บทที่ 733 หวานนิดหน่อย

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

เมื่อพูดจบ ทางปลายสาย ก็ไม่มีเสียงใดๆ ได้ยินเพียงแต่ เสียงของคลื่นกระแสไฟฟ้า ฟังแล้วทำให้คันหัวไปหมด

ไพบูลย์รู้ตัวอีกที……กลืนน้ำลาย

แย่แล้ว เมื่อกี้พูดติดลมไปหน่อย จนลืมไปเลยว่านี่เป็นตาเถ้าที่มือเปื้อนเลือดเต็มไปหมด

“คุณท่าน คือว่า……”

“แปะ!”

สายโทรศัพท์ ถูกวางไปทั้งแบบนั้น

ไพบูลย์ “……”

จบเห่แล้ว……

——

เมื่อเส้นหมี่กลับมาถึงยังที่พัก หาตัวดลธีพบแล้ว ทั้งคู่เองก็วิตกกังวลทั้งวัน

และดลธีเอง ก็จับตาดูทางโรงพยาบาลอยู่24ชั่วโมง

แต่ว่า สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ประหลาดใจคือ วันนี้ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆในโรงพยาบาลเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เห็นแม้แต่เงาไชยันต์เลย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเขาถึงยังไม่มา?”

“……ช่างเขาเถอะ ไม่มาก็ดีแล้ว เราสังเกตการณ์อย่างเงียบๆต่อไปก่อน”

ดลธีเห็นดังนั้น ก็ทำได้แค่ปลอบใจ

เส้นหมี่เองก็คิดว่าคงต้องเป็นแบบนี้ ขณะนี้ เช้าวันที่สอง เธอไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แล้วยังตรงดิ่งไปที่แผนกศัลยกรรม

“หมอคิตตี้ อรุณสวัสดิ์”

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ เอ๊ะ? ทำไมประวัติคนไข้ที่ห้องพักผู้ป่วยของคุณแสนรักถึงหายไปล่ะ?”

เส้นหมี่ที่มาถึงห้องทำงานของแพทย์ เพื่อมาเอาเอกสารผู้ป่วยที่ส่งมอบ พบว่าไม่มีเอกสารใบสั่งยาของแสนรักในวันนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

มีหมอคนหนึ่งหันหน้าไปหาเธอ “ใช่แล้ว เขาออกโรงพยาบาลวันนี้”

“อะไรนะ?”

เส้นหมี่ราวกับถูกฟ้าผ่าลง!

ออกจากโรงพยาบาล?

ชายคนนั้นจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว?!

เธอลนลาน แทบจะไม่ได้ดูเอกสารที่อยู่ในมือเลย เธอวางลงบนโต๊ะ แล้วออกจากห้องทำงานของแพทย์ วิ่งไปที่ห้องพักผู้ป่วยนั้น

และแล้ว เมื่อเธอมาถึง ห้องพักผู้ป่วยถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว และผู้ชายที่ปกติจะนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ในตอนนี้ ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว

แสนรัก

ทันใดนั้น ความหวาดกลัวที่ล้นหลามก็เข้าครอบงำ หัวใจของเธอ ราวกับว่าถูกอะไรบางอย่างกรีด เธอเจ็บจนตาแดงน้ำตาคลอ

เรียกว่าทันทีทันใดเลย เธอรีบก้าวเท้าตามลงไป

ไม่นะ เธอจะไม่ยอมให้เขาหายไปต่อหน้าต่อหน้าอีกแล้ว

เขาเป็นคนของเธอนะ

เธอเดินทางมาแสนไกล นำร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลนี้มา ก็เพื่อมาตามหาเขา ได้อยู่ด้วยกัน ไม่จากกันไปไหนอีก

เส้นหมี่เหมือนกับคนบ้า ตลอดทั้งทางวิ่งด้วยความรวดเร็วลงจากอาคาร

สุดท้าย เมื่อเธอมาถึงหน้าประตูโรงพยาบาล กลับพบว่า หน้าประตูใหญ่ที่คึกคัก รถเยอะมาก คน ก็ไม่น้อย

แต่ว่า กลับไม่มีเพียงแผ่นหลังของคนที่เขาต้องการหา

หาเขาไม่พบ และไม่เห็นรถตระกูลเทวเทพของพวกเขา เขาหายวับไปจากโรงพยาบาล ในขณะที่เธอไม่รู้เรื่องรู้ราว

ร่างกายของเส้นหมี่เซไปเซมา

ราวกับว่าในทันใดนั้น เมื่อความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงในใจค่อยๆลามไปบนร่างกาย เธอโอบกอดหน้าอกของตัวเอง แล้วค่อยๆโน้มตัวลง

จนสุดท้าย เธอก็นั่งลงบนขั้นบันไดที่หน้าประตูนั้น โค้งตัวจนเหมือนกับกุ้งฝอยตัวหนึ่ง

“คุณหมอคนนี้เป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือ?”

