยาของไวท์รอนจะบุกมาถึงที่นี่ แล้วลูกชายเขาก็ยังก่อเรื่องจะพาคนไปอีก
เพราะฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุด ก็คือเอาความผิดทั้งหมดโยนให้สองแม่ลูกนั้น!
และก็เป็นตามคาด เมื่อสิ้นคำพูด ไฟโกรธของไชยันต์ที่อยู่ปลายสายดับลงหน่อยแล้ว
“ทำไมเขาต้องแย่งหมอของเขาด้วย?”
“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ? ก็วันนั้นที่ลูกชายเขามาถึง พบว่ามะเร็งปอดขั้นสุดท้ายแล้ว ไม่เหมาะกับการผ่าตัด แล้วผู้ช่วยของฉันก็เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนด้วย ก็เลยให้เธอไปฝังเข็มให้หน่อย นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว”
“ฉันว่านะ เขาอาจจะถูกใจฝีมือของเธอละมั้ง ก็เลยอยากพาเธอไปอเมริกาด้วย”
ไพบูลย์วิเคราะห์อย่างจนปัญญา
สุดท้าย เมื่อเขาพูดจบ ไชยันต์ก็เริ่มด่าทอเขาอีกครั้งจากปลายสาย “นี่สมองแกมีปัญหาหรือเปล่า? รู้ทั้งรู้ว่าหมอคนนั้นเป็นคนรับผิดชอบหลานชายฉัน ยังจะให้เธอไปอยู่กับลูกชายของไวท์รอนอีก”
“ใช่ๆๆ เรื่องนี้ฉันจัดแจงไม่ดีเอง”
ไพบูลย์ไม่กล้าเถียงแม้แต่น้อย ยอมรับว่าตัวเองสมองมีปัญหาทันที
ไชยันต์ “……”
ยังคงมีความโกรธอยู่ แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่ได้มากเท่าตอนที่โทรมาทีแรกแล้ว
“เอาเถอะ ฉันรู้เรื่องแล้ว ไว้ฉันจะไปหาไวท์รอนเอง แต่ไม่ว่าอย่างไร ไอ้เหลือขอนั่นก็มีปัญหาอยู่ดี แกรู้ไหมว่าที่มันพูดหมายถึงอะไร?”
“หมายถึงอะไร?”
“มันอยากจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับไวท์รอนมีปัญหา ทำให้เขาไม่พอใจตระกูลเทวเทพของฉัน แล้วทำการบดขยี้ตระกูลเทวเทพในที่สุด!”
แต่ละคำที่ไชยันต์พูดออกมาจากสาย
ไพบูลย์นิ่งอึ้งไปเลย!
มันร้ายแรงขนาดนั้นเชียวหรือ?
ไอเย็นเอ่อล้นออกมาจากลำคอและดวงตาของเขา และแล้ว ก็เย็นไปถึงสันหลังจนทำให้ขนลุก
เขาเป็นเพียงแค่หมอคนหนึ่ง ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการวางอุบายแต่แรก และจะไม่ไปคิดด้วย
เพราะฉะนั้น หลังจากที่ได้ฟังเรื่องนี้แล้ว สาบานได้ ว่านอกจากคิดว่าแสนรักกำลังใช้ตระกูลเทวเทพไปกดตระกูลไวท์แล้ว นอกนั้น เขาก็คิดไม่ถึงแล้ว
ที่แท้ ยังมีการคิดแบบนี้ด้วยหรือเนี่ย
ไอ้เด็กเหลือขอนี่ มันโหดเหี้ยมจริงๆ!!
ไพบูลย์เหงื่อตก “ใจเย็นก่อนนะ ที่เขาทำแบบนี้ จะต้องเป็นเพราะถูกกระตุ้นจนขาดสติไปแน่ สองวันก่อนนายก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ? เขาดีขึ้นนะ ไม่ได้ลงมืออย่างบ้าคลั่งเลยนะ!”
“มันจะไปรับประกันอะไรได้หรือ? ไม่ได้ลงมือมั่วซั่ว ก็เพราะตอนนั้นมันไม่มีเป้าหมายที่จะลงมือน่ะสิ”
“ไชยันต์!!”
ไพบูลย์โมโหเสียแล้ว!
เขาคิดไม่ถึงว่า คนคนนี้จะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ เสียแรงที่เขาเป็นผู้ใหญ่ ในเมื่อเขาไม่เชื่อใจขนาดนี้ แล้วจะให้เขารักษาเขาทำไมกัน?
ฆ่าไปแต่แรกเลยก็สิ้นเรื่องไม่ใช่หรือไง?
ไพบูลย์โกรธมาก “ไชยันต์ นี่นายไม่ได้เชื่อว่าเขาจะกลับเป็นคนเดิมได้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม? นายสงสัยครั้งแล้วครั้งเล่า ที่จริงแล้ว นายลังเลในใจ ว่าจะฆ่าหรือไม่ฆ่าเขา? ใช่ไหม?”
ไพบูลย์พูดแทงใจถึงความคิดที่แท้จริงของคนคนนี้
ไชยันต์ได้ยินดังนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “นี่นายพูดบ้าอะไร? ฉันบอกตอนไหนว่าฉันไม่เชื่อ?”
ไพบูลย์หัวเราะอย่างเย็นชา “ใช่ นายไม่ได้บอก แต่พอมีอะไรเกิดขึ้นนิดหน่อย นายก็มาซักไซ้ทันที แล้วยังมีเจตนาจะฆ่าเขาเต็มเปี่ยมอีก มันก็ชัดเจนแล้วว่านายคิดแบบนี้”
“นาย…..”
“ฉันจะบอกให้นะไชยันต์ ที่เขากลายเป็นแบบนี้ ก็เพราะตระกูลเทวเทพของพวกนาย ตอนนี้นายไม่มีสิทธิ์จะมาทำแบบนี้กับเขา ต่อให้ตอนนั้นพ่อของเขาจะผิด แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา? เขาอยู่ดีมีสุขที่ตระกูลหิรัญชา คนเก่งกาจขนาดนั้น ครอบครองบริษัทธุรกิจชั้นนำที่ใหญ่โตขนาดนั้น แต่พวกนายยังจะบีบให้เขาเดินเส้นทางนี้ บีบให้เขากลายเป็นเหมือนคนบ้า มันต้องโทษใคร?”
ไพบูลย์ไม่เกรงใจอีกต่อไป ถือโทรศัพท์ไว้ แล้วพูดสิ่งที่เก็บไว้มานาน ออกมาทั้งหมด
ที่จริงเขาไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น
โดยเฉพาะคนที่มีอำนาจใหญ่โตในกำมือ
แต่ว่า วันนี้เขาทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เพราะเขาคิดไม่ตก คนตระกูลนี้ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนก่อการร้ายเองแท้ๆ แต่ทำไมสุดท้าย ทำเหมือนตัวเองเป็นผู้กอบกู้ล่ะ?
มีสิทธิ์อะไรกัน?
สิทธิ์ที่พวกเขาเป็นตระกูลราชวงศ์ที่สูงส่งงั้นหรือ?