บทที่ 691 ยังคงอาฆาตแค้น

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

หลิงตู้ฉิงและหมิงยู่ ฝ่าบรรดาพายุหมุนเข้าไปในสำนักวายุคลั่งได้อย่างง่ายดาย

วิธีการที่พวกเขาใช้ในการฝ่าพายุหมุนเข้าไปในสำนักวายุคลั่งนั้น หมิงยู่ใช้วิธีหลอมรวมร่างของกับหลิงตู้ฉิง จากนั้นหลิงตู้ฉิงจึงใช้วิชาเหยียบวายุ ซึ่งเป็นวิชาประจำสำนักวายุคลั่งในการฝ่าพายุเข้าไป

เหตุผลที่หลิงตู้ฉิงต้องการจะเข้าไปในสำนักวายุคลั่งนั้นก็เพราะเขาอยากจะเห็นว่าปัจจุบันนี้สำนักวายุคลั่งยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อนหรือไม่ หากยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน เขาตั้งใจว่าเขาจะทำลายสำนักแห่งนี้อีกครั้งหนึ่งโดยไม่มีการปราณีใด ๆ ทั้งสิ้น

ในอดีตสำนักวายุคลั่งคือสำนักที่เป็นศัตรูของเขา ดังนั้นต่อให้เขาทำลายมันอีกรอบเขาก็ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไร

“เจ้าเป็นใคร?” หนึ่งในศิษย์ของสำนักวายุคลั่งที่ผ่านมาเห็นหลิงตู้ฉิง ถามด้วยสีหน้าสงสัย

หลิงตู้ฉิงยิ้ม และตอบกลับ “ข้า หลิงตู้ฉิง เจ้าล่ะชื่ออะไร?”

“ข้าชื่อ หลิวหลี่” ฝั่งตรงข้ามตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนเลย นี่เจ้าเข้าสำนักมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และใครเป็นอาจารย์ของเจ้างั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงถามกลับ “เจ้ารู้จักทุกคนในสำนักเลยรึไง?”

“เอ่อ…แหะ ๆ” หลิวหลี่หัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน

หลิงตู้ฉิงพูดต่อ “ข้าเก็บตัวบ่มเพาะมาเป็นเวลานานมากแล้ว และเพิ่งออกมาและเจ้าก็เป็นคนแรกที่ข้าเพิ่งจะพบหน้านี่แหละ ว่าแต่ในสำนักมีเหตุการณ์อะไรน่าสนใจเกิดขึ้นบ้างรึเปล่าในช่วงหลายปีมานี้?”

ศิษย์สำนักวายุคลั่ง หลิวหลี่ ผู้นี้มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตนภา ซึ่งจัดได้ว่าน่าจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ศิษย์ระดับธรรมดาทั่วไป ดังนั้นเขาควรจะรู้ข้อมูลในสำนักวายุคลั่งมากพอสมควร หลิงตู้ฉิงจึงตัดสินใจที่จะถามข้อมูลจากชายหนุ่มผู้นี้ก่อน

“ที่แท้เจ้าก็เก็บตัวบ่มเพาะมาตลอด มิน่าล่ะข้าถึงไม่เคยเห็นหน้าเจ้ามาก่อน” หลิวหลี่ถอนหายใจ จากนั้นเขาแสดงสีหน้าตื่นเต้นและพูดว่า “ส่วนเรื่องเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้มันก็มีหลายเรื่องเลยล่ะ! แต่เรื่องที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องที่พวกเราเจอเทพกระบี่ในอาณาเขตของพวกเรานี่แหละ จากนั้นบรรดาผู้อาวุโสระดับสูงต่างก็พากันออกไปตามล่าเขากันยกใหญ่เลย!”

เมื่อได้ยินข่าวนี้ หลิงตู้ฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ตงฟางจุนโดนตามล่าเร็วขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?

“พวกเราสามารถต่อกรกับเทพกระบี่ได้งั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงถามกลับ

หลิวหลี่หัวเราะ “ได้แน่นอนสิ! เพราะว่าตอนนี้เทพกระบี่เป็นเพียงแค่ร่างที่กลับชาติมาเกิดใหม่ เขาไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเก่าก่อนสักหน่อย ระดับการบ่มเพาะของเขายังไม่ถึงระดับสวรรค์สามัญด้วยซ้ำ! และที่สำคัญอีกอย่าง ตอนนี้พวกเผ่าอสูรได้ติดประกาศค่าหัวของเทพกระบี่เอาไว้ด้วย ดังนั้นมันจึงมีคนมากมายที่พยายามตามล่าตัวเขาอยู่ ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงคราวนี้เทพกระบี่คงจะต้องตายอีกรอบแน่นอน!”

“อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง! ในเมื่อระดับการบ่มเพาะของเทพกระบี่ยังไม่ถึงระดับสวรรค์สามัญแบบนี้ ถ้างั้นใคร ๆ ก็คงมีโอกาสสินะ!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “ว่าแต่เจ้าพอจะรู้ไหมว่า เทพกระบี่หนีไปทางไหน?”

หลิวหลี่หรี่ตามองที่หลิงตู้ฉิง และตอบว่า “ทำไม? เจ้าจะตามไปงั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีโอกาสสังหารเทพกระบี่ได้เหรอไง? ถึงแม้ว่าในตอนนี้เทพกระบี่จะมีระดับการบ่มเพาะไม่ถึงระดับสวรรค์สามัญก็จริง แต่เจ้าจงอย่าลืมว่าเทพกระบี่ก็ยังคงเป็นเทพกระบี่ เขามีวิธีการมากมายที่จะสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาแบบพวกเราได้อย่างง่ายดาย ไม่สิ แม้แต่บรรดาผู้อาวุโสของสำนักเราหลายคนยังตายลงไปด้วยน้ำมือของเทพกระบี่ผู้นี้ที่เพิ่งกลับชาติมาเกิดใหม่ ดังนั้นข้าคิดว่าเจ้าอย่าเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงจะดีกว่า!”

“เอาน่าตอบข้ามาเถอะว่าพวกเขาไล่ตามกันไปทางไหน? อย่างน้อย ๆ ข้าอยากไปดูให้เห็นกับตา” หลิงตู้ฉิงถามขึ้นอีกรอบ

หลิวหลี่ขมวดคิ้วและตอบกลับด้วยความหงุดหงิดใจว่า “ถ้าเจ้าอยากรนหาที่ตายนักก็ตามใจ พวกเขาพากันไปทางทิศใต้!”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เอาล่ะงั้นข้าขอตัวก่อน!”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ใช้วิชาตัวเบาเหยียบวายุพุ่งตัวออกไปจากสำนักวายุคลั่ง และมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ทันที

หลิวหลี่ เมื่อเห็นวิชาที่หลิงตู้ฉิงใช้เขาก็รู้สึกประหลาดใจจนตาค้าง

“เขาเป็นศิษย์สายหลักงั้นเหรอ? ทำไมระดับความเข้าใจกฎของธาตุลมถึงได้สูงขนาดนั้นกัน?” หลิวหลี่ถามกับตัวเองด้วยความสงสัย

ในเวลานี้ หลิงตู้ฉิงใช้ความเร็วของเขาจนถึงจุดสูงสุด เพื่อไล่ตามเหล่าผู้คนที่ไล่ล่าตงฟางจุนให้ทัน

ถึงแม้ว่าจุดประสงค์ที่เขามาอาณาเขตวายุคือการสังหารโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋ง แต่ในเมื่อตอนนี้เขากลับรู้ว่าตงฟางจุนกำลังถูกไล่ล่าโดยคนจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการดีที่สุด เขาจึงจำเป็นต้องไปช่วยตงฟางจุนก่อนเป็นอันดับแรก

ในเวลาไม่นาน หลิงตู้ฉิงและหมิงยู่ก็ได้เดินทางมาถึงเหวมรณะที่อยู่ทางทิศใต้ของอาณาเขตวายุ ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่ามีผู้คนจำนวนมากกำลังจับจ้องลงไปที่เหวมรณะอย่างเอาเป็นเอาตาย หรือมีกระทั่งบางคนที่ลงไปในเหวมรณะเพื่อหาตัวตงฟางจุนเลยก็มี

เมื่อเห็นการมาถึงของหลิงตู้ฉิง ผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำผู้หนึ่งของสำนักวายุคลั่งก็ขมวดคิ้วและถามขึ้นว่า “เจ้ามีระดับการบ่มเพาะแค่ขอบเขตนภา เจ้าจะมาที่นี่ทำไม?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ข้ามาเพื่อฆ่าคน!”

เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังและพูดว่า “ข้าชื่นชมในความทุ่มเทของเจ้าที่มีต่อสำนักจริง ๆ แต่เจ้าเองก็ต้องรู้ขีดจำกัดของตัวเองเอาไว้ด้วย ถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเทพกระบี่ที่เกิดใหม่ในตอนนี้จะอยู่ในขอบเขตนภาเท่ากับเจ้า แต่เขายังคงมีเจตจำนงกระบี่ของเขาจากชีวิตที่แล้วของเขาติดตัวอยู่ ดังนั้นเจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก เอาล่ะอย่ามาเสียสละตัวเองโดยเปล่าประโยชน์แบบนี้ ปล่อยให้พวกข้าเป็นคนจัดการกับเขาเองก็พอ”

หลิงตู้ฉิงถามกลับ “ในเมื่อเทพกระบี่ยังคงมีเจตจำนงกระบี่จากชีวิตที่แล้วของเขาหลงเหลือแบบนี้ พวกท่านจะต้านทานเขาไหวงั้นเหรอ?”

ผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำขมวดคิ้วและพูดว่า “คำถามนี้เป็นคำถามที่เจ้าไม่ควรจะถาม และอีกอย่างเจ้าเป็นศิษย์ของใครกัน? ทำไมข้าไม่เคยเห็นหน้าของเจ้ามาก่อน?”

เขารู้สึกว่าหลิงตู้ฉิงนั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ปกติแล้วหากเป็นศิษย์ทั่วไปเมื่ออยู่ต่อหน้าเขามันก็ต้องแสดงท่าทีเคารพมากกว่านี้ แต่หลิงตู้ฉิงกลับไม่มีความเคารพต่อเขาเลยแม้แต่น้อยทั้งกิริยาและวาจา

“ข้าก็ไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนเหมือนกัน!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “แต่ข้ามีคำถามที่อยากถามเจ้าสักหน่อย ทำไมเจ้าต้องตามล่าเทพกระบี่ด้วย?”

ผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำขมวดคิ้วกว่าเดิม และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ใกล้จะหมดความอดทนเต็มที “นี่เจ้ากล้าถามคำถามนี้ได้ยังไง? เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักประสาอะไรถึงไม่รู้ว่าเทพกระบี่คือศัตรูของพวกเรา? ดังนั้นในเมื่อเทพกระบี่กลับชาติมาเกิดใหม่มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเราจะต้องตามล่าและฆ่าเทพกระบี่ให้ได้เร็วที่สุด”

“และอีกอย่างด้วยความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของพวกเราที่มีกับสันเขาหมื่นอสูร ต่อให้พวกเราจะไม่ใช่ศัตรูกับเทพกระบี่มันก็เป็นเรื่องปกติที่พวกเราจะช่วยสันเขาหมื่นอสูรตามล่าเทพกระบี่อยู่ดี และนี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่สันเขาหมื่นอสูรให้ค่าหัวของเทพกระบี่อีก ว่าแต่เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามข้าใครเป็นอาจารย์ของเจ้ากัน? เขาไม่ได้สั่งสอนเจ้ารึไงว่าเมื่อเจอกับผู้ที่อาวุโสกว่าเจ้าจำเป็นต้องมีสัมมาคารวะมากกว่านี้!”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “อืม…ที่แท้พวกเจ้าก็ยังคงจำความแค้นเมื่อ 70,000 ปีก่อนได้สินะ แถมยังคงอาฆาตมาจนถึงปัจจุบันนี้อีกต่างหาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็คงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความกับเจ้าและสำนักของเจ้าอีกแล้ว แต่เพื่อเป็นการขอบคุณที่เจ้าอุตส่าห์ให้ข้อมูลข้ามาซะเยอะ ดังนั้นข้าจะฆ่าเจ้าโดยที่จะไม่ทำให้สภาพศพของเจ้าบุบสลายก็แล้วกัน!”

ผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำเห็นเพียงแค่ปราณกระบี่สายหนึ่งปักทะลุอกเขาเพียงเท่านั้น จากนั้นร่างของเขาก็ค่อย ๆ ร่วงลงไปในเหวะมรณะ

เขาตายไปด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กหนุ่มที่ดูแล้วน่าจะเป็นคนสำนักเดียวกันกับเขาถึงได้ฆ่าเขาแบบนี้ แถมกระบี่ที่ใช้สังหารเขากลับเป็นเพลงกระบี่ของเทพกระบี่อีกต่างหาก!

“นายท่าน เหวมรณะมืดขนาดนี้ข้าคิดว่ามันคงเป็นการยากมากที่เราจะหาตัวเทพกระบี่เจอ” หมิงยู่พูดขึ้น “และอีกอย่างจำนวนคนที่ลงไปหาเขาในเหวมรณะตอนนี้ก็มีอยู่จำนวนมาก ข้าเกรงว่าพวกเราคงต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะสังหารคนเหล่านี้หมด”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ก็ลองหาเขาดูก่อน ถ้าหาไม่เจอจริง ๆ พวกเราก็สังหารกลุ่มคนของสำนักวายุคลั่งออกไปซะส่วนหนึ่งแค่พอให้เจ้าเด็กนั่นมีโอกาสฝ่าวงล้อมหนีออกไปได้ อันที่จริงการที่เจ้าเด็กนั่นเผชิญกับสถานการณ์เป็นตายแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะมันถือว่าเป็นวิธีการขัดเกลาชั้นเยี่ยมเลยทีเดียวไม่เช่นนั้นต่อให้เขาจะมีเต๋ากระบี่ที่ไร้เทียมทานแค่ไหนเขาก็คงไม่สามารถสำแดงมันออกมาได้อย่างเต็มที่”

หลิงตู้ฉิงคำนวณอยู่ในใจว่าอีกประมาณครึ่งเดือนโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งน่าจะเดินทางมาถึงอาณาเขตวายุแห่งนี้ ซึ่งก่อนหน้านั้นหากเขายังหาตงฟางจุนไม่เจอ สิ่งที่เขาสามารถทำได้ดีที่สุดก็คือฆ่าคนของสำนักวายุคลั่งบางส่วน จากนั้นเขาจะจากไปเตรียมการรอการมาถึงของเป้าหมายหลักของเขา

หากเขาจะสังหารผู้ที่เป็นทายาทของคุนเป๋ง ซึ่งนับได้ว่ามีความเร็วอันไร้เทียมทาน เขาจำเป็นจะต้องวางกับดักทุกอย่างให้ดี