ตอนที่ 1224

Alchemy Emperor of the Divine Dao

เป็นไปได้ยังไง!

เหลียงจิงโปวเผยสีหน้าตกตะลึง ในฐานะที่เขาเป็นอัจฉริยะด้านศาสตร์ปรุงยา และถูกขนานนามว่าเป็นปรมาจารย์ เพียงแค่เหลือบมองเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเม็ดยานี้มีคุณภาพสูงกว่าก่อนหน้านี้แค่ไหน

เจ้าเด็กนี่มีความเข้าใจเกี่ยวกับการหลอมยาและสมุนไพรอยู่ในระดับไหนกัน?

เม็ดยาที่หลอมเสร็จแล้วสามารถนำมาหลอมเพื่อปรับปรุงคุณภาพอีกครั้งได้อย่างไร?

ไม่อยากจะเชื่อ!

นักปรุงยาระดับห้าสามารถทำแบบนี้ได้หรือไม่?

คังซิวหยวนและหยุนหย่งหวังประหลาดใจเช่นเดียวกัน นี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก แค่ความเข้าใจด้านศาสตร์ปรุงยา หลิงฮันก็เหนือกว่าพวกเขาอย่างสมบูรณ์! หากพูดถึงศาสตร์วรยุทธแล้ว การที่หลิงฮันสามารถแย่งเม็ดยาสี่ทิศจากคังซิวหยวนได้ นี่ก็สามารถอธิบายได้ว่าด้านวรยุทธของเด็กคนนี้เองก็ไม่ธรรมดา

อัจฉริยะที่เชี่ยวชาญทั้งด้านศาสตร์ปรุงยา และศาสตร์วรยุทธเช่นนี้ กลับยินดีเข้าร่วมตำหนักฮันหลิงของพวกเขาได้อย่างไร?

ยิ่งพวกเขาคิดเรื่องพวกนี้มากเท่าไหร่ มันก็ทำให้พวกเขายิ่งเวียนหัวมากขึ้นเท่านั้น

“นี่มัน!” ทุกคนในตำหนักเป่าหลินรีบเข้าไปล้อมเหลียงจิงโปวและศึกษาเม็ดยาสี่ทิศในมือของเขาอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาสามารถพิสูจน์ได้เพียงข้อเดียวคือ หลังจากเม็ดยาสี่ทิศได้รับการปรับปรุงคุณภาพจากหลิงฮัน คุณภาพของมันเหนือกว่าเม็ดยาสี่ทิศที่เหลียงจิงโปวหลอมไว้มาก

นี่เป็นเรื่องยากยอมรับและเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับตำหนักเป่าหลิน

“เป็นไงบ้าง?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราจะประลองกันต่อได้แล้วหรือยัง?”

ผู้คนของตำหนักเป่าหลินต่างมองหน้ากันไปมา สิ่งที่พวกเขารู้คือตำหนักฮันหลิงมีเพียงแค่นักปรุงยาระดับห้า ดังนั้นจึงไม่มีนักปรุงยาระดับหกและระดับเจ็ดมาด้วย

อย่างไรก็ตาม การที่หลิงฮันสามารถปรับปรุงคุณภาพของเม็ดยาระดับห้าได้ นี่เป็นตัวบ่งชี้ว่าความสามารถของเขาจะต้องเหนือกว่านักปรุงยาระดับห้า

เช่นนั้นในที่นี้ใครจะสามารถประลองกับหลิงฮันได้?

“โอ้ ข้าไม่คิดเลยว่าจะเสือซ่อนเล็บอยู่ในตำหนักฮันหลิง!” ชายชราคนหนึ่งจากตำแหน่งเป่าหลินกล่าว เขาเป็นแค่แซ่หู่ และทุกคนต่างเรียกเขาว่าปรมาจารย์หู่หรือนักปรุงยาหู่ ซึ่งเขาเป็นผู้นำกลุ่มตำหนักเป่าหลินในการประลองครั้งนี้

ด้านหนึ่งเขาได้สั่งให้ใครคนบางคนกลับไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น ในอีกด้านหนึ่งเขาก็พยายามควบคุมสถานการณ์ให้ราบรื่น พวกเขาชนะห้าตาติดและวันนี้เป็นโอกาสดีที่จะเอาชนะชนะตำหนักฮันหลิง แล้วเขาจะแพ้ได้อย่างไร?

“ข้าควรเรียกท่านว่าอะไรดี?” เขาถาม

“หลิงฮัน” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม

“หลิงฮัน…แห่งตำหนักฮันหลิง?” ปรมาจารย์หู่พูดพึมพัมคิดว่ามันแปลก แต่เขาก็คิดว่ามันคงเป็นเรื่องบังเอิญ จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดต่อว่า “ปรมาจารย์หลิงช่างเยาว์วัยยิ่งนัก ถึงมีความสำเร็จด้านวรยุทธขนาดนี้ อนาคตของท่านจะต้องไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน! อย่างไรก็ตาม ปรมาจารย์หลิง ท่านเพิ่งเข้าร่วมตำหนักฮันหลิงได้ไม่นานใช่หรือไม่?”

พวกเขาทำการสืบหาข้อมูลก่อนที่จะเคลื่อนไหวอะไร เพราะพวกเขารู้ความแข็งแกร่งของตำหนักฮันหลิงดี แต่จู่ๆก็มีปรมาจารย์รุ่นเยาว์ที่พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจประมาทได้

“ปรมาจารย์หลิงเป็นผู้อาวุโสคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากตำหนักฮันหลิงของพวกเรา!” หยุนหยงหวังรีบกล่าวทันที เพื่อทำให้หลิงฮันมีสถานะไม่ธรรมดา

“โอ้!” ปรมาจารย์หู่พยักหน้าและหรี่ตาลงเล็กน้อย “ด้วยความสามารถของปรมาจารย์หลิง มันคงไร้ค่าที่จะอยู่ตำหนักเล็กๆอย่างตำหนักฮันหลิง แต่ถ้าท่านเข้าร่วมกับตำหนักหลินเป่าของพวกเรา โลกของท่านจะเปิดกว้างขึ้น”

นี่เขาคิดจะแย่งตัวในที่สาธารณะอย่างนี้เลยหรือ?

หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโสของตำหนักฮันหลิง ข้าจะทำให้ตำหนักฮันหลิงขยายอาณาเขตไปทั่วจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ ดาวหยุนติ่ง กระมั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ดังนั้นหากเจ้ายินดีเข้าร่วมกับตำหนักฮันหลิง ข้าจะให้คำแนะนำแก่เจ้าเป็นพิเศษ”

คำพูดของเขายิ่งใหญ่เกินไปแล้ว

คำพูดของหลิงฮันไม่ได้มีเพียงแค่ผู้คนของตำหนักเป่าหลินเท่านั้นที่เหงื่อตก แม้แต่ผู้คนของตำหนักฮันหลิงเองก็เหงื่อตกเช่นเดียวกัน อันที่จริงแล้วสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาภายในเมืองต้าหยิงไม่ค่อยสู้ดีนัก การที่จะครอบครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้…ไม่มีทางเป็นไปได้!

ปรมาจารย์หู่มุมปากกระตุกไม่หยุด เขาศึกษาปรุงยาเป็นล้านปี แต่กลับถูกฉีกหน้าโดยเจ้าเด็กนี่ โดนบอกจะให้คำแนะนำ แล้วเขาจะรู้สึกดีได้อย่างไร?

ถึงการเรียนรู้จะไม่จำกัดอายุ แต่อีกฝ่ายยังเด็กเกินไป แล้วเขาจะยอมรับเป็นอาจารย์ได้อย่างไร?

“ปรมาจารย์หลิงช่างเป็นคนที่มั่นใจตัวเองยิ่งนัก!” ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้แค่พูด ไม่สามารถลงไม้ลงมืออะไรได้

ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม หากตัดสินตามความสามารถของหลิงฮันแล้ว อย่างน้อยอีกฝ่ายจะต้องเป็นนักปรุงยาระดับห้า นักปรุงยาก็เหมือนจอมยุทธ ระดับสูงกว่าคืออาวุโส

นอกจากนี้ศาสตร์วรยุทธสามารถต่อสู้เกินกว่าระดับของตัวเองได้ แต่ศาสตร์ปรุงยาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นนักปรุงยาระดับใดก็ไม่สามารถปรุงยาเกินระดับของตัวเองได้

ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นนักปรุงยาที่มีระดับเหนือกว่าตัวเอง เขาจึงทำได้แค่ทำตัวสุภาพ มิฉะนั้นเขาจะได้รับความอับอายจากเหล่าผู้ติดตามของเขา

ขณะที่หยุนหยงหวังและคังซิวหยวนยิ้มกริ่ม

พวกเขาถูกกดขี่โดยตำหนักเป่าหลินอย่างไม่มีเหตุผล ภายใต้ลมหายใจของพวกมัน การกลับมาอย่างไม่คาดคิดเช่นนี้จะไม่ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร? นี่เป็นความรู้สึกยอดเยี่ยมมาก เหมือนกับตอนที่พวกเขาอยู่โลกใบเล็กขณะติดตามอาจารย์

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีปรมาจารย์ที่เก่งกาจอยู่ในตำหนักฮันหลิง!” ท่ามกลางเสียงหัวเราะ มีชายวัยกลางคนสวมชุดสีเขียวผู้หนึ่งอายุประมาณสามสิบปีเดินออกมาจากกลุ่มฝูงชน

“อาจารย์เหอ!”

“เขาคือเหอจิงหยุนหรือที่รู้จักกันในนามนักปรุงยาระดับหกที่เยาว์วัยที่สุด และมีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด!”

“หึ่ม ที่จะเรียกตัวเองว่าเยาว์วัยที่สุด แต่ที่ข้ารู้ยังมีอีกอย่างน้อยสิบคนที่เยาว์วัยกว่าปรมาจารย์เหอ แต่ยังไงก็ตามเขาเป็นอัจฉริยะนักปรุงยาอย่างแท้จริง สามารถก้าวเข้าสู่นักปรุงยาระดับห้าได้เมื่อสามหมื่นปีก่อน และกลายเป็นนักปรุงยาระดับหกเมื่อหนึ่งหมื่นปีที่แล้ว”

“น่าทึ่งมาก!”

“การที่ตำหนักเป่าหลินใช้เผ่าลับใบนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องการทำลายตำหนักฮันหลิงให้ได้!”

“ถูกต้อง ในเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่แล้ว พวกเขาก็ต้องเอาชนะตำหนักฮันหลิงให้จงได้”

“แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าตำหนักเป่าหลินจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในครั้งนี้!”

“ข้าด้วย! ชายหนุ่มลึกลับผู้นี้ไม่สามารถดูแคลนได้ บางทีเขาอาจสามารถปาฎิหาริย์ก็เป็นได้!”

ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยไม่มีใครคิดว่าเหอจิงหยุนจะเป็นฝ่ายชนะ

“คารวะปรมาจารย์เหอ!” นักปรุงยาจากตำหนักเป่าหลินโค้งคำนับให้กับเหอจิงหยุน ในโลกใบนี้ความแข็งแกร่งคือราชา

เหอจิงหยุนยกมือขึ้นเล็กน้อยและพูดว่า “ไม่ต้องมากพิธี!” จากนั้นเขาก็หันไปมองหลิงฮันและพูดว่า “เจ้าเพิ่งเข้าร่วมกับตำหนักฮันหลิง แล้วทำไมเจ้าจะต้องทุกข์ร้อนด้วย?”

“…” หลิงฮันเพียงแค่ยิ้มไม่ตอบคำถาม

ใครจะไปรู้ว่าคังซิวหยวนและหยุนหยงหวังคือลูกศิษย์ของเขา ในเมื่อเขาอยู่ที่นี่แล้ว เขาจะปล่อยให้ลูกศิษย์ของตัวเองถูกรังแกได้อย่างไร?

ตลก!

แววตาของเหอจิงหยุนกลายเป็นชาเย็น ในฐานะที่เขาเป็นนักปรุงยาอัจฉริยะ เขาจึงเป็นคนที่หยิ่งยโสและโอหังมาก

แต่ตอนนี้มีอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มีอายุน้อยกว่าเขาปรากฏตัวและอาจมีฝีมือไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา แน่นอนว่าเขาไม่มีความสุขและไม่พอใจกับเรื่องนี้

เขาพูดว่า “ข้าจะประลองกับเจ้า หากเจ้าแพ้ห้ามกลับเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยาอีก!”