หลิงฮันไม่สนใจการประลองมากนัก ถึงแม้คังซิวหยวนจะพ่ายแพ้ แล้วมันทำไม?
ในเมื่อมีจักรพรรดิปรุงยาอยู่ที่นี่ ตำหนังฮันหลิงจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าต้องใช้เวลาหลอมเกือบสิบวัน ดังนั้นเขาจึงเดินออกจากตำหนักฮันหลิงและไปหาเฟิงโป๋วหยุนกับคนอื่นๆเพื่อไม่ให้เสียเวลา นอกจากนั้นเขายังต้องวางแผนที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาอีก
เขายังไม่คิดที่จะรีบเปิดเผยตัวตนตัวตนทันที อย่างแรกเขาต้องได้พูดคุยกับทั้งสองเสียก่อน
แปดวันต่อมา หลิงฮันกลับไปที่ตำหนักฮันหลิงอีกครั้ง
การประลองระหว่างคังซิวหยวนและเหลียงจิงโปวใกล้จะถึงจุดตัดสิน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถชะล่าใจได้เด็ดขาด มิฉะนั้นอาจนำพาไปซึ่งความผิดพลาด…
ช่วงเวลาสำคัญที่สุดคือ ตอนใกล้หลอมเสร็จ
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ทั้งสองคนหยุดมือแทบจะพร้อมกัน
“เปิด!” ทั้งสองคนตะโกนและฝาเตาหลอมก็เปิด แต่ก่อนที่คังซิวหยวนจะเปิดฝาเตาหลอม เขาผสานฝ่ามือและปล่อยเปลวเพลิงชนกันสามครั้ง มันคือเทคนิคสามเพลิงชี้นำ ซึ่งเป็นเทคนิคของหลิงฮัน
เหลียงจิงโปวเป็นคนแรกที่นำเม็ดยาที่หลอมเสร็จแสดงให้ทุกคนได้เห็น มันมีเม็ดยาสามเม็ดอยู่ในเตาหลอม ซึ่งดูเหมือนมันจะบินหนีไปได้ทุกเมื่อ แต่ถูกพลังของเขาผนึกเอาไว้ในเตา
คังซิวหยวนเอียงเตาหลอมเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าเองก็ไม่ทำให้พี่ชายเหลียงต้องผิดหวัง”
ในเตาหลอมของเขามีเม็ดยาอยู่สามเม็ดเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม คังซิวหยวนแอบปาดเหงื่อเล็กน้อบ ถ้าเขาไม่ใช้เทคนิคสามเปลวเพลิงชี้นำปรับปรุงคุณภาพและเพิ่มอัตราสำเร็จในช่วงนาทีสุดท้าย เขาอาจหลอมได้แค่สองเม็ด
“เช่นนั้น เทียบกันด้วยคุณภาพ!”
ทั้งสองคนนำเม็ดยาออกมาจากเตาและแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบ
สำหรับนักปรุงยาอย่างพวกเขา เพียงแค่ตรวจสอบและดมกลิ่นก็สามารถประเมินคุณภาพของเม็ดยาได้แล้ว
สีหน้าของคังซิวหยวนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในแง่ของสีและกลิ่น อีกฝ่ายเหนือกว่าเล็กน้อย แต่นี่เป็นความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจน
คังซิวหยวนลังเล จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและพูดว่า “ข้าแพ้แล้ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เหลียงจิงโปวหัวเราะ การประลองครั้งนี้ทั้งที่คังซิวหยุนเป็นคนลงแข่งด้วยตัวเองแต่ก็ยังแพ้ นี่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก
“ไม่จำเป็นต้องเศร้า อีกฝ่ายเหนือกว่าเจ้ามาก นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นนักปรุงยาระดับห้ามาก่อนเจ้าหลายหมื่นปี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะก้าวข้ามอีกฝ่ายในเวลาอันสั้น” หลิงฮันพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
คังซิวหยวนหันไปเหลือบมองหลิงฮันด้วยสีหน้าตกตะลึง
เด็กนี่เป็นใคร? ทำไมเขาถึงดูคุ้นเคยและยังมีน้ำเสียงเหมือนอาจารย์
ก่อนหน้านี้เขาจดจ่ออยู่กับการปรุงยา ทำให้เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างที่เขาประลอง ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าหลิงฮันเป็นใคร กระทั่งตอนนี้เขาได้เป็นสมาชิกของตำนักฮันหลิงแล้วก็ตาม
แต่เหลียงจิงโปวรู้สึกรำคาญ เจ้าพูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง? แพ้ก็คือแพ้ ไม่มีข้อแก้ตัว
ช่วยไม่ได้ที่เขาจะพูดออกมาว่า “หรือเจ้าจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้?”
“แพ้?” หลิงฮันส่ายหัวและพูดว่า “การประลองยังไม่จบ ข้าจะแพ้ได้อย่างไร?”
ยังไม่จบ? แล้วมันทำไม? นักปรุงยาที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าพ่ายแพ้ไปแล้ว นี่เจ้ายังต้องการอะไรอีก? เดี๋ยวก่อน เจ้าเด็กนี่เป็นใคร และเขามาจากไหน?
เหลียงจิงโปวกล่าว “เจ้าเป็นใคร? น้องคัง น้องหยุน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตำหนักฮันหลิงแห่งนี้มีเจ้าเด็กนี่เป็นคนตัดสินใจแทน?”
หลิงฮันโบกมือและพูดว่า “ข้าคือสมาชิกใหม่ของตำหนักฮันหลิง การประลองรอบต่อไป ข้าจะเป็นคนประลองกับเจ้าเอง ถ้าเจ้ามีเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหกหรือระดับเจ็ดก็นำออกมา”
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
ข้าเองงั้นรึ?
เม็ดยาระดับหกหรือระดับเจ็ดงั้นรึ?
คำพูดของหลิงฮันทำให้เหลียงจิงโปวโกรธ ดวงตาของเขากลายเป็นแข็งทื่อและพูดว่า “น้องคัง น้องหยุน ตำหนักฮันหลิงของเจ้าปล่อยให้เด็กทำตามอำเภอใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
คังซิวหยุนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเขาเห็นหลิงฮันเดินเข้ามาและคว้าเม็ดยาทั้งสามเม็ดออกไปจากมือของเขาได้อย่างง่ายดาย แม้จะเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเหมือนกันก็ตาม
“ถ้าเสือไม่คำราม เจ้าคงคิดว่าข้าเป็นแมวป่วย” หลิงฮันโยนเม็ดยาทั้งสามเม็ดกลับเข้าไปในเตาหลอมและเริ่มปรับแต่ง
นี่มันอะไรกัน! เม็ดยาถูกหลอมเสร็จแล้ว แต่เจ้ากลับใส่เข้าไปในเตาหลอมเพื่อหลอมอีกครั้ง สมองของเจ้ามีปัญหาหรือไง!
ถึงเจ้าจะไม่พอใจคุณภาพของเม็ดยามากแค่ไหน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถโยนเข้ากองไฟและนำมาหลอมใหม่ มันไม่ใช่อาวุธ แต่เป็นเม็ดยาที่มีพลังมหาศาลอัดแน่นอยู่ภายใน พลังของมันอาจรั่วไหลได้ทุกเมื่อ และจะนำมาซึ่งการระเบิด
คังซิวหยวนอยากจะเข้าไปหยุด แต่เขาก็ถูกหยุนหย่งหวังหยุดเอาไว้ นี่ทำให้เขาประหลาดใจมากและพูดว่า “ทำไม?”
“ชื่อของเขาคือหลิงฮัน!” หยุนหยงหวังกล่าว
“ว่าไงนะ!” คังซิวหยวนตกตะลึง แต่แล้วเขาก็รีบส่ายหัวปฏิเสธทันที นี่จะต้องไม่ใช่อาจารย์ของพวกเขา เพราะอาจารย์ของพวกเขาตายไปแล้วเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน แต่เนื่องจากเด็กคนนี้มีชื่อเดียวกัน เขาจึงปล่อยให้หลิงฮันหลอมต่อ
หลิงฮันยังคงหลอมเม็ดยาไม่หยุดและเปลวเพลิงก็ลุกไหม้ หลังจากนั้นไม่นานกลิ่นหอมที่น่าทึ่งของเม็ดยาก็ลอยกระจายไปทั่วในรัศมีสิบลี้
“ทำไมเตาหลอมถึงไม่ระเบิด!” เหลียงจิงโปวตกตะลึง
เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล มันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำลายความสมดุลเมื่อถูกเปลวเพลิงเผา ดังนั้นพลังที่อัดแน่นมหาศาลจึงสามารถระเบิดออกได้ทุกเมื่อ ถ้าระเบิดเบา เตาหลอมแค่ระเบิด แต่ถ้าระเบิดรุนแรง มันก็จะเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ ซึ่งเทียบได้กับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นหนึ่งร้อยคงโจมตีพร้อมกันอย่างสุดกำลัง
ทว่าเม็ดยากลับไม่ระเบิด นี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ
หรือว่าเขาจะไม่ได้ใส่เม็ดยาลงไป?
หลิงฮันเพ่งสมาธิและต้องการปรับปรุงคุณภาพของเม็ดยา ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยาก แม้เขาจะเป็นจักรพรรดินักปรุงยาก็ตาม แต่ยังดีที่มันเป็นแค่เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าเท่านั้น ซึ่งเขาเป็นนักปรุงยาระดับเจ็ดแล้ว โอกาสสำเร็จจึงสูงมาก
แต่ความยากลำบากในการปรังแต่งนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าการหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด ดังนั้นหลิงฮันจะต้องระมัดระวังอย่างรอบคอบ
การปรับปรุงคุณภาพไม่ใช่เป็นการหลอมเม็ดยาใหม่ เลยใช้เวลาไม่นานนัก เพียงแค่หนึ่งชั่วโมง หลิงฮันก็ปรับแต่งคุณภาพของเม็ดยาเสร็จสมบูรณ์
เขาเปิดเตาหลอม นำเม็ดยาออกมาและโยนให้กับเหลียงจิงโปว พร้อมกับพูดว่า “กบที่อยู่ก้นบ่อควรเรียนรู้ให้มากเข้าไว้”
เหลียงจิงโปวเผลอหยิบขึ้นมาตรวจสอบโดยไม่รู้ตัว เขากวาดสายตามอง และทันใดนั้นเองเขาก็เผยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