มีคนเดินผ่านเธอไป เมื่อเห็นสภาพของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

แต่ว่า ไม่มีใครตอบกลับ……

หญิงสาวในตอนนี้ นั่งอยู่ตรงนั้น มุดหัวของตัวเองเข้าไปที่เข่า ราวกับว่าหมดเรี่ยวแรงไปหมด แม้แต่จะลืมตา ก็ยังทำไม่ได้

จนกระทั่ง มีรถเข็นคันหนึ่งค่อยๆมาที่ข้างกายของเธอ

“นี่เธอกำลังทำอะไร?”

เสียงเย็นชา ราวกับแม่น้ำที่ไหลอย่างเงียบสงบในฤดูใบไม้ร่วง แฝงไปด้วยความหนาวเย็น แต่ว่า กลับน่าฟังและน่าดึงดูดอย่ามาก

เส้นหมี่สะดุ้งโหยง!

ราวกับเหวลึกที่มืดมิดจนไม่เห็นก้นบึ้ง จู่ๆก็มีแสงสว่างริบหรี่ปรากฏขึ้น และก็ราวกับก้าวเท้าออกไปยังหน้าผาที่แสนจะสูงชันไปแล้ว จู่ๆก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมาจากด้านหลัง

เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา

เป็นเขาจริงด้วย!

เขายังคงนั่งอยู่บนรถเข็น เพียงแต่ ถอดชุดคนไข้ไปแล้ว เปลี่ยนสวมชุดปกติของเขา ในตอนนี้ กำลังนั่งอย่างเย็นชาอยู่ตรงนั้น ไม่ได้มองเธอตรงๆด้วยซ้ำไป ราวกับรูปปั้นหันข้าง มองไปด้านหน้าอย่างไร้อารมณ์

เส้นหมี่ “……”

“โฮ……” ทันใดนั้น เธอก็ควบคุมไม่ได้อีกครั้ง กอดใบหน้าของตัวเองแล้วร้องไห้ต่อหน้าเขาอย่างหนัก

ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไร

เวลาสั้นๆเพียงสิบกว่านาที เหมือนกับว่าเธอไปเดินที่นรกมารอบหนึ่งแล้ว ต่อให้ก่อนหน้านี้เธอจะได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัสมากมาย แต่ก็ไม่ได้เป็นเหมือนตอนนี้

“เธอร้องทำไม? เป็นอะไรอีก?”

และแล้วแสนรักก็มองไปที่เธอ ความเย็นชาตรงหว่างคิ้วหายไปแล้ว กลับแสดงความหัวเสียเล็กน้อย และอาการที่ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เมื่อเห็นเธอจู่ๆก็ร้องไห้โฮออกมาแทน

ผู้หญิงคนนี้ เป็นบ้าอะไรอีกแล้วนะ?

เขายังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย เธอจะร้องไห้ทำไม?

“หยุดร้องได้แล้ว! คนมองตั้งเยอะ ไม่อายหรือไง?” เส้นเลือดสีเขียวบนหน้าผากเขากระตุก สุดท้าย ก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดออกไปอย่างรำคาญใจ

เส้นหมี่ “……”

มองดูผ้าเช็ดหน้านี้ เธอก็น้ำตาเอ่อล้นออกมาอีกครั้ง

แต่ไม่ว่าอย่างไร เธอไม่ได้ส่งเสียงร้องไห้แล้ว แต่เป็นการสะอึกสะอื้น เมื่อรับผ้าเช็ดหน้ามาแล้ว ก็กำมันไว้ในมือของตน

นี่เป็นของเขา เธอจะใช้มันลงได้อย่างไร

“เธอร้องไห้ทำไมกันแน่? เกิดอะไรขึ้นอีก?”

เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนี้หยุดร้องสักที แสนรักก็ถามอย่างอดทนอีกครั้ง

เส้นหมี่สูดจมูกแล้วส่ายหน้า “……ฉันไม่เป็นไร”

“แล้วเธอร้องไห้ทำไม? แล้วยังวิ่งมาตรงนี้อีก เพราะไม่อยากไปที่บ้านตระกูลเทวเทพกับฉันหรือ?” ทันใดนั้น ชายคนนี้จ้องมองเธอ แววตามืดมนอย่างที่สุด

เส้นหมี่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก!