ไม่ว่าจะเป็นโลกไหน ๆ มันจะมีตัวตนอยู่ 2 ประเภทที่ฆ่าได้ยากมาก ๆ หนึ่งคือพวกที่มีความแข็งแกร่งมหาศาล สองคือพวกที่มีความเร็วจนไม่มีใครตามทัน
หากจะพูดถึงตัวตน 2 ประเภทนี้ในอดีต เมื่อชีวิตก่อนหน้าหลิงตู้ฉิงคือตัวตนจำพวกแรก ซึ่งมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับสูงสุด
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อไหร่ที่เขาต้องเผชิญกับพวกที่เร็วกว่าเขา เขาเองก็จนปัญญาที่จะฆ่าให้ตายเหมือนกัน
แค่เพียงกระพริบตาครั้งเดียว แต่คู่ต่อสู้กลับหนีไปไกลกว่าแสนกิโลเมตรแล้วแบบนี้เขาจะฆ่าได้ยังไง?
และพวกที่มีความเร็วระดับสุดยอดก็แบ่งได้ออกเป็นอีก 2 ประเภท ประเภทแรกก็คือพวกที่ใช้พลังแห่งมิติ ซึ่งพวกนี้แค่เพียงเห็นเขากำลังจะออกกระบวนท่า พวกมันก็หายวับเข้าไปในรอยแยกมิติไปโผล่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้
ส่วนอีกประเภทหนึ่งก็คือพวกที่มีความเร็วอันไร้เทียมทานติดตัวมาตั้งแต่เกิดเช่นพวกคุนเป๋ง
พวกคุนเป๋งเหล่านี้ยิ่งพวกมันแข็งแกร่งเท่าไหร่ ความเร็วของพวกมันก็ยิ่งเร็วมากขึ้นเท่านั้น เอาแค่พวกคุนเป๋งธรรมดา ๆ ความเร็วของพวกมันก็ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะตามทันได้แล้ว แค่เพียงพริบตาเดียวพวกมันก็บินหนีไปได้นับแสนกิโลเมตร
และด้วยสถานะและความหยิ่งผยองในชีวิตที่แล้วของเขา ต่อให้เขาจะอยากฆ่าพวกคุนเป๋งเพื่อดูดซับทักษะของพวกมันมา เขาก็ไม่เคยคิดที่จะไปวุ่นวายอะไรกับพวกคุนเป๋งรุ่นเยาว์ เขาเลือกแต่พวกคุนเป๋งระดับบรรพบุรุษเพื่อความเท่าเทียม ซึ่งแน่นอนว่าคุนเป๋งระดับนั้นมันเป็นตัวตนที่หลิงตู้ฉิงไม่เคยฆ่าพวกมันได้สำเร็จเลยสักครั้ง ทั้ง ๆ ที่ความแข็งแกร่งของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าพวกมันมาก
เขาจะฆ่ามันได้ยังไงในเมื่อเวลาพวกมันเห็นหน้าหลิงตู้ฉิงทีไร พวกมันจะบินหนีไปในทันทีและความเร็วของพวกมันนั้นแค่เพียงพริบตาเดียวก็ทิ้งระยะไปไกลกว่าล้านกิโลเมตรแล้ว
แต่ในตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างมันไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาไม่ได้สูงส่งเหมือนในอดีตแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่นับว่าการสังหารโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งในครั้งนี้เป็นการรังแกเด็กที่อ่อนแอกว่า และไม่เพียงแค่เขาจะต้องการสังหารโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งเพียงอย่างเดียว เขายังต้องการใช้โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งเพื่อวางแผนอื่นต่ออีกต่างหาก
ในเหวมรณะ หลิงตู้ฉิง ฃใช้เวลาครึ่งเดือนในการสังหารเหล่าผู้คนของสำนักวายุคลั่งไปกว่า 20 คนก่อนที่จะถอยกลับออกไป
หลิงตู้ฉิงได้แต่คิดว่าหลังจากผู้เชี่ยวชาญที่ตามล่าตายไปมากขนาดนี้ หากตงฟางจุนยังคงหนีไม่รอดอีก หลิงตู้ฉิงก็คงไม่จำเป็นที่จะสนับสนุนคนที่ไร้ความสามารถแบบนี้ต่อไปอีก
แน่นอนว่าเมื่อเสร็จจากเรื่องของตงฟางจุน หลิงตู้ฉิงก็กลับไปวางแผนจัดการกับโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งต่อ
ในเวลาเดียวกัน ตงฟางจุนที่กำลังแอบอยู่ในเหวมรณะ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงของบางสิ่งบางอย่างหล่นลงมาใกล้ ๆ กับจุดที่เขาซ่อนตัวอยู่ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกขวัญกระเจิงในทันที
เขาหลบอยู่ในที่เดิมของเขาไปอีกครึ่งวันเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่หล่นลงมามันไม่ใช่สิ่งที่เป็นภัยต่อเขา จากนั้นเขาจึงค่อย ๆ คลานออกไปดูและเมื่อเขาเห็นว่ามันเป็นศพของชายผู้หนึ่ง ตงฟางจุนก็แสดงสีหน้าประหลาดใจขึ้นในทันที
เขาไม่แน่ใจว่าผู้ที่ตายเป็นใคร แต่สิ่งที่เขาแน่ใจที่สุดคือคนผู้นี้ตายด้วย 1 ใน 3 กระบี่แรกของวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่
ในโลกนี้นอกจากเขาแล้วก็มีอีกเพียงแค่คนเดียวที่รู้วิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ ซึ่งก็คือ หลิงตู้ฉิง
ดังนั้นหลิงตู้ฉิงมาช่วยเขางั้นเหรอ?
แต่ถึงแม้ว่าตงฟางจุนจะเดาไปแบบนั้น แต่เขาก็ยังคงหลบซ่อนอยู่อย่างเงียบ ๆ เพราะเขาคิดขึ้นได้อีกว่าหากเป็น 1 ใน 3 กระบี่แรกของวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ ในโลกนี้มันก็มีหลายคนที่รู้และใช้มันได้เช่นกัน
ถ้าไม่ใช่หลิงตู้ฉิงมาช่วยเขา และถ้าหากเขาออกไป เขาจะต้องถูกสังหารทิ้งแน่นอน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะรอต่อไปอีก
ในระหว่างที่เขารอไปเรื่อย ๆ เขาก็ได้ยินเสียงบางสิ่งบางอย่างหล่นลงมาเรื่อย ๆ เช่นกัน ซึ่งมื่อเขาไปสำรวจดู สิ่งที่เขาพบมันก็เหมือนเดิมคือเป็นศพของคนสำนักวายุคลั่งที่ร่วงหล่นลงมา
หลังจากรอไปได้อีกหลายวัน เมื่อเห็นว่าไม่มีศพร่วงลงมาอีกแล้ว ตงฟางจุนจึงค่อย ๆ ออกมาจากที่ซ่อนและค่อย ๆ ไต่เหวมรณะขึ้นไป และใช้ซอกหน้าผาเพื่อกำบังกายในบางจังหวะที่มีคนผ่านมา
ตงฟางจุนรู้สึกได้ว่าขณะนี้วงล้อมของคนสำนักวายุคลั่งหละหลวมกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงสามารถเล็ดรอดออกไปจากเหวมรณะได้อย่างปลอดภัยพร้อมกับแปลงโฉมของตนเอง และมุ่งหน้าไปที่อาณาเขตสุสานกระบี่
เหตุผลที่เขาไปที่อาณาเขตสุสานกระบี่ก่อนนั้นก็เป็นเพราะว่าเขาได้ยินมาว่าในอาณาเขตสุสานกระบี่ตอนนี้ บรรดาทายาทของเทพกระบี่ได้เปิดเผยตัวขึ้นแล้ว ซึ่งเขาวางแผนที่จะไปขอความช่วยเหลือจากเหล่าทายาทของเทพกระบี่ก่อนที่จะไปยังอาณาเขตนภาเป็นจุดหมายต่อไป
ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในขณะที่ตงฟางจุนกำลังมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตสุสานกระบี่ หลิงตู้ฉิงในเวลานี้ก็ได้ลอบเข้าไปในสำนักวายุคลั่งอีกครั้ง
“นายท่าน ทำไมดูเหมือนว่าท่านกำลังทำให้ค่ายกลป้องกันของสำนักวายุคลั่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ?” หมิงยู่ถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ใช่แล้ว ข้ากำลังเสริมความแข็งแกร่งค่ายกลป้องกันให้กับสำนักวายุคลั่ง”
หลิงตู้ฉิงใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการเสริมความแข็งแกร่งให้ค่ายกลป้องกันของสำนักวายุคลั่ง เขาถึงขนาดใช้ของล้ำค่าหลายอย่างที่ได้มาจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนในการทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นด้วยซ้ำ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็คือค่ายกลป้องกันของสำนักวายุคลั่งตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมนับสิบเท่า
แต่ถึงแม้ว่าค่ายกลป้องกันจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ถ้าหากผู้คนของสำนักวายุคลั่งไม่เปิดใช้งานมัน พวกเขาก็ไม่มีทางรู้ว่าในตอนนี้ค่ายกลป้องกันของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
“นายท่าน ท่านไม่กลัวว่าพวกคนสำนักวายุคลั่งจะใช้มันกับพวกเรางั้นเหรอ?” หมิงยู่ถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “อำนาจของค่ายกลป้องกันในตอนนี้มันมีมากกว่าที่พวกคนของสำนักวายุคลั่งจะควบคุมมันได้ ดังนั้นเมื่ออำนาจของมันถูกใช้ถึงขีดสุดเมื่อไหร่ ค่ายกลป้องกันนี้จะไม่ใช่ของสำนักวายุคลั่งอีกต่อไป”
เมื่อไหร่ที่สำนักวายุคลั่งไม่สามารถควบคุมค่ายกลป้องกันได้อีกต่อไป เมื่อนั้นหลิงตู้ฉิงจะเข้ามาเปลี่ยนมือควบคุมแทน
เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้ผู้คนของสำนักวายุคลั่งจะมีแกนหลักที่ไว้ใช้ควบคุมค่ายกลมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าหมิงยู่ยังคงไม่เข้าใจในหลักการนี้สักเท่าไหร่ แต่นางก็แน่ใจว่าเจ้านายของนางนั้นไม่ใช่คนที่ใจดีถึงขนาดมอบประโยชน์อะไรให้กับใครง่าย ๆ ดังนั้นนางจึงไม่ค่อยจะกังวลอะไรสักเท่าไหร่
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ถึงแม้ว่าเขาจะเดินไปทั่วทุกที่ของสำนักวายุคลั่ง แต่มันก็ไม่มีใครในสำนักวายุคลั่งที่สงสัยอะไรในตัวเขา เนื่องจากหลิงตู้ฉิงใช้วิชาที่เป็นของสำนักวายุคลั่งอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นบรรดาผู้คนของสำนักวายุคลั่งจึงเชื่ออย่างสนิทใจว่าหลิงตู้ฉิงเป็นพวกเดียวกันกับพวกเขา
เมื่อหลิงตู้ฉิงเสริมความแข็งแกร่งให้กับค่ายกลป้องกันสำนักวายุคลั่งจนเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็รอการมาถึงของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งอย่างเงียบ ๆ
หลิงตู้ฉิงได้แต่หวังว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งจะมาที่สำนักวายุคลั่งจริง เพราะถ้าหากเขาพลาดโอกาสนี้ไป เขาก็ไม่รู้ว่าจะอีกเมื่อไหร่ที่เขาจะมีโอกาสจับตัวคุนเป๋งได้แบบนี้
แต่ถึงแม้ว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งจะไม่มา หลิงตู้ฉิงก็ยังไม่ถือว่าที่เขาลงแรงเสริมความแข็งแกร่งให้กับค่ายกลป้องกันนั้นสูญเปล่า เพราะไม่ว่าจะยังไงเขาก็ต้องใช้มันในการทำลายสำนักวายุคลั่งอยู่ดี
แต่แล้วในระหว่างที่หลิงตู้ฉิงกำลังรอการมาถึงของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋ง จู่ ๆ ก็มีเรื่องที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น นั่นก็คือก่อนที่โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งจะมาถึงมันดันมีอสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิตนหนึ่งปรากฏกายขึ้นที่สำนักวายุคลั่งซะก่อน ซึ่งอสูรตนนี้มีนามว่า หลงหยา!